คลับเฮ้าส์เดือด อดีตเมียแฉยับผัว กินนักร้องดังตอนอายุ 14 พอจะหย่ายังหลอกให้ยกลูกให้

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 สาวปริศนาได้ออกมาแฉเรื่องของอดีตสามีและเด็กนักร้อง ผ่านทาง Clubhouse แบบหมดเปลือกว่า ตนและอดีตสามีคบกันมา 3 ปี ก่อนจะเจอคู่กรณี ตอนมาแรก ๆ เป็นเด็กนักเรียนอยู่ในโรงเรียนที่ฝ่ายชายสอนอยู่ อยากปั้นนักร้องลองดูมั้ย ซึ่งก็ต้องเจียดเงินในครอบครัวมาทำ เราเห็นว่าน้องใส ๆ เราก็มาเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้น้อง มันจะมีช่วงที่ฝ่ายชายรับเด็กนักร้องหญิงคนอื่นเข้ามา น้องก็มาพูด ๆ ถึงนักร้องคนใหม่ว่าไม่ดี เราก็ไม่เอา เพราะเราไม่ได้คิดอะไร  ตอนแรกปั้นนักร้อง 2 คน ชาย-หญิง (น้องคนนั้น) พออยู่ด้วยกันมา เราก็รู้สึกว่าฝ่ายชายดูเอ็นดูเด็กคนนี้มาก แกชอบพูดลอย ๆ ว่า รักเธอจังเลย อยากเอาเธอมาเป็นลูก ตอนนั้นเราก็เอ็นดู แต่อดีตแฟนชอบพูดว่าเราไม่รักเด็กคนนี้ เรามีความแคลงใจ เวลาเดินห้างให้เด็กผู้หญิงครั้งละ 500-1,000 บาท แต่ไม่ให้เด็กผู้ชาย แล้วก็ไม่ให้เราด้วยทั้งที่เราเป็นเมีย พอกลับมาถึงบ้านก็ทะเลาะกัน ตอนนั้นเราก็คิดว่ามีอะไรแปลก ๆ ซึ่งในตอนที่เกิดเรื่องน้องผู้หญิงอายุ 14 ปี 

 

 

 

 จากนั้นก็ทะเลาะกันบ่อยมากเกือบทุกวัน เพราะน้องเลิกเรียนก็จะมาบ้านเราทุกวัน เราก็มีแอบมองบ้างแต่เราก็พยายามคิดว่าเราคิดไปเอง พอเริ่มมีเพลงออกคอนเสิร์ตเราก็ไป เพราะเราเป็นคนแต่งหน้าให้ เราไม่เคยได้เงินอะไรเลย เพราะเงินทั้งหมดต้องเอาไปให้เด็กคนนี้ทำเพลง ทุกครั้งเวลาไปห้างเขาจะพาเด็กคนนี้ไปทำ ไปคลินิกต่าง ๆ แต่เราไม่ได้ทำด้วย  ต่อมาเราเข้าโรงพยาบาล เขาไปถ่ายโฆษณาที่บ้าน กต. แล้วเขาเห็นแชตที่ กต. คุยแชตกับนักร้องผู้ชายที่เราปั้นมา เขาก็ร้องไห้แล้วโทร. มาหาหนู เราเองก็ร้องไห้เพราะเขาไปหึงเด็กคนนั้น เราก็บอกว่า ถ้าเด็กคบกันจริง ๆ ก็ไปคุยกันดี ๆ ว่าไม่ให้คบกัน เด็กมันก็โทร. หาหนูว่าไม่มีอะไรกันจริง ๆ เพราะกลัวโดนไล่ออก หนูก็เลยบอกว่าค่อย ๆ คุยกัน จากนั้นเขาก็ไปร้องไห้กับแม่ครูเรื่องเด็กคนนี้ ก่อนที่เด็กทั้งสองคนจะมาขอขมาว่าไม่ได้เป็นแฟนกัน ฝ่ายอดีตสามีไม่คุยกับเด็กผู้ชายเลยหลังเกิดเรื่อง คุยแต่กับเด็กผู้หญิงเท่านั้น 

 

