หมอเจี๊ยบ อดใจไม่ไหวโผล่คอมเม้นต์ เชียร์ ฑิฆัมพร หลังโพสต์ร่ายยาวช็อคหนัก พึ่งรู้ว่าเพื่อนรักใช้ยาชาก่อนขึ้นชก

ถึงแม้การแข่งขันจะจบลงไปแล้ว สำหรับ เจี๊ยบ ลลนา สัตว์ประจำตัว “พะยูน” จากทีมขาว ที่ปะทะเดือดกับเพื่อนรัก เชียร์ ฑิฆัมพร  สัตว์ประจำตัว “กระต่ายป่า” จากทีมดำ จนเกิดเป็นมิติใหม่ของวงการบันเทิงไทยและวงการกีฬา ซึ่งในขณะนั้นเปิดยกเเรกทั้งคู่รัวหมัดใส่กันไม่ยั้ง หมัดเเลกหมัด ซึ่งทั้งคู่ทำได้ดีมาก เรียกเสียงเชียร์คนทั้งสตูได้อย่างคับคั่ง เรียกได้ว่าไม่ทำให้ผิดหวังเลยทีเดียว พอเข้าสู่ยกที่สอง เชียร์เดินหน้านำก่อน ปล่อยหมัดไม่ยั้ง เเต่ด้วยความอึดของหมอเจี๊ยบทำให้ปลายยกปล่อยหมัดใส่เชียร์ไม่หยุดเช่นกัน จนมาถึงยกสุดท้าย ทั้งคู่เริ่มอ่อนแรง แต่ก็เเลกหมัดกันไม่แบบไม่มีใครยอมใคร เชียร์พยายามออกหมัดจนเข้าเป้าแทบจะทุกครั้ง ในขณะที่หมอเจี๊ยบมีความอึดเเละทน หลังเวลาในยกสุดท้ายหมดลง เชียร์ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณปาก มีรอยช้ำที่บริเวณจมูก เเละมีอาการเหนื่อย ก่อนที่ทีมงานจะนำตัวเชียร์ส่งโรงพยาบาล โดยผลการแข่งขัน คือ “เสมอกัน”

 

หมอเจี๊ยบ อดใจไม่ไหวโผล่คอมเม้นต์ เชียร์ ฑิฆัมพร หลังโพสต์ร่ายยาวช็อคหนัก พึ่งรู้ว่าเพื่อนรักใช้ยาชาก่อนขึ้นชก หมอเจี๊ยบ อดใจไม่ไหวโผล่คอมเม้นต์ เชียร์ ฑิฆัมพร หลังโพสต์ร่ายยาวช็อคหนัก พึ่งรู้ว่าเพื่อนรักใช้ยาชาก่อนขึ้นชก

ถึงแม้การแข่งขันจะจบลงไปแล้ว สำหรับ เจี๊ยบ ลลนา สัตว์ประจำตัว “พะยูน” จากทีมขาว ที่ปะทะเดือดกับเพื่อนรัก เชียร์ ฑิฆัมพร  สัตว์ประจำตัว “กระต่ายป่า” จากทีมดำ จนเกิดเป็นมิติใหม่ของวงการบันเทิงไทยและวงการกีฬา

ซึ่งในขณะนั้นเปิดยกเเรกทั้งคู่รัวหมัดใส่กันไม่ยั้ง หมัดเเลกหมัด ซึ่งทั้งคู่ทำได้ดีมาก เรียกเสียงเชียร์คนทั้งสตูได้อย่างคับคั่ง เรียกได้ว่าไม่ทำให้ผิดหวังเลยทีเดียว พอเข้าสู่ยกที่สอง เชียร์เดินหน้านำก่อน ปล่อยหมัดไม่ยั้ง เเต่ด้วยความอึดของหมอเจี๊ยบทำให้ปลายยกปล่อยหมัดใส่เชียร์ไม่หยุดเช่นกัน จนมาถึงยกสุดท้าย ทั้งคู่เริ่มอ่อนแรง แต่ก็เเลกหมัดกันไม่แบบไม่มีใครยอมใคร เชียร์พยายามออกหมัดจนเข้าเป้าแทบจะทุกครั้ง ในขณะที่หมอเจี๊ยบมีความอึดเเละทน หลังเวลาในยกสุดท้ายหมดลง เชียร์ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณปาก มีรอยช้ำที่บริเวณจมูก เเละมีอาการเหนื่อย ก่อนที่ทีมงานจะนำตัวเชียร์ส่งโรงพยาบาล โดยผลการแข่งขัน คือ “เสมอกัน”

