- 27 ต.ค. 2563
เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นมากๆ สำหรับครอบครัวนักแสดงหนุ่มอย่าง "พีท ทองเจือ" ซึ่งประกอบไปด้วย "เจ็ง วิไลลักษณ์" ภรรยาคนสวย "น้องเซย่า-น้องมิย่า" ผู้เป็นลูกสาว และลูกชายคนสุดท้องอีก 1 คน คือ "น้องโรเตอร์" แต่ทั้งนี้ก็ต้องส่งกำลังใจให้กับทุกคนในครอบครัวด้วยเช่นกัน เมื่อลูกสาวคนโตอย่าง "น้องเซย่า" ตรวจพบว่าเป็นไทรอยด์ จนต้องสะดุดกับความฝันในเส้นทางการเป็นศิลปิน เพื่อรักษาอาการป่วย โดยพ่อพีทได้เปิดใจเล่าถึงอาการป่วยของน้องเซย่าให้ได้ฟังว่า
เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นมากๆ สำหรับครอบครัวนักแสดงหนุ่มอย่าง "พีท ทองเจือ" ซึ่งประกอบไปด้วย "เจ็ง วิไลลักษณ์" ภรรยาคนสวย "น้องเซย่า-น้องมิย่า" ผู้เป็นลูกสาว และลูกชายคนสุดท้องอีก 1 คน คือ "น้องโรเตอร์" แต่ทั้งนี้ก็ต้องส่งกำลังใจให้กับทุกคนในครอบครัวด้วยเช่นกัน เมื่อลูกสาวคนโตอย่าง "น้องเซย่า" ตรวจพบว่าเป็นไทรอยด์ จนต้องสะดุดกับความฝันในเส้นทางการเป็นศิลปิน เพื่อรักษาอาการป่วย โดยพ่อพีทได้เปิดใจเล่าถึงอาการป่วยของน้องเซย่าให้ได้ฟังว่า
"น้องมีอาการเป็นโรคไทรอยด์ แต่โชคดีที่ไม่เป็นไทรอยด์เป็นพิษ เริ่มต้นที่เจอคือน้องประจำเดือนไม่มา 9 เดือน เด็กอายุ 14 ปี ประจำเดือนไม่มา มันไม่ใช่เรื่องที่เราควรจะอยู่กับมัน ต้องเป็นอะไรสักอย่าง เราเฝ้าดูมาจนเดือนที่ 9 ก็ไม่โอเค เลยไปตรวจละเอียด เริ่มเจอค่าที่สามหรือค่าไทรอยด์ต่ำมาก ทำให้มีอาการต่างๆ เช่น ผมร่วงเยอะ ซึ่งน้องเป็นคนผมหนา และมีอารมณ์แปรปรวนเพราะสารเคมีในร่างกายมันผิดปกติและมีเรื่องน้ำหนัก ที่อยู่ๆ ก็ลดพรวด 7-9 โลแล้วอยู่ๆ ก็ขึ้นมาอีก พอเราเจอปุ๊บ ก็คิดว่าต้องรักษาอย่างจริงจัง (เริ่มเจอหลังจากที่น้องเริ่มเดินทางศิลปิน?) ใช่ครับ"
พาลูกสาว น้องเซย่า ไปตรวจรักษา 3 โรงพยาบาล?
“พอเป็นปุ๊บ ทุกๆ อย่างก็ไม่ค่อยโอเค เพราะว่าภาวะทางจิตใจ อย่างคุณหมอ เราไม่ได้ไปหาแค่หมอเดียว ไปทั้งหมดประมาณ 3 โรงพยาบาล คุณหมอรวมกันประมาณน่าจะ 7-8 ท่าน จริงๆ ท่านนึงก็โอเค เพียงแต่เราอยากจะได้ยินคำวินิจฉัยจากหลายๆ คน เพื่อที่จะดูว่าสิ่งที่ท่านวินิจฉัยมามันเหมือนกันรึเปล่า แต่ส่วนมากแล้วก็จะเหมือนกันหมด ตอนนี้รักษามาน่าจะ 7 - 8 เดือนแล้ว ก็ดีขึ้นๆ”
เล่าสภาพจิตใจ น้องเซย่า?
