เปิดที่มาฉายา บิ๊กแป๊ะ ของอดีตผบ.ตร. จักรทิพย์ ชัยจินดา ก่อนตัดสินใจ ละทางโลก บวชเป็นพระสงฆ์ หลังเกษียณอายุราชการ

เรียกได้ว่าหากเอ่ยชื่อคงไม่มีใครไม่รู้จัก  สำหรับ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือ แป๊ะ นักการเมืองและตำรวจชาวไทย ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาไทย กรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายตำรวจราชองครักษ์ และนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ

 

 

โดย จักรทิพย์ นั้นได้ชื่อว่าเป็นนายตำรวจมือปราบอีกคนหนึ่ง มีผลงานสำคัญ ๆ เช่น เป็นผู้เจรจาให้ปล่อยตัวประกันซึ่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำสมุทรสาคร กับกลุ่มนักโทษแหกคุกชาวพม่า ในปลายปี พ.ศ. 2543 ร่วมกับ พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผู้ช่วย ผบช.ภาค 7-ตำแหน่งและยศในขณะนั้น) เป็นต้น ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งในอีก 6 วันต่อมา คือในวันที่ 7 ตุลาคม นั้นก็ได้เกิดเหตุการการสลายการชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภาขึ้น โดยเป็นการสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในการชุมนุม 193 วัน โดยตำรวจ ซึ่งในเหตุการครั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้แสดงความมีมนุษยธรรมโดยการถอดเสื้อของตนเองเข้าพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นฝ่ายพันธมิตรฯด้วย จนได้รับฉายาว่า สุภาพบุรุษแก๊สน้ำตา

เเละล่าสุดต้อง  ขออนุโมทนาบุญครั้งใหญ่ กับ จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร.คนที่ 11 หลังได้บวชเป็นพระสงฆ์แล้ว หลังเกษียณอายุราชการเเล้ว เเละในวันนี้ทีมข่าวจะพาทุกท่านมาเปิดที่มาฉายา บิ๊กแป๊ะ ของอดีตผบ.ตร. จักรทิพย์ ชัยจินดา ก่อนตัดสินใจ ละทางโลก บวชเป็นพระสงฆ์ หลังเกษียณอายุราชการ

โดย จักรทิพย์ นั้นเป็นคนที่ส่วนสูงเพียง 165 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 65 กิโลกรัม ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลรูปร่างเล็ก แต่ทว่าเมื่อแต่งเครื่องแบบแล้วจะพกพาอาวุธปืนขนาดต่าง ๆ พร้อมแม็กกาซีนบรรจุกระสุนและอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น กุญแจมือหรือไฟฉาย ติดตัวไว้เสมอ ซึ่งรวมกันทั้งหมดมีน้ำหนักประมาณ 8 กิโลกรัม จนได้รับฉายาจากบุคคลใกล้ชิดว่า "แป๊ะ 8 กิโล"  เเละเรียกกันว่า บิ๊กแป๊ะ และได้รับฉายาจากสื่อมวลชนเมื่อปลายปี พ.ศ. 2553 ว่า "น.1 อีซี่พาส" เนื่องจากติดยศ พลตำรวจโท (พล.ต.ท.) อย่างรวดเร็วและเป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ทั้ง ๆ ที่เพื่อนร่วมรุ่นบางคนยังเป็นแค่สารวัตรเท่านั้น