ในเวลาต่อมาดูเหมือนเรื่องราวจะไม่จบง่ายๆ เมื่อมีหลายคนตั้งข้อสงสัย หลัง นุ้ย สุจิรา โพสต์ภาพสวมกอด หมอเจี๊ยบ หลังจบการแข่งขันพร้อมแคปชั่นที่ระบุว่า "รูปแรกคือ เก่งมากน้องรัก รูปสองคือ เพิ่งรู้กระดูกซี่โครงหักตั้งแต่ซ้อมแต่กัดฟันขึ้นสู้ รูปสุดท้ายคือ #หมอเจี๊ยบเก่ง #เธอสู้สุดใจ" ทำให้หลายคนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าทำไมหมอเจี๊ยบถึงต้องฝืนอาการบาดเจ็บเพื่อขึ้นชกในครั้งนี้ ทั้งที่ตัวเองได้รับอาการบาดเจ็บ และร่างกายไม่พร้อมที่จะขึ้นชก และทำไมก่อนขึ้นชก ถึงได้ตรวจร่างกายผ่าน ทั้งที่ผิดกฏกติกา รวมไปถึงทางรายการเองทำไมถึงปล่อยผ่านในเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งทาง นุ้ย สุจิรา ได้ตอบคอมเมนต์หนึ่งที่ถามว่า "ไม่มีอะไรดาม ฉีดยาชา"

จน หมอเจี๊ยบ ได้ออกมาชี้แจ้งประเด็นดังกล่าวจากกระแสดราม่าใช้ยาชาก่อนขึ้นชกมวย พร้อมข้อความร่ายยาวว่า "ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วงนะคะ เจี๊ยบขอใช้พื้นที่นี้ในการอธิบายสิ่งที่ทุกคนสงสัยเกี่ยวกับประเด็นการใช้ยาชาก่อนขึ้นชกมวยตามนี้นะคะ 

ช่วงดึกๆคืนวันก่อนแข่ง เจี๊ยบซ้อมชกท่าต่างๆที่จะใช้ในการแข่งขัน ปรากฎว่าเกิดอุบัติเหตุ ผิดท่าไป ทำให้เจี๊ยบร่วงลงไปกับพื้น หลังจากนั้นก็คือเจ็บมาก หายใจก็เจ็บ ขยับตัวทำอะไรก็เจ็บไปหมด ตามรูปที่น้ำตาไหลไปกินข้าวไป คิดว่าแย่แล้ว พรุ่งนี้เราคงขึ้นชกไม่ได้แน่ๆ ในหัวคิดแต่อะไรจะเกิดขึ้นบ้างถ้าเราชกไม่ได้กะทันหันแบบนี้ และได้แต่โกรธตัวเองว่ามาเจ็บอะไรตอนนี้ รายการจะทำยังไง คนที่รอดูคู่เราไม่ว่าจะทีมขาวหรือทีมดำต่างต้องผิดหวัง ตัวเจี๊ยบเองซ้อมมานานทั้งหมดเพื่อการแข่งขันวันพรุ่งนี้ คู่ชกเจี๊ยบก็ซ้อมมานานเค้าซ้อมมาเพื่อวันพรุ่งนี้แล้วเค้าจะชกกับใคร หรือถ้าให้รายการหาคนอื่นมาชกแทน ให้คู่อื่นเลื่อนขึ้นมาชกก่อนแทนคู่เจี๊ยบ เค้าก็อาจไม่ได้พร้อม ยังไม่ถึงวันของเค้า ในหัวเจี๊ยบคิดแต่ว่าจะทำยังไงได้บ้างให้สามารถขึ้นชกให้ได้ในวันพรุ่งนี้ 

เจี๊ยบจึงปรึกษาอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูก และเฉพาะทางด้านกายภาพ (อาจารย์เป็นคนที่รักษาอาการบาดเจ็บต่างๆระหว่างการฝึกซ้อม ของทั้งทีมขาวและทีมดำ) ผลอัลตราซาวด์พบว่าอาการบาดเจ็บมาจากรอยร้าวที่กระดูกซี่โครง ทางเดียวที่จะพอทำให้สามารถขึ้นชกได้คือฉีดยาชาที่บริเวณซี่โครงที่ร้าว เพื่อให้สามารถหายใจในสภาวะใกล้เคียงคนปกติ หายใจแล้วไม่เจ็บจนเกินไป ให้สามารถขึ้นไปชกได้  ให้สามารถถ่ายรายการลุล่วงไปได้ 

