- 08 ก.ย. 2563
ล่าสุดทางด้าน หนุ่ม ศรราม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "สิ่งที่ติ๊กพูดในรายการ มีบางอย่างที่จริงบ้างและไม่จริงบ้าง แต่ขอให้ปล่อยผ่านจุดนี้ไป เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ยืนยันจะไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ เพราะอยากให้เรื่องจบแค่นี้ หากติ๊กตั้งใจทำงาน เป็นคนใหม่ มีชีวิตที่ดี ตนก็โอเคเพราะเป็นแม่ของลูก อยากให้เขาดูแลลูก แต่หากเป็นตอนนี้ดูแล้วคงไม่พร้อม"
หลังจากมีข่าวออกมาว่า “หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์” และภรรยาสาว “ติ๊ก กนิษฐรินทร์ เทพพิทักษ์” หรือ "ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์" นั้นมีการหย่าร้าง แถมเปลี่ยนนามสกุลกันแล้วจริงๆ ซึ่งหลังจากมีข่าวเมาท์มอยดังกล่าวออกมา ทั้งคู่ก็ไม่ได้มีการชี้แจงอะไรกับข่าว ยังคงใช้ชีวิตกันตามปกติ มีการออกมาไลฟ์สดร่วมกันบ้าง เหมือนจะเป็นการสยบข่าวลือกลายๆ
จนกระทั่งล่าสุดทำเอาหลายคนถึงกับช็อกไปตามๆกัน เมื่อ หนุ่ม ศรราม ได้โชว์ใบหย่า ออกมาโพสต์ร่ายยาว ด้วยข้อความระบุว่า "เนื่องจากในระยะ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีบุคคลมาตามหาคุณติ้กที่บ้านและโทรศัพท์มาหาผมหลายครั้ง ซึ่งผมเองก้อทำงานเกือบทุกวัน จึงขอความกรุณาผู้ใดก้อตามที่ได้ทำสัญญาหรือทำธุรกรรมทางด้านการเงินหรือด้านต่างๆกับคุณติ้ก กนิษฐ์รินทร์ พัชรภักดีโชติช่วยติดต่อกับคุณติ้กโดยตรงและไม่ต้องมาที่บ้านผมกับลูก เพราะผมกับลูกไม่ทราบเรื่องใดๆทั้งสิ้น เพราะสถานภาพของเราทั้งสองได้หย่าขาดกันอย่างเป็นทางการเรียบร้อยตามวัน เวลา ดังกล่าวและคุณติ้กก้อไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านของผมแล้ว เราสองคนต่างทำแค่หน้าที่พ่อกับแม่ของวีจิตามข้อตกลงที่ระบุตามเอกสารที่ระบุไว้เท่านั้น ขอบพระคุณครับผม @mama.veeji @veeji_theappitak @sornramfanclub #STVeeji"
จากนั้นไม่นาน สาวติ๊ก ก็ได้ออกมาคอมเม้นต์ใต้โพสต์ใบหย่าว่า "หนูปิดหนี้ไปแล้วนิค่ะ 36000 จ่ายไปแล้วนะคะ ขอบคุณคุณ"
จากนั้นก็มีประเด็นดราม่าผุดมาไม่เว้นแต่ละวัน จน ติ๊ก กนิษฐ์รินทร์ หรือติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ ได้ออกรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 โดย หนุ่ม กรรชัย พิธีกรถามเรื่องไปเป็นหนี้สินจนศรรามประกาศว่าหย่าขาดกันแล้ว ไม่ขอรับผิดชอบอีกแล้ว
โดยติ๊กยอมรับกลางรายการว่าเป็นหนี้จริง ไปยืมเงินคนรู้จัก 2 แสนบาท แล้วโดนทวงถามมาตลอด และยังขู่จะไปบอกนักข่าวด้วย ทำให้ต้องแอบกดเงินของศรรามไปกว่า 4 แสนบาท และยังเล่นพนันออนไลน์ เล่นบัคคาร่าเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ แต่กลับยิ่งเป็นหนี้ และสุดท้ายเรื่องก็แดงจนศรรามประกาศหย่าขาด
