- 23 ส.ค. 2563
กำลังอยู่ในวัยน่ารักน่าซีงจริงๆ สำหรับ น้องเมดา ที่ทำเอาคุณพ่อ เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ถึงกับออกปากบอกเองเลยว่าทั้งเป็นห่วงและหวงลูกสาวหนักมากจริงๆถึงกับเรียกได้เลยว่าเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจอยากให้เป็นแบบนี้
กำลังอยู่ในวัยน่ารักน่าซีงจริงๆ สำหรับ น้องเมดา ที่ทำเอาคุณพ่อ เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ถึงกับออกปากบอกเองเลยว่าทั้งเป็นห่วงและหวงลูกสาวหนักมากจริงๆถึงกับเรียกได้เลยว่าเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจอยากให้เป็นแบบนี้
โดย เจมส์ เรืองศักดิ์ ได้เผยให้ฟังว่า ตนมักจะถูกภรรยาสาว ครูก้อย นัชชา ปรามอยู่บ่อยๆ ถึงวิธีการดูแลลูก เพราะบางทีความกังวลต่างๆ ที่มีมากเกินไป ทำให้จะหยิบจับอะไรต้องระวังไปหมด ซึ่งยอมรับว่ามีทั้งข้อดีข้อเสีย ตอนนี้เลยพยายามจะใจแข็งให้มากขึ้น
ก่อนหน้านี้บอกว่าจะงดรับงาน แต่ก็มารับเรื่องนี้ ?
"ใช่ครับ เพราะน้องเมดาเริ่มเข้าขวบกว่าๆ แล้ว ไม่ใช่เด็กแบเบาะแล้ว เดินได้ วิ่งได้ ตอนนี้ก็เลยขออนุญาตลูกแล้ว (ยิ้ม) เพราะคิดว่าไม่อยากจะทิ้งวงการบันเทิงไปเลยครับ ก็เลยคิดว่าปีหนึ่งจะรับสัก 1-2 เรื่อง และเรื่องนี้ก็เป็นการถ่ายแบบสั้นๆ ด้วย ก็เลยรับ"
ลดจำนวนจากเดิมลง ?
"ครับ ก่อนจะมีลูกเราถ่ายละคร 7 วัน แต่ตอนนี้เราอาจจะถ่ายละครได้เต็มที่ก็สัก 3 วัน ที่เหลือก็อาจจะมีรับคอนเสิร์ต เพราะอยากจะจัดสรรเวลา มีเรื่องของครอบครัว เรื่องของลูกให้เป็นส่วนใหญ่ด้วย"
เลือกครอบครัวมาอันดับหนึ่งเลย ?
"คือไปอ่านงานวิจัยตัวหนึ่ง เขาบอกว่าเด็กอายุ 1-3 ขวบเป็นช่วงสำคัญมาก ถ้าหากว่าเราไม่ให้เวลาเขาตอนนี้ หลังจากนี้เขาอาจจะไม่อนุญาตให้เราให้เวลากับเขาแล้ว ก็เลยคิดว่าเรายอมตรงนี้ดีกว่า"
ตอนนี้น้องพัฒนาการเป็นยังไงบ้าง ?
"กำลังน่ารักมากครับ การเรียนรู้ของเขา การพูด การจำของเขามีพัฒนาการที่ดี และมีความผูกพันกับพ่อแม่มากเลยครับ ก็เลยรู้สึกว่าต้องให้เวลากับเขาให้เต็มที่ที่สุด"
กลายเป็นคนติดลูกไปเลย ?