ด้วยความที่ตัวเจี๊ยบเองเป็นหมอ เจี๊ยบประเมินตัวเจี๊ยบเองและรับได้กับความเสี่ยงต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับร่างกายตัวเอง เจี๊ยบตัดสินใจขึ้นชกในสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ หากเป็นคนทั่วไป หรือ นักชกคนอื่นๆ อาจต้องเลื่อนชกไปอีกเป็นเดือนๆจนกว่าซี่โครงที่ร้าวอยู่จะหายดีก่อน หรือ ถอนตัวไปเลย เพราะทุกคนย่อมอยากไปแข่งในแบบที่สภาพร่างกายที่ตัวเองสมบูรณ์ที่สุด ไม่มีใครอยากลงแข่งทั้งๆที่กระดูกซี่โครงตัวเองยังร้าวอยู่ 

โดยเจี๊ยบเองเป็นคนบอกกับพี่นุ้ย บอกกับเชียร์ และคนอื่นๆเรื่องกระดูกร้าวและการใช้ยาชาเอง ส่วนตัวเจี๊ยบทราบว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ผิด ไม่ใช่มีเจตนาโกง หรือถือเป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ หมอผู้รักษาอาการบาดเจ็บของนักกีฬามีจรรยาบรรณและศักศรีในการรักษาคนไข้ทุกคนอย่างเท่าเทียม และตัวเจี๊ยบเองไม่เคยอยากได้ชัยชนะถ้าต้องแลกมาด้วยการทำสิ่งที่ผิด หากเป็นสิ่งที่ผิดจริงเจี๊ยบคงเลือกที่จะไม่ทำ หรือหากทำคงเลือกที่จะไม่บอกใคร เพราะหากเจี๊ยบไม่บอกใครก็คงไม่มีใครรู้ด้วย (อ่านต่อในคอมเม้น)"

