- 13 พ.ย. 2563
ทำเอาหลายคนที่เห็นถึงกับต้องเอ่ยปากทักถามผู้กำกับคนเก่ง พชร์ อานนท์ ถึงรูปร่างที่เปลี่ยนจากคนที่รูปร่างเจ้าเนื้อ แต่ตอนนี้ผอมเพียวลงในเวลาไม่กี่เดือน จนทำเอาหลายคนตั้งข้อสงสัย พจน์ อานนท์ ป่วยหรือไม่ งานนี้ เจ้าตัวเลยมาเคลียร์ชัดในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ว่าที่ผอมลงเพราะตัวเองตั้งใจที่จะลดน้ำหนัก พร้อมยังเผยวิธีเปลี่ยนตัวเองจนผอมลง และเล่าถึงเปิดบริษัทใหม่ของตัวเองหลังตกงานฟ้าผ่า ประกาศตั้งใจกลับมาเป็นนักปั้นมือทองอีกครั้ง แถมยังนำธุรกิจใหม่ร้านอาหารญี่ปุ่นคุณภาพระดับพรีเมียม อย่าง “NDO Sushi เอ็นโดะ ซูชิ” มาให้ชิมกันถึงที่ !!! ยืนหนึ่งทุกเรื่องแซ่บ
ทำเอาหลายคนที่เห็นถึงกับต้องเอ่ยปากทักถามผู้กำกับคนเก่ง พชร์ อานนท์ ถึงรูปร่างที่เปลี่ยนจากคนที่รูปร่างเจ้าเนื้อ แต่ตอนนี้ผอมเพียวลงในเวลาไม่กี่เดือน จนทำเอาหลายคนตั้งข้อสงสัย พจน์ อานนท์ ป่วยหรือไม่ งานนี้ เจ้าตัวเลยมาเคลียร์ชัดในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ว่าที่ผอมลงเพราะตัวเองตั้งใจที่จะลดน้ำหนัก พร้อมยังเผยวิธีเปลี่ยนตัวเองจนผอมลง และเล่าถึงเปิดบริษัทใหม่ของตัวเองหลังตกงานฟ้าผ่า ประกาศตั้งใจกลับมาเป็นนักปั้นมือทองอีกครั้ง แถมยังนำธุรกิจใหม่ร้านอาหารญี่ปุ่นคุณภาพระดับพรีเมียม อย่าง “NDO Sushi เอ็นโดะ ซูชิ” มาให้ชิมกันถึงที่ !!! ยืนหนึ่งทุกเรื่องแซ่บ
ช่วงนี้ดูแลตัวเองมาก ดูแข็งแรงขึ้น เพียวขึ้น?
พชร์ อานนท์ : จริงๆเราเป็นคนกินเยอะมาก แต่ล่าสุดเราไปชั่งน้ำหนักแล้วเห็นน้ำหนักของตัวเองคือรับไม่ได้ขึ้นไปถึง 82 เลย เรารู้สึกว่าไม่ได้แล้วอ้วนเกินไปแล้วเราเลยหักดิบเลย เริ่มแรกคือ เราไปหาหมอก่อน หมอก็ให้ยามากินกินไปตอนเช้าเที่ยงคืนคือ ตัวสั่นหัวใจเต้นต้องไปโรงพยาบาลเลยเพราะเราแพ้ยา พอหลังจากวันนั้นก็ไม่ได้กินอีกเลย เราก็มานั่งคิดว่าเราต้องนั่งกินไปตลอดชีวิตเหรอ เราเลยตั้งต้นใหม่คือ คิดเอง อดเอง ควบคุมอาหารเอง งดแป้งเลย ข้าว ขนมปังเป็นศูนย์เลย อะไรที่เป็นกับข้าวที่เป็นของทอดเราก็ไม่กิน เน้นเป็นพวกผัก เช่น ผัดผัก ต่างๆ พอเราทำจนชินกะเพาะเราก็จะเล็กลงก็จะไม่หิวล่ะ เราจะไม่กินน้ำหวาน น้ำอัดลม แล้วขนมสาคู กล้วยบวชชี คือสิ่งที่เราชอบมากเราคือ ไม่กินไม่แตะเลย หลังจากนั้นคือ พอผ่านไป 1 เดือนเรารู้สึกได้เลยว่า กางเกงเก่าๆที่เราใส่คือ ใส่ได้เหมือนเดิม พอสองเดือนคือ ยิ่งผอมลงไปอีก จาก 82 ตอนนี้เหลือ 68 ได้ครับ แต่ใจจริงอยากจะให้เหลือ 62 กิโล เพราะตอนเราอายุ 30 เราน้ำหนักประมาณนั้น คือ ที่เราลดมาได้ขนาดนี้เพราะทุกอย่างอยู่ที่เรา อยู่ที่ใจเรา เราเคยคุยกับหมอซึ่งหมอบอกว่าการลดน้ำหนักคือ 80 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่อาหาร ถ้าเรากินเข้าไปเท่าไหร่เราก็ต้องออกมาให้ได้เท่ากับที่เรากิน แต่เราทำไม่ได้ไง เพราะการที่เราออกกำลังกายคือได้แค่ 20 เปอร์เซ็นต์เอง แล้วเราก็จำเลยว่าขึ้นกินเรายิ่งอ้วน โรคก็ยิ่งมา แต่เราโชคดีมากที่ก่อนหน้านี้เราไม่ได้เป็นโรคอะไรเลย
เป็นคนที่ควบคุมทุกอย่างในเราการกินขนาดนี้แล้ว ถ้าเราอยากกินขนมที่เป็นพวกน้ำตาลบ้างจะทำยังไง?
พชร์ อานนท์ : เราก็กินพอให้หายอยากกินแค่นั้น อยากเราจะกินทับทิมกรอบเราก็กินแค่ ทับทิมกรอบ 2 เม็ด แล้วเรากินน้ำอีกนิดหน่อยแค่นั้น คือ เราต้องสร้างวินัยให้กับตัวเอง
เราผอมลงเร็วขนาดนี้ กลัวโดนคำถามไหมว่า ป่วย หรือเปล่า เป็นอะไรหรือเปล่า?
พชร์ อานนท์ : ไม่ๆเลย เรารู้อยู่แก่ใจเราว่าเราลดได้ เพราะมีคนมาทักแล้วว่าป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่เป็นๆเพราะว่าเราตั้งใจลดจริงๆ
พชร์ อานนท์ : ซึ่งวิธีการกินของเราอีกอย่างคือ เรากินถึงแค่หกโมงเย็น แล้วมากินอีกครั้งคือ เที่ยงวัน แล้วคือ เที่ยงวันถึงหกโมงเย็นกินอะไรก็ได้ ยกเว้น แป้ง แล้วคือ เราไม่ได้ออกกำลังกายอะไรเลยนะ เราแค่ไปเดิน เดินช้อปปิ้ง อะไรแค่นั้น
ตอนนี้ได้จากร่างใหม่แล้ว กำลังจะเตรียมทำหน้าใหม่ด้วย?
พชร์ อานนท์ : คือ ไปเล่นแอฟ แอฟหนึ่ง แล้วเรารู้สึกว่า คือ ไม่ได้โม้นะโครงหน้าของเรามันดีอยู่แล้ว เราเลยประกาศในไอจีของเราเลยว่า หมอคนไหน โรงพยาบาลไหนที่เกาหลีที่ทำหน้าเราเป็นแบบนี้ได้เราจะไปทำถ้าเขาเปิดประเทศ ก็มีคนทักมาคิดต่อมานะ ว่าทำได้ไปเติมไขมันทำให้หน้าเราแน่น กรีดตาแล้วจะทำให้ตามันชัดขึ้น ถ้าเขาทำให้เราได้รูปหน้าแบบที่เราใช้แอฟทำในไอจีเราก็ยอมเสียเงินนะ
คุยเรื่องสุขภาพกันมาเยอะแล้ว มาคุยถึงเรื่องข่าวบ้างจริงหรือเปล่าที่มีข่าวว่า พี่พจน์ โดนไล่ออกจากงาน?