"โอ้โห ต้องเรียกว่าคุณแม่เขายังบอกว่าปล่อยๆ บ้าง (หัวเราะ) ย่าแทบจะไม่ให้แตะแล้วตอนนี้ คือเรากังวลไปหมดว่าจะล้มไหม หน้าจะคว่ำไหม โน่นนี่ไหม เพราะ 1 กันยายนนี้เขาจะเปิดเรียนแล้ว เป็นหลักสูตรก่อนเตรียมอนุบาล เราก็บอกคุณครูว่ามีให้ผู้ปกครองเข้าไปเรียนด้วยได้ไหม ด้วยความว่าอยากจะไปดูแลเขาที่โรงเรียน แต่โรงเรียนเขาก็ดีนะ ให้ผู้ปกครองเข้าไปนั่งเรียนด้วย ก็คิดว่าสัก 6 เดือนหรือ 1 ปี ถ้าเขาเริ่มปรับตัวได้ก็จะปล่อยให้เขาไปเรียนคนเดียว"
เราเป็นห่วงอะไรขนาดนั้น ?
"ไม่รู้ทำไมเหมือนกันครับ เรานึกว่าคนเป็นแม่จะกังวลมากกว่า แต่กลายเป็นคนเป็นพ่อกังวลมากกว่า เพราะกลัวว่าถ้าละสายตาเราไปแล้ว คนอื่นเขาจะระวังลูกเราอย่างที่เราระวังเขาไหม ซึ่งอันนี้มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย (หัวเราะ) เพราะบางทีถ้าเราไประวังมาก เขาก็อาจจะไม่ได้พัฒนาไปอย่างถูกต้อง ผมก็เลยต้องพยายามทำใจให้แข็งๆ ไว้ครับ"
ถ้าวันเข้าโรงเรียนจริงๆ เราไม่ร้องไห้เลยเหรอ ?
"ก็กลัวอยู่เนี่ย นี่ยังนั่งคุยกับ แอน อลิชา ตลอดว่าเป็นยังไงบ้าง วันแรกของลูกไปโรงเรียนแอนก็ร้องห่มร้องไห้ ผมก็คิดในใจว่าครูก้อยไม่น่าจะร้อง ผมนี่แหละที่น่าจะร้องและน่าจะกังวลมาก (หัวเราะ) แต่ก็โอเคครับ เราต้องใจแข็ง"
ครูก้อยปรามไหมว่าให้ลดลงมาหน่อย ?
"ปรามทุกวัน เขาบอกพี่ต้องปล่อยบ้าง เราก็พยายามปล่อยนะ เวลาไปเดินห้างก็ให้เขาเดินเอง ทำเป็นไม่มองบ้าง แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้ ต้องเข้าไปประคอง เข้าไปอุ้ม แต่สุดท้ายแล้วค้นพบว่าควรให้ล้มบ้าง ควรให้มีบาดแผลบ้างเขาจะได้จำ"
เลี้ยงลูกเป็นไข่ในหินเลยใช่ไหม ?
"คือไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น แต่ด้วยความที่เป็นห่วงครับ และเรากังวลตัวเอง มันก็อาจจะมีแบบนั้นบ้างครับ"
ด้วยความที่เป็นลูกสาวด้วยหรือเปล่า ?
"ก็ด้วย นี่ยังคิดเลยว่าตอนเล็กๆ ยังขนาดนี้ ถ้าเริ่มเป็นสาว เริ่มวัยรุ่นมีเพื่อน ยังนึกภาพไม่ออกเลย (หัวเราะ)"
เราค่อนข้างสปอยลูกด้วยใช่ไหม ?
"จริงๆ ไม่สปอยนะครับ แต่เป็นห่วงความปลอดภัย วัยเด็กเราเป็นห่วงที่สุดคือจะล้มหน้าคว่ำ ล้มไปจับไฟฟ้า ไปโดนอะไรอันตราย แต่ไม่ตามใจนะ อันไหนที่บอกว่าไม่ได้คือไม่ได้"
ลูกติดพ่อหรือติดแม่มากกว่ากัน ?
"ติดแม่มากกว่า (ยิ้ม) เพราะพ่อไม่มีนม วัยนี้กำลังต้องการนม (ยิ้ม) แต่เขาจะชอบอยู่กับพ่อ เพราะพ่อชอบถาม ถ้าเขาตอบได้เขาก็จะดีใจ เพราะได้รับคำชม"
ที่ห่วงลูกขนาดนี้ เพราะเคยมีเหตุการณ์อะไรมาก่อนหรือเปล่า ?