นอกจากนี้ หมอเจี๊ยบ ยังกล่าวอีกว่า "ข้อเท็จจริงทางการแพทย์เกี่ยวกับยาชาคือ ยาชาสามารถช่วยออกฤทธิ์ลดทอนความเจ็บปวดได้ในบริเวณเฉพาะจุด เฉพาะที่ฉีดตรงซี่โครงซี่ที่ร้าวเท่านั้น เหมือนเวลาเราไปถอนฟันแล้วหมอฉีดยาชาตรงฟันที่จะถอน เราโดนหยิกขา ขาเราก็ยังเจ็บอยู่ดี ยาชาไม่สามารถออกฤทธิ์ไปทั่วร่างกาย ยาชาเพียงช่วยให้เจี๊ยบหายใจแล้วไม่เจ็บจี้ดๆ หายใจในสภาวะที่ใกล้เคียงกับคนปกติ หากระหว่างการแข่งเจี๊ยบโดนต่อยหน้า โดนต่อยท้อง หรือโดนต่อยตรงอื่นๆ ก็มีบาดแผล มีรอยช้ำ ยาชาไม่สามารถช่วยให้เจี๊ยบต่อยได้ดีขึ้น หลบหมัดได้ดีขึ้น หรือมีพละกำลังใดๆมากขึ้น และเจี๊ยบไม่สามารถฉีดยาชาทั่วร่างกายได้ เพราะไม่ใช่ใครที่ปวดแขน ก็สามารถมาฉีดยาชาที่แขน ในทางตรงกันข้าม หากฉีดยาชาที่แขนจะทำให้กล้ามเนื้อสูญเสียการควบคุมการทำงานให้ดีตามปติ ทำให้คำนวณแรงในการชกยากขึ้น ลำบากขึ้นกว่าเดิมอีก จึงไม่มีใครเค้าทำกัน 
ยาชา(Lidocaine)จึงไม่ใช่สารต้องห้าม และไม่ผิดกฎ​กติกาสากล (ทั้งนี้เจี๊ยบได้แนบเอกสารอ้างอิงจากองค์กรสากล รายการยาต่างๆที่ใช้แล้วถือว่าผิดกฎ ซึ่งยาชาไม่มีอยู่ในลิสดังกล่าว) เพราะในความเป็นจริงแล้วตัวคนถูกฉีดยาชาเองเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบในการแข่งขัน 
หลังการแข่งมวยเจี๊ยบดูยังแรงดีอยู่เพราะตอนที่ซ้อม เจี๊ยบฝึกซ้อมมาหนักกว่าบนเวทีจริงเยอะ บนเวทีชกแค่ 3 ยก เจี๊ยบซ้อมมา 6-8 ยก หน้าเจี๊ยบไม่มีรอยแผลจากการโดนชก เพราะหมัดส่วนใหญ่โดน Head guard ไม่ได้ปะทะจังๆเข้าที่หน้าเจี๊ยบ และหากหน้าเจี๊ยบถูกปะทะจากการโดนต่อย ยาชาที่กระดูกซี่โครงก็ไม่สามารถมีผลช่วย save เจี๊ยบจากรอยช้ำต่างๆ หรือ save เจี๊ยบจากการหน้าแหก ดั้งหัก หรือเลือดกำเดาไหลได้เลย 
เจี๊ยบรับงานนี้มาและอยากรับผิดชอบงานตรงหน้านี้ให้จบ ให้สำเร็จ ลุล่วงไป ทีมงานทุกคนเหนื่อยกับการแข่งครั้งนี้มามาก ถามว่าคุ้มไหม ที่ซี่โครงร้าวอยู่ก่อนขึ้นชกแล้วผลสุดท้ายหลังชกเสร็จซี่โครงที่ร้าวอยู่หัก คือสำหรับเจี๊ยบชัยชนะหรือแพ้มันแค่คำตัดสินตามเกมกีฬา ผลจะออกมาเป็นยังไงเจี๊ยบรับได้หมด แต่ที่คุ้มค่าสำหรับเจี๊ยบ คือ เจี๊ยบได้พิสูจน์ตัวเจี๊ยบเอง พิสูจน์ใจเจี๊ยบเอง และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนที่คิดว่าเราน่าจะทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ไม่ได้ หรือคนที่มองและตัดสินไปแล้วว่าเราไม่เก่งพอหรืออ่อนแอ คงสู้เค้าไม่ได้หรอก อยากทำให้เค้าประหลาดใจและรู้ว่าเราทำได้นะ เจี๊ยบทำได้นะ คุณเองก็ทำได้เหมือนกัน เจี๊ยบอยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนดูว่า 'อย่าดูถูกตัวเอง' และ 'อย่าเชื่อเวลาใครมาดูถูกความสามารถของเรา' ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเพศไหนขอแค่มีใจที่มุ่งมั่น และอดทนมากพอ คุณสามารถพิชิตสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เสมอ"

