"นีโน่ เมทนี" ใจป๋า เผยส่งเสียเด็กเรียนกว่า 20 ชีวิต ลั่น! บั้นปลายชีวิต ยังไงเขาก็มาดูแล

เมทนี บุรณศิริ มีชื่อเล่นว่า นีโน่ เป็นบุตรคนที่สามจากทั้งหมดสี่คนของสุมิดา บุรณศิริ และธารารัตน์ (สกุลเดิม ณ สงขลา) หรือเชอรี่ มารดาเป็นลูกครึ่งออสเตรเลีย มีพี่น้องคือ ชลิดา, ชุติมา และเฉกชนม์ ตามลำดับ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์ดอมินิก รุ่นที่ 16 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์. มหาวิทยาลัย ปริญญาโท. จากประเทศ สเปน จบหลักสูตร บริหารงานภาครัฐ และกฎหมายมหาชน. จาก สถาบันพระปกเกล้าฯ. จบหลักสูตร. ผู้บริหารระดับสูง นิด้า. เครื่องราชอิสริยาภรณ์ จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย พ.ศ. 2557
 

 

เข้าสู่วงการบันเทิงโดยการถ่ายแบบลงโฆษณาสินค้าต่างๆ ต่อมาได้แสดงละครและภาพยนตร์ โดยเป็นพระเอกภาพยนตร์เรื่องแรกและเรื่องเดียวคือ "ขอลูกแก้วเป็นพระเอก" คู่กับ สุนิสา สุขบุญสังข์ และมีผลงานทางจอเงินและจอแก้วมากมายหลายเรื่อง ด้านการเป็นนักร้อง มีผลงานเพลงกับค่ายคีตา เรคคอร์ดส ในชื่ออัลบั้มว่า "ขอเป็นพระเอก" ในอัลบั้มนี้มีเพลงดังคือ คนขี้เหงา, ผมรักคุณ และ เรามาจากไหน ซึ่งออกวางแผงในปี พ.ศ. 2534 และในปีต่อมาคือ พ.ศ. 2535 ได้ออกอัลบั้มอีกหนึ่งชุดคือ "นีโน่ คัมแบ๊ก"
 

 

ถามถึงที่พี่โน่ ไปออกรายการแล้วไปเที่ยว บาร์โฮส
“ที่เคยเป็นข่าวไง แล้วจริงๆ บาร์โฮสเขาทำให้ผู้หญิงเที่ยวกัน ไม่ใช่เป็นบาร์เกย์ แล้วคนก็ไปใช้คำว่าบาร์โฮส ก็นึกว่าเป็นบาร์เกย์ แต่ตอนหลังๆมานี้ บาร์โฮสเขาก็ปล่อยให้เกย์เข้าไป ก็เลยสับสนไปหมดระหว่าง บาร์โฮส กับบาร์เกย์ แต่ที่ผมไปจริงๆ คือสถานที่ ที่เขาทำให้ผู้หญิงไปเที่ยว แล้วเพื่อนผมที่ไปกันก็มีเยอะแยะ ผู้ชายล้วนๆนี่แหละ ไปเที่ยวกัน คือจะไปดูผู้หญิงที่มาเที่ยว ผู้หญิงกลางคืนเขาเสร็จงาน เขาก็ไปเที่ยวกัน ทุกคนไม่ได้ไปดูผู้ชายที่เต้นรำตรงนั้นหรอก เขาไปดูผู้หญิงไปเที่ยว”

 

 

มีความแตกต่างยังไง ตรงที่พี่โน่ไปเที่ยว
“ก็มีผู้ชายเต้นๆ นั่นแหละ เราก็ไม่ได้ดูผู้ชาย เราไปดูคนเที่ยว ไม่ใช่ไปดูเป้า น้ำลายเยิ้มมันไม่ใช่ไง”

ไปออกรายการครั้งนี้ พูดเรื่องเดิม ไม่กลัวว่าจะปลุกกระแสข่าวเดิมอีก
“ไม่เป็นไรครับ อยากคิดอะไร อายุผมขนาดนี้ ใครอยากให้ผมเป็นอะไร ผมก็เป็นครับ ไม่ว่าอะไร ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง พูดไปก็เท่านั้น ไปก็ไป เป็นก็เป็นแล้วแต่คิด”

สรุปว่า
“ยังจะเอาคำยืนยันอีก ไม่เป็น (หัวเราะ) เป็นนีโน่นี่แหละ”

 