"พี่หนุ่มน่าจะรู้เรื่องหนี้นะ เรื่องมีหนี้สิน หนูไม่เคยโกหก พี่หนุ่มรู้ว่าเป็นหนี้ และพี่หนุ่มก็ใช้ให้หนูทุกครั้ง ความรู้สึกพี่เขาน่าจะพังตอนหนี้ล่าสุดเรื่องเงินมัดจำเล่นคอนเสิร์ต เพราะไม่จบสิ้นเสียที"
กรรชัยถามว่า ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่าศรรามไปแจ้งความว่าเงินในธนาคารหายไป 5 แสน ติ๊กกล่าวว่า หนูเป็นคนกดเงินไปเอง พี่หนุ่มก็รู้แล้วว่าเป็นหนู และเรื่องนี้เป็นต้นเหตุให้พี่หนุ่มโพสต์ใบหย่า และให้ออกจากบ้านเมื่อ 9 วันก่อน
"หนูไม่รู้ว่าพี่หนุ่มจำได้หรือเปล่า หนูกดเงินไป 4 แสน ทุกอย่าง หนูคุยกับพี่หนุ่มทุกอย่าง เคลียร์กันจบแล้ว พี่หนุ่มบอกว่าตังค์พี่หาย หนูบอกว่าอยู่กับหนูเอง แต่พี่หนุ่มก็ยังดำเนินคดี"
ติ๊กกล่าวอีกว่า ส่วนที่เล่นพนันออนไลน์ บัคคาร่า เพราะต้องหาเงินไปใช้หนี้ 2 แสนกว่าบาท ซึ่งพี่หนุ่มไม่ให้เงินใช้หนี้ จึงตัดสินใจไปเสี่ยงเล่นพนันออนไลน์ ทำให้กลายเป็นหนี้เพิ่มขึ้น
ต่อมา กรรชัยถามว่า ตอนอยู่ด้วยกัน ศรรามให้เงินเดือนหรือไม่ ติ๊กกล่าวว่า ไม่เคยได้เงินเดือน แต่พี่หนุ่มให้เงินหนูอาทิตย์ละ 500 บ้าง 1 พันบ้าง 2 พันบ้าง ไม่ให้เป็นเดือน เพราะพี่หนุ่มเพิ่งเริ่มมีงาน กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว
โดย ติ๊ก กล่าวว่า ตอนนี้มีหนี้แค่ 4 แสนบาทเท่านั้น เพราะหนูอยากได้ที่นาจำนวน 14 ไร่ ซึ่งหนี้สินนี้พี่หนุ่มก็รู้ทั้งหมด
กรรชัยกล่าวว่า ศรรามบอกว่าต้องเก็บเงินทุกอย่างเพื่อให้ลูกสาว และขอให้ติ๊กกลับเนื้อกลับตัวเพื่อจะมีโอกาสได้เลี้ยงลูกในอนาคต ติ๊กปล่อยโฮ กล่าวว่า เมื่อไหร่ถึงหนูจะได้เจอลูก หนูยังไม่ได้เจอหน้าลูกเลย
อย่างไรก็ตามล่าสุดทางด้าน หนุ่ม ศรราม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "สิ่งที่ติ๊กพูดในรายการ มีบางอย่างที่จริงบ้างและไม่จริงบ้าง แต่ขอให้ปล่อยผ่านจุดนี้ไป เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ยืนยันจะไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ เพราะอยากให้เรื่องจบแค่นี้ หากติ๊กตั้งใจทำงาน เป็นคนใหม่ มีชีวิตที่ดี ตนก็โอเคเพราะเป็นแม่ของลูก อยากให้เขาดูแลลูก แต่หากเป็นตอนนี้ดูแล้วคงไม่พร้อม"
"ส่วนสภาพจิตใจ มองว่าคงไม่มีใครสนุกกับเรื่องนี้แน่นอน ต่างคนต่างเสียใจ โดยส่วนตัวเป็นคนทุ่มเทให้ทุกเรื่อง หลักๆ คือครอบครัวยิ่งมี วีจิ ลูกสาว ก็ยิ่งทุ่มเท เงินทองทั้งหมดทุ่มที่บ้าน ดูแลติ๊กและวีจิ ส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่าเป็นคนดัง ผู้คนเลยติดตาม แต่อยากให้จบแค่นี้ เรื่องที่เกิดเป็นความทุกข์พอแล้ว"
"ชีวิตหลังจากนี้คือเลี้ยงวีจิ ตอนนี้มีพี่เลี้ยงดูแลเรียบร้อย หมดกังวลแล้วว่าใครจะมาทวงหนี้ ส่วนที่ต้องออกมาโพสต์ ยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ต้องเลือกและต้องแลก เพื่อที่ให้เขาปรับปรุงพฤติกรรม และมีชีวิตที่ดีขึ้น เผื่อวันหนึ่งจะได้กลับมาดูแลลูกได้"