และ สาวเชียร์ ฑิฆัมพร  ได้ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งได้โพสต์ข้อความร่ายยาวว่า "จากวันที่ชกยังไม่มีโอกาสได้พูดบางอย่างเลย ก่อนอื่นต้องบอกว่า เชียร์มาชกรายการนี้ได้เพราะเจี๊ยบเป็นคนโทรมาบอกว่า #10fight10ss2 ติดต่อมา และเชียร์คือคนเดียวที่เจี๊ยบอยากชกด้วย.. พอได้ยินแบบนี้ ไม่คิดอะไรเยอะเลย เออ ให้มันต่อยกับเรานี่แหละ ดีกว่าให้ไปเจ็บกับคนอื่น แต่กลับกลายเป็นว่า ระหว่างทางนี่แหละ...ที่มันทำให้เราค้นพบว่า เห้ย!ต่อยกับเพื่อนเนี่ยยากกว่าอีก เเข่งกีฬาอื่นกับเพื่อนไม่เคยคิดอะไรเยอะ เเต่พอเป็นมวย ยังไงก็ต้องเจ็บ.... นี่เป็นสิ่งที่เชียร์พูดกับคนรอบข้างบ่อยมาก..... แต่สิ่งหนึ่งที่เรา2คนมีเหมือนกันคือเชียร์เชื่อเลยว่า เราทำอะไรทำสุด! มันทำให้เชียร์กล้าที่จะขึ้นไปชก และวันนั้นเป็นวันที่คงไม่มีวันลืม... เพราะเชียร์เหมือนมีหมวก 2 ใบ ใบแรก เชียร์ คือ”เพื่อน” ใบที่ 2 เชียร์คือ “Team Black” .... หมวก 2 ใบทำให้เชียร์ตั้งใจชกครั้งนี้ให้สวยงามตามที่ครูสอน บนกติกามวยสากลสมัครเล่นอย่างที่รายการกล่าวไว้ การชกเข้าเป้าอย่างสนุกหมายถึงคะแนน ไม่จำเป็นต้องชกให้เพื่อนเจ็บจนเลือดกำเดาไหลหรืออะไรไม่ใช่สิ่งที่คิดอยากจะให้เป็นแน่นอน....แล้วยิ่งหลังจากชกจบ..มารู้ทีหลังว่า เจี๊ยบเจ็บ มีปัญหาที่กระดูกซี่โครง หนักจนจำเป็นต้องใช้ยาชาถึงจะขึ้นชกได้ ซึ่งพูดตามตรงคือช็อคมาก... กูรู้ว่ามึงเป็นคนมีสปิริต และตั้งใจจริงๆกับทุกเรื่อง แต่สิ่งนึงมึงควรจะบอกกูก่อนที่มันหนักขนาดนี้ กูไม่มีทางยอมให้มึงขึ้นชกแน่ๆ!!ให้กูต่อยได้ยังไงทั้งๆที่ซี่โครงมึงเป็นแบบนี้ มันอันตรายกับชีวิตมึงเกินไปเจี๊ยบ มึงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงขนาดนี้ทุกอย่างมีทางออกเว้ย!! มึงไม่เห็นหรอกว่า หน้าตากูเป็นยังไงตอนที่รู้เรื่องนี้ .... และขอไปแล้วว่าอย่าทำอะไรที่เสียงกับชีวิตขนาดนี้อีก สิ่งเดียวที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คือ #มึงปลอดภัยนะเจี๊ยบ นี่คงเป็นสิ่งที่อยากจะเขียนบอกมึง... #ขอบคุณที่ทำให้มวยคู่หญิงแรกในรายการมันเซอร์ไพรส์ได้ขนาดนี้
และท้ายนี้เชียร์คิดว่ามาตรฐานความปลอดภัยทางร่างกายเป็นสิ่งสำคัญนะคะ คงไม่มีนักชกคนไหนอยากขึ้นไฟท์ทั้งที่ตัวเองเจ็บและก็คงไม่มีนักชกอยากชกคู่ชกตัวเองที่เจ็บเช่นกัน.... เพื่อความปลอดภัยและส่งผลดีต่อทุกๆฝ่ายค่ะ ด้วยความหวังดีและความเคารพค่ะ #10fight10season2 #ขออนุญาตใช้คำพูดกันเองกับเพื่อนนะคะ"

ก่อนที่ เจี๊ยบ ลลนา ได้เจ้ามาคอมเม้นต์ใต้ภาพว่า "รักมึง ขอบคุณน้าา"

หมอเจี๊ยบ อดใจไม่ไหวโผล่คอมเม้นต์ เชียร์ ฑิฆัมพร หลังโพสต์ร่ายยาวช็อคหนัก พึ่งรู้ว่าเพื่อนรักใช้ยาชาก่อนขึ้นชก

 

 

หมอเจี๊ยบ อดใจไม่ไหวโผล่คอมเม้นต์ เชียร์ ฑิฆัมพร หลังโพสต์ร่ายยาวช็อคหนัก พึ่งรู้ว่าเพื่อนรักใช้ยาชาก่อนขึ้นชก

หมอเจี๊ยบ อดใจไม่ไหวโผล่คอมเม้นต์ เชียร์ ฑิฆัมพร หลังโพสต์ร่ายยาวช็อคหนัก พึ่งรู้ว่าเพื่อนรักใช้ยาชาก่อนขึ้นชก

ภาพ cheerny14

 

หมอเจี๊ยบ อดใจไม่ไหวโผล่คอมเม้นต์ เชียร์ ฑิฆัมพร หลังโพสต์ร่ายยาวช็อคหนัก พึ่งรู้ว่าเพื่อนรักใช้ยาชาก่อนขึ้นชก

>> ช้อปออนไลน์ที่ Tesco Lotus ที่แอพ Lazada เก็บโค้ดลดเพิ่ม 11% คลิกเลย <<