“ก็แย่ แต่ผมบอกแล้วว่า อีกหน่อยเราจะดังระดับโลก จะมีเงินกี่ร้อยล้าน พันล้าน แต่ต้องมานั่งรักษาตัวตลอดชีวิตไม่น่าจะใช่วิธีที่ถูกต้อง ก็บอกน้องว่าทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้หมดแล้ว ให้ถึงเวลา และเป็นเวลาของเรา ยังไงเราก็ต้องอยู่ตรงนั้นแน่นอน ตอนที่ทราบว่าป่วย คือเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ ก็ต้องขอตัวกลับมา ทางต้นสังกัดไม่ได้ว่าอะไร มันเป็นเรื่องของสุขภาพครับ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ถ้าสมมติว่าไม่มีวินัยในการทำงานหรืออะไรต่างๆ เราพอเข้าใจได้ แต่อันนี้เป็นเรื่องของสุขภาพ ซึ่งถ้าสุขภาพมันไม่ได้ มันเดินหน้าต่อไม่ได้ ซึ่งทางนั้นก็ไม่มีปัญหา”
ตอนนี้พยายามดูแลร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ?
“ก็ต้องพิจารณาดู ตอนนี้เราพยายามทำให้น้องเข้ามาสู่ภาวะปกติในเรื่องของร่างกายและจิตใจก่อน แล้วพยายามรีคัฟเวอร์ในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบ ตอนนี้ก็ยังซ้อมร้อง ซ้อมเต้น ถ้ามีโอกาส ผู้ใหญ่ให้โอกาส ก็จะออกมาร้องเพลง ทำสิ่งที่เขารักอยู่ แต่ก็อาจจะยังทำไม่ได้เต็มที่เท่าไหร่ ไม่มีใครบอกได้เลยครับว่าต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหนในการรักษา สุขภาพค่อนข้างกลับมาสู่ภาวะปกติแล้ว ค่าเลือดดี แต่ว่าสิ่งที่ผมไม่ค่อยโอเค คือสภาพจิตใจน้อง คนเราตั้งใจเอาไว้ อาจจะมีอุปสรรคเดินทางไปเป้าหมาย เราก็เข้าใจได้ว่ามันเป็นสิ่งที่ทำใจยากนิดนึง คนรอบตัว คนในครอบครัว ก็ต้องช่วยกัน
และสิ่งที่แย่อีกอันที่เราไม่ค่อยแฮปปี้คือสุขภาพของน้อง คือเหมือนร่างกายของน้องตอนนี้น้ำหนักมันค้างอยู่ ขึ้นมาจากเดิม ค้างอยู่ประมาณ 14 กิโลกรัม ไม่ได้บอกว่าน้องอ้วน แต่ว่าน้องกำลังโตและวัยรุ่น เขาดูแลตัวเอง พอน้ำหนักเยอะเป็นปกติที่เครียด ไม่ถึงขนาดนอยด์ไปเลย แต่ก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่”
พาปรึกษาจิตแพทย์ด้วย?
“เรามีปรึกษาคุณหมอทางจิตเวชอยู่ตลอด คุณหมอบอกว่าน้องยังไม่ไปจุดๆ นั้น เอาจริงๆ แล้วก็เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอด ตอนนี้ก็รักษาอยู่หลายแบบ ผมเชื่อว่าคนใกล้ตัวหรือตัวเองอาจจะมีค่าไทรอยด์ต่ำ อย่ายอมแพ้ ต้องสู้ เวลาไปหาคุณหมอ แพทย์ปัจจุบัน ส่วนมากคุณหมอจะให้ทานยา แต่ครอบครัวเราคิดว่าน้องอายุแค่ 14 ปี ถ้าเริ่มทานยา เขาบอกว่าถ้าเริ่มแล้วต้องทานตลอดไป
ผมจะบอกว่าใจแข็ง ตรวจแล้วดูว่าร่างกายขาดสารอาหารอะไร เติมสิ่งที่ร่างกายขาด ใจเย็นๆ อยู่กับความเป็นธรรมชาติให้ได้ ร่างกายจะกลับมาเป็นปกติ แต่ถ้าใจร้อนรีบทานยา ก็ไม่มีปัญหา แต่ว่าถ้าเมื่อไหร่หยุดทาน แล้วค่าไทรอยด์ขึ้นมาอีก ก็ต้องทานอีก คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องใจแข็ง และอยู่กับวิธีธรรมชาติให้ได้”
ยังบอกไม่ได้หาก น้องเซย่า รักษาตัวหายแล้วยังจะพร้อมสนับสนุนลูกในเส้นทางนักร้องโกอินเตอร์อยู่อีกหรือไม่?