พชร์ อานนท์ : ไม่ได้ไล่ แต่เพราะเราถูกหักหลัง เรารู้สึกว่าเราทำงานเต็มที่ อะไรเต็มที่แล้วเอาเราไปเม้าส์ลับหลังทำเราเสียหาย หักหลังเรา ไม่เป็นไรเราก็ไปเปิดบริษัทใหม่เลย เรารู้สึกว่าเรามีความสามารถในการทำงาน ถ้าไม่เอาเราไม่เป็นไร เพราะเราไม่ใช่คนเลียเก่ง เพราะเราทำงานเต็มที่แล้วที่ออกมาคือ ผลงาน อยู่แล้ว แล้วคือ หนังของเราที่เราทำออกมาคือได้เงินทุกเรื่อง เราเป็นผู้กำกับทำเงินอันดับ 3 ของประเทศนะ ท่านมุย อันดับ 1 แล้วก็ GTH อันดับ 2 แล้วเราอันดับ 3
เพราะเราเป็นผู้กำกับที่ดื้อมากจริงไหม?
พชร์ อานนท์ : ไม่ดื้อ แต่เพราะเราว่าเรารู้เยอะกว่าเขาไง แล้วเขาไม่ชอบคนเก่งกว่าเขา เขาเลยกำจัดเราออก เราก็ไม่สนใจอยู่แล้วเพราะเราก็ออกมาเปิดบริษัทใหม่ แล้วกำลังจะทำหนังใหม่อยู่แล้ว บริษัทนี้ คือ ไปกู้ธนาคารมา แล้วก็ร่วมกับคุณแม่ท่านหนึ่งที่สนิทกัน ซึ่งชื่อบริษัทของเรา คือชื่อ บริษัท โพสิทีฟติ้งกิ้ง ชื่อภาษาไทยคือ สมองกูใครที่อยากเป็นนายทุนมาทำหนังก็สามารถติดต่อเข้ามาได้เลย หนังตลก หนังตลาด เพราะเราทำหนังหนังแมสอยู่แล้วเพราะเราต้องการได้เงิน ใครสนใจที่จะมาเป็นนายทุนมาคุยกันครับ ปีนี้ อาจจะติดโควิด แต่ปีหน้า ทุกอย่างอาจจะดีขึ้นลองมาคุยกันนะครับ
มาเปิดบริษัทใหม่ของตัวเองแล้วเห็นว่ามีแพลนที่จะเปิดหนังใหม่แล้วเลยด้วย?
พชร์ อานนท์ : วางไว้เปิด 4 เรื่องเลย แต่จะเปิดก่อน 2 เรื่อง คือ อีแต๋วพระโขนง(ใครฆ่าหมากู) แต่ไม่ได้เกี่ยวกับแม่นาคพระโขนงนะ แต่มันเป็นเรื่องที่อยู่ในยุคพระโขนง ส่วนอีกเรื่องทำมาจากการ์ตูนเล่มละบาทในสมัยก่อน แล้วอีกเรื่องคือ หนังสายวาย เรื่อง บอกโลกให้รู้ว่ากูรักมึง เรื่องนี้อยากให้เป็นแนวโรแมนติกแบบแมนๆ
ซึ่งนอกจากเป็นผู้กำกับที่ฝีมือดีแล้ว ยังเป็นนักปั้นมือทองอีกด้วย และก็พูดว่าจะไม่ปั้นใครอีกแล้ว?
พชร์ อานนท์ : ก็พูดว่าจะไม่ปั้นใคร แต่สุดท้ายเราทำหนัง แล้วเราก็มีเด็กอยู่ในสังกัดเราก็ให้ค่าตัวทุกคนแพงอยู่แล้ว เราก็อยากช่วยทุกคน แต่พอช่วยก็โดนหักหลังแทงข้างหลัง เราก็โกรธนะ แต่สุดท้าย การให้อภัยคือ การแก้แค้นที่ดีที่สุด ตอนนี้ ก็ปั้นเด็กใหม่ขึ้นมาอีก เพื่อให้เล่นหนังที่เรากำลังจะทำปีหน้ามาแน่นอน
>> Lazada ช้อปดีลเด็ดลดต่อเนื่องจาก 11.11 แจกส่วนลด 150฿ คลิกเลย <<