วันต่อมาเขาพาเด็กคนนี้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก พอไปถึงอุดรตกเครื่อง แต่ก็ยังพยายามซื้อตั๋วใหม่เพื่อพาไปกรุงเทพฯ เราก็รออยู่ที่โรงพยาบาล คิดว่าเขาจะพากันมาถึงบ้านประมาณบ่าย 3 ครึ่ง แต่มาถึง 6 โมงเย็น เลยถามว่า ไปไหนมาทำไมกลับเย็นจัง เขาก็บอกว่า พาเด็กคนนั้นไปซื้อรองเท้าที่ห้าง เราก็อึ้ง เลยพูดว่า คงจะรักมันมากสินะ เขาก็เลยบอกว่า จะพาเด็กนั่นไปถ่ายเอ็มวีต่อที่เลย แล้วแกก็ไป ตอนนั้นเราก็คิดว่าจะถึงเลยไม่เกิน 2 ทุ่ม เลยโทร. ถามทีมงานว่าถึงหรือยัง ทีมงานเลยบอกว่า 3 ทุ่มแล้วยังไม่ถึง เราก็งงว่าพากันไปไหน เลยทักหาเด็กว่าอยู่ไหน เขาก็ถ่ายรูปว่าอยู่ปั้ม เราก็ปล่อยเวลาผ่านไป ต่อมาเขากลับมาตี 2 ครึ่ง ร้องไห้มาบอกว่า เขาชั่ว เขาเลว เราเลยถามว่าเป็นอะไร เขาเลยบอกหนูว่า อ้ายฮักเขา หนูก็เลยถามว่ารักใคร เขาก็บอกว่า รักเด็กนั่น ขอรักต่อได้มั้ย ตอนนั้นเราก็ถามว่ามีอะไรกันหรือยัง เขาก็บอกว่ามีแล้วเมื่อวาน เขามาบอกเราเพราะคิดว่าเรารับได้ เพราะว่าได้เงินเดือนละเป็นแสนแล้วตอนนั้น เขาก็มองว่าเราสร้างมาด้วยกัน เราคงรับได้ ตอนนั้นที่มีอะไรกัน ผู้หญิงอายุ 14 เขาชอบพูดต่อหน้าเราว่าเขาคิดถึงเด็กคนนั้น อยากตายจังเลยไม่รู้จะทำยังไงดี เราเลยบอกให้เขาไปตายคนเดียว วัน ๆ เหม่อลอยหาแต่เด็กคนนั้น

 

 

ตอนเช้าไปโรงเรียน ตอนค่ำไปกินข้าวบ้านเด็กคนนั้นตลอด ไม่มีเวลาให้เราเลย เขาไปไหนมาไหนด้วยกันได้โดยที่ไม่เอาเราไปแล้ว เพราะเขาคิดว่าเรารับได้ ตอนนั้นเราจดทะเบียนสมรสกันด้วย พอผ่านไปเดือนนึงเราทนไม่ไหวแล้ว ก็เลยบอกแม่กับพ่อเด็กคนั้น เขาก็บอกว่า เดี๋ยวรอให้คู่นั้นมาก่อนค่อยคุยกัน แต่บอกว่าจะพยายามพูดช่วยให้ แต่ดูไม่ตกใจอะไรเราถามแม่เมียน้อยว่า ครูบอกว่าได้กันกับเด็กคนนี้แล้วจะให้ทำยังไง แม่เขาก็ตอบกลับว่า แม่ไม่ซีเรียสว่าเขาได้หรือไม่ได้กัน เป็นเรื่องธรรมดาของเด็ก ตอนนั้นเราช็อก แต่เขา เด็กนั่น และครอบครัวนั่งหัวเราะเรา จากนั้นเราคุยกับเด็กคนนั้น เรากอดเขาแล้วบอกว่า ขอร้องได้มั้ยอย่าทำครอบครัวพี่พังได้มั้ย ทางนั้นก็พยักหน้า หลังจากนั้นพอเราทักไปถามว่ามีอะไรกันจริงมั้ย เขาก็บอกว่าอย่าถามแบบนี้ได้มั้ย ไม่งั้นจะบล็อก พอถามแม่เด็กเรื่องสัญญาค่ายว่า ถ้าไม่อยากให้ลูกแม่เป็นเมียน้อย หนูฉีกสัญญาค่ายให้เลยให้ไปอยู่ที่อื่น หนูจะเริ่มต้นใหม่เป็นครอบครัว  ตอนนี้ถ้าแม่ไม่พอใจ แม่สามารถฟ้องครูได้เลยนะ แล้วแม่เด็กก็แคปไปส่งให้ครูดูว่าเมียจะหักหลัง แฟนเราก็ทักมาว่าคิดได้ยังไง ด่าเราสารพัดอย่าง หนูก็เลยตัดสินใจว่าจะหย่า แกก็ไม่ฟัง แล้วไปเอาแม่มา แต่แม่แกไม่ชอบหนูอยู่แล้ว ทุกคนรุมด่าหนู พี่ชายเขาบอกว่า หนูเป็นตัวถ่วงความเจริญของผัว ส่วนเงินในบัญชีเป็นล้าน บ้าน รถ แกบอกว่าแกไม่แบ่งให้ หนูเลยบอกว่า งั้นหนูขอแค่ 3 แสน หนูจะกลับไปเรียนต่อ เพื่อตั้งใจหางานมาเลี้ยงลูก แต่แม่แกบอกว่าให้ไปแต่ตัว อย่ามาขอตัง ส่วนแฟนพูดใส่เราว่า เราไม่ได้ทำงานอะไร จะมาขอเงินทำไม พอเราฟังเราก็เลยบอกว่าไม่เอาก็ได้ แล้วก็กลับเข้าห้องไป