"คือเดินๆ อยู่นี่แหละ ล้มหน้าคว่ำก็เคยมีครั้งหนึ่ง โชคดีไม่เป็นอะไรมาก แค่ถลอกหน่อยๆ"
กลัวลูกเสียโฉมเหรอ ?
"ก็ไม่ถึงกับกลัวเสียโฉม แต่กลัวว่าถ้าปากเขาเจ็บจะกินอะไรไม่ได้"
คนที่สองมีแพลนหรือยัง ?
"มีแพลนแล้วครับ (ยิ้ม) เพราะความตั้งใจจริงๆ ผมอยากได้สามคน แต่คุณก้อยบอกว่าสองก็แล้วกัน แต่เราก็ชัดเจนเลยว่าเราใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ครูก้อยเองก็กำลังเข้าสู่ขั้นตอนของการบำรุงไข่ บำรุงมดลูกต่างๆ ผมก็เริ่มบำรุงสเปิร์มแล้วตอนนี้ (หัวเราะ) เลือกทานอาหารมากขึ้น"
ครั้งต่อไปนี่จะเลือกเพศเลยใช่ไหม ?
"เราไม่สามารถเลือกเพศได้ในเชิงกฎหมายนะครับ แต่เราก็บำรุงตัวเองให้แข็งแรงที่สุดครับ"
อยากได้ผู้ชายหรือผู้หญิง ?
"ตอนนี้ครึ่งๆ พอเห็นเด็กผู้ชายก็ชอบ แต่พอเราเลี้ยงน้องเมดาแล้วเรารู้สึกว่าถ้ามีผู้หญิงสองคนเราคงมีความสุขมากเลย แต่อีกใจพอเห็นเด็กผู้ชายน่ารักๆ ก็อยากได้ เลยยังครึ่งๆ กลางๆ อยู่"
คิดว่าน่าจะทันปีนี้ไหม ?
"น่าจะปีหน้า ปีนี้เป็นเรื่องของการบำรุง ตอนนี้ก็ปรึกษาคุณหมอเรียบร้อยหมดแล้วครับ เพราะครูก้อยเองเป็นคนที่ศึกษาเรื่องของผู้มีบุตรยากมา ก่อนหน้านี้ก็ทำเพจเบบี้แอนด์มัม เลยทำให้เขาดูแลตัวเองได้ด้วย"
ตื่นเต้นเท่าครั้งแรกไหม ?
"คิดว่าความตื่นเต้นอาจจะน้อยกว่า แต่ความคล่องตัวน่าจะมากขึ้น เพราะเราผ่านประสบการณ์คนแรกแล้ว เราก็จะรู้แล้วว่าอุ้มยังไง แรกๆ นี่เก้ๆ กังๆ"
ครูก้อยแอบกังวลอะไรไหม ?
"ถ้ากังวลก็คงเป็นเรื่องของโรคต่างๆ แต่คิดว่าในช่วงปีหน้าทุกอย่างน่าจะคลี่คลายขึ้นแล้ว ก็อยู่ในช่วงที่เราก็จะมีลูกพอดี"
ที่ยังไม่มีปีนี้เพราะด้วยโรคต่างๆ ด้วยหรือเปล่า ?
"ไม่ใช่ปัจจัยหลักครับ แต่เพราะน้องเมดายังไม่หย่านม ขวบกว่าก็ยังร้องขอกินเต้าแม่ทุกวันอยู่เลย คือครูก้อยก็น่าเห็นใจมากเวลาที่เขาต้องให้นมลูกเขาก็ต้องหยุดทำทุกอย่างเลย ก็เป็นปีหน้าครับ ตอนนี้ก็เก็บเงินไปก่อน (ยิ้ม)"