หลายคนคงเห็นว่า ไม่มีครอบครัวเสียที
“ใช่ไง ว่างเว้นมานานมาก คืออายุเยอะแล้ว อย่าไปดึงใครมาเลย ดูตัวเองก่อนว่าบั้นปลาย ไปเอาใครมาแล้วอยู่ไม่รอดนะ”

แสดงว่าไม่คิดจะสร้างครอบครัวแล้ว
“พอแล้วๆ ดูแลตัวเรา พ่อแม่ และก็หลานๆ ดีกว่า มีหลานๆอีกหลายคนที่ต้องดูแล ล่าสุดเพิ่งจะรับอีกหนึ่งคนมาดูแล เป็นลูกของคนใกล้ชิด กำลังจะเรียนเตรียมอนุบาล อินเตอร์เสียด้วย เราส่งหมดแหละ เราไม่มีลูกตัวเองให้ส่งไง”

 

 

ไม่อยากมีคนที่คอยดูแล คอยใส่ใจ เป็นพิเศษ
“ก็พวกนี้แหละ แต่อย่าไปคาดหวังมาก พวกที่ส่งเรียนนี่แหละ เรียกเราพ่อบ้าง เยอะแยะ แต่จะมาก็มา ไม่มาไม่เป็นไร บางคนก็พูดไม่มีลูกไม่มีหลานแก่ตัวไป ไม่มีใครดูแล ผมเห็นมาหลายครอบครัวแล้วนะ ถ้าพ่อแม่ไม่มีตังค์ ก็ไม่มาดูหรอก แต่ถ้าตราบใดพ่อแม่มีตังค์ ก็ดูกันจริงเลย จนถึงวาระสุดท้าย ดังนั้นมีสมบัติไว้ ยังไงเขาก็มาดูแล”

ส่งเรียนกี่คนแล้ว
“ตั้งแต่ส่งมา ไม่ต่ำกว่า 20 คน บางคนส่งจนเรียนปริญญาโท พอถึงเวลาเขามาเบิกตังค์ ก็นั่นเอ๊ะ ปริญญาโทแล้วนี่หว่า จะมาเบิกอะไรอีก ก็เลยบอกไปว่า พอแล้วนะลูกให้คนอื่นเบิกแล้วกัน”

แสดงว่า 1 ใน 20 นี้ ต้องมาดูแลบ้างแหละ
“ก็ต้องมีนะแหละ แต่บางคนเราไม่ได้ดูแลเขาทั้งหมด บางคน ส่งได้ 3-4 เทอม ก็ได้ทุนการศึกษาเอง นานๆ มาเจอที ไม่ได้มีมารวมผลมาหาเรา ก็มีลูกหลายคนจริงๆ 3-4 คนที่ยังเห็นหน้า คุยกันอยู่ เรียกเราพ่อ”

 

 

วางแผนบั้นปลายชีวิตยังไง
“เอาตอนนี่ให้รอดก่อน อย่าเพิ่งไปมองบั้นปลาย เศรษฐกิจอย่างนี้ วงการโทรทัศน์บ้านเราเหนื่อยกันมากเลย ไม่รู้ว่ามีใครรู้หรือเปล่า ว่าวงการโทรทัศน์ตอนนี้เหนื่อยเหลือเกิน เศรษฐกิจเมื่อตอนปี 40 พัง วงการโทรทัศน์ยังไม่สะเทือนขนาดนี้เลย ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ใหญ่ ฝากช่วยดูตรงนี้ด้วย ผมคิดว่าคนที่อยู่ในธุรกิจวงการบันเทิง วงการโทรทัศน์ มันไม่ใช่น้อยเลย เยอะมาก และเป็นกำลังสำคัญเดินหน้าประเทศด้วย" 

"ขอฝากผู้ใหญ่อย่าทิ้งพวกเราเลย เมื่อก่อนคนมองว่า พวกเราเป็นอาชีพสบาย ไม่มาเห็นการทำงานของเรา มันไม่สบายหรอก เหมือนสื่อนั่นแหละ วันหนึ่งวิ่งกี่ที่ บางทีเจอดาราอารมณ์ดี บางทีอารมณ์ไม่ดี สารพัดเรื่องที่ต้องรองรับ เหนื่อยนะ ทุกอาชีพแหละ ดาราใช่ว่าจะได้เงินง่าย ดูโทรทัศน์ 5 นาที เราใช้เวลาเป็นวัน บางคนคิดว่าดาราได้เงินง่าย”