 

พอเข้าห้องก็มากอดเราบอกว่า ขอได้มั้ยไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย เขาอยากให้ครอบครัวคิดว่าตัวเองถูก แต่ตัวเองผิด หนูก็เลยบอกว่าหนูไม่เป็นไร หนูพร้อมจะไปแล้ว พอกลับมาถึงบ้านครอบครัวหนูร้องไห้กอดหนู น้องก็บอกว่าเด็กนักเรียนเขารู้กันหมด แค่ไม่กล้าบอก แม่ก็พาไปหาทนายว่าฟ้องหย่าได้มั้ย ทนายก็บอกว่าหนูไม่มีหลักฐาน หนูต้องอดทน ต่อมาหนูก็พากันไปหย่า แม่ครูก็โทร. มาบอกว่า พากันไปหย่าไม่รู้เหรอว่า วันนี้เป็นวันเกิดลูก ก็เลยไม่ได้หย่ากัน  ต่อมามีคนทักมาถามว่าพี่หย่ากับแฟนหรือยัง เราก็บอกว่า ไม่หย่าแล้วว่าจะเริ่มต้นกันใหม่ ไม่ถึง 2 นาที ไลน์เด็กคนนั้นก็เด้งมา แกก็เลยถามว่าบอกคนอื่นเหรอว่ายังไม่ได้หย่า พออ่านไลน์เสร็จก็บอกว่า พรุ่งนี้ไปหย่าเลยนะ วันต่อมาก็ไปหย่ากันจริง ๆ แกบอกว่าแกจะให้เงินแสนห้า ก็โอนให้แสนนึง แต่ยื้อไว้อีกส่วนหนึ่งเพราะกลัวเราออกไปจากชีวิตเขา จากนั้นเราก็ขนของกลับบ้าน แม่ครูก็พูดประชด  ภรรยามีชู้ พอจะเป็นเหตุผลให้หย่าได้มั้ย ตอนนั้นหนูอยู่วัด เราก็แบบอุตส่าหย่ามาแบบเงียบ ๆ แต่เขาก็พูดว่า มึงไปกับใครล่ะ แล้วก็ไม่ยอมลบโพสต์ ทำให้คนอื่นคิดว่าเรามีชู้ หนูก็เลยโพสต์ว่าเหตุมันเกิดจากใคร ตอนนั้นหนูไม่ได้อยากแฉแค่อยากปกป้องตนเอง แกก็รีบโทร. มาขอให้ลบ เพราะคนไปถล่มด่าแกกับเด็กนั่น หนูก็เลยบอกว่า กูไม่ลบ ส่วนแกก็ลบโพสต์ของแกทิ้ง แล้วก็ไปพูดว่า หย่ากันแล้วทำไมต้องออกมาพูด หลังจากนั้นทัวร์ก็มาลงหนูแทนว่าเกาะกระแสเด็กคนนี้ 

 

 

 ตอนนั้นเราเหมือนตายทั