“ก็ยังบอกไม่ได้ครับ แต่เราก็ทำเต็มที่ อย่างมิย่าเราก็ให้เขาทำสิ่งที่เขาชอบ ก็มีเส้นทางของเขาแล้ว อย่างเซย่าเราก็ฝากความหวังกับเส้นทางที่เขาได้ตัดสินใจเดิน ที่บ้านเราจะเลี้ยงลูกแบบให้น้องตัดสินใจเอง เราจะไม่บังคับ แต่จะคอยเดินตามอยู่ข้างหลัง ถ้ามีปัญหาจะช่วย คอยซัปพอร์ต ส่วนลูกชายคนเล็กเป็นนักแข่งรถ ก็ได้แชมป์มา 2 ปีแล้ว จริงๆ แล้วเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นไปด้วยดี
แต่มีปัญหาอยู่เหมือนกัน เพราะอายุน้อง 11 กำลังจะ 12 ปี น้องโตเร็ว น้ำหนักขึ้น ในรุ่นที่เขาขับน้ำหนักเขาเกินอยู่ 5 กิโลกกรัม ทำให้รถไปไม่ได้เร็วอย่างที่เขาต้องการ ก็ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องทนอยู่ตรงนี้ ขับให้จบปี คือรถในแต่ละรุ่นเขาจะกำหนดน้ำหนักเอาไว้ ตอนนี้น้ำหนักน้องเกิน ด้วยความโตเร็วด้วย เขาก็มีดรามาของเขาอยู่ แต่เราก็ใช้วิธีฝึกซ้อมหนัก เหมือนมันเป็นช่วงก้าวข้ามระหว่างวัยครับ”
เปิดกว้างลูกมีความรักได้ แต่ก็ต้องสกรีนก่อน?
“ผมว่าสถาบันครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราให้ความอบอุ่น ความใส่ใจได้ดีพอ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเด็กๆ จะไม่ขาดความอบอุ่น แล้วจะไม่ไปตามหาความรักข้างนอกครอบครัว ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ จะทำให้เด็กมีเส้นทางเดินที่ถูกต้อง เรื่องความรักในวัยเขา ผมก็โอเพ่นนะ ถ้าเจอน้องเซย่า ถามเรื่องความรัก เขาจะบอกเลยว่าเขาขอโฟกัสเรื่องเรียน การทำงานก่อน เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้
ถามว่าหวงไหม ก็หวง จะบอกว่าน้องๆ ที่บ้านเราสอนยิงปืน ดำน้ำได้ ขี่ม้าได้ เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้ว วิธีหรือสิ่งต่างๆ ที่เราให้เขาได้ทำกิจกรรมต่างๆ เหมือนเป็นการปลูกฝัง และสร้างมาตรฐานของเขา ให้มีมาตรฐานทำได้หลายๆ อย่าง ดังนั้นใครจะเข้ามาต้องมีสกิลหลายอย่างที่เข้ามาและใกล้เคียงหรือคุยกันรู้เรื่อง เรื่องสกรีนผมก็ระดับนึง แต่คุณแม่ก็ไม่เบาอยู่ (หัวเราะ)”
ภาพ seya_thongchua
>> Hot Sale ลาซาด้า ยกขบวนสินค้า ลดกระหน่ำทุกรายการ สูงสุด 90% <<