- 23 ก.ย. 2563
จากกรณีที่ทางด้าน เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น นั้นงานเข้าหลังโดน เก้า เกริกพล เพชรรัตน์ นักร้องชายที่มาร่วมร้องเพลง เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว ออกมาแฉว่าโดนโกงค่าตัวเนื่องจากไม่เป็นตามที่ตกลง อีกทั้งไปออกรายการยังได้ค่าตัวเพียงแค่ 500 บาท ซึ่งงานนี้ต้องบอกเลยว่า เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น นั้นเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงเลยทีเดียวถึงประเด็นดราม่าดังกล่าว
จากกรณีที่ทางด้าน เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น นั้นงานเข้าหลังโดน เก้า เกริกพล เพชรรัตน์ นักร้องชายที่มาร่วมร้องเพลง เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว ออกมาแฉว่าโดนโกงค่าตัวเนื่องจากไม่เป็นตามที่ตกลง อีกทั้งไปออกรายการยังได้ค่าตัวเพียงแค่ 500 บาท ซึ่งงานนี้ต้องบอกเลยว่า เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น นั้นเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงเลยทีเดียวถึงประเด็นดราม่าดังกล่าว
และจากกระแสดราม่าดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างแรงให้กับค่ายเพลงได้หมดถ้าสดชื่น เนื่องจากประชาชนได้ออกมาต่อต้านการเอารัดเอาเปรียบคนอื่น ทำให้ทางด้านผู้จัดงานในหลายๆที่ไม่ขอเสี่ยงสั่งยกเลิกคอนเสิร์ตจากค่ายได้หมดถ้าสดชื่นกันรัวๆเลยทีเดียว
กระทั่งกระแสเริ่มเงียบหายไปทางด้าน เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น นั้นมาเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดราม่าดังกล่าว โดยทางด้าน เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ได้กล่าวว่า ได้ทักไปหาน้องตั้งแต่แรกๆที่เกิดเรื่องแต่ก็ไม่ได้คำตอบ เราก็เลยส่งผู้ใหญ่เข้าไปเจรจาว่าจะให้ 1 ล้านบาท ทางน้องก็เงียบเลยตัดสินใจทักไปเองเลยน้องก็ไม่ตอบ จะทำทุกวิถีทางให้เพลงยังอยู่ไม่มีทางลบเพลงดังกล่าวแน่นอนเพราะไม่รุ้ว่าชีวิตนี้จะทำให้มียอดวิวมากถึง 350 ล้านวิวแบบนี้ไหม
ล่าสุดทางด้าน เก้า เกริกพล นั้นไม่อยู่เฉยรีบออกมาสวนกลับ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ทันทีว่า ตามที่มีข่าวว่า พี่เจนนี่เสนอเงินให้ผม 1 ล้านบาท แต่ผมไม่ยอมรับไว้ จนทำให้มีคนวิจารณ์ผมในทำนองเสียหายว่า ผมเห็นแก่เงินนั้นผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจงข้อเท็จจริงครับ ในประเด็นนี้ ผมไม่เคยได้รับการติดต่อโดยตรงจากพี่เจนนี่เลย พี่เจนนี่เคยส่งข้อความมาใน Facebook แต่ผมไม่ได้เปิดอ่าน เพราะผมคิดว่า เป็นเรื่องใหญ่แล้ว ควรให้ผู้ใหญ่ตัดสินใจแทนจะดีกว่าครับ
ในการเจรจาแม่ของผมได้มอบหมายให้พี่ทนายเจมส์เป็นตัวแทน ซึ่งก็มีคนกลางเข้ามาเจรจาให้ ตอนแรกคนกลางเสนอตัวเลขมา 300,000 บาท และต่อมาเสนอเพิ่มให้ 500,000 บาท พร้อมทิ้งท้ายว่า ถ้าเพิ่มเป็น 1 ล้านจะจบไหม จะไปคุยกับพี่เจนนี่ให้ แต่คนคนกลางก็เงียบไป จนพี่ทนายเจมส์และทีมงานได้ยื่นฟ้องต่อศาลตามที่เป็นข่าว
ส่วนประเด็นเรื่องที่มีข่าวว่า ผมเรียกเงิน 3 ล้านบาท ขออธิบายว่า เป็นการตอบคำถามของพี่นักข่าว ซึ่งในการสัมภาษณ์พี่นักข่าวถามว่า ถ้าจะเรียกร้องค่าเสียหายจะเรียกร้องเท่าไหร่ พี่ทนายเจมส์ตอบไปว่า เรียกประมาณ 3 ล้านบาท โดยประมาณการจากรายได้ที่ผมเคยได้รับจาก YouTube ซึ่งต้องมีเอกสารยืนยันที่ชัดเจนอีกครั้ง และพี่ทนายจะออกหมายเรียกเอกสารแสดงรายได้จากสรรพากร เพื่อให้ทราบรายได้ที่แท้จริงที่เกิดจากมิวสิควิดีโอเพลงและเพลง เพื่อการต่อรองหรือฟ้องคดีต่อไปเรื่องราวทุกอย่างจะจบลงได้ด้วยดีนะครับ ถ้าเราคุยกันด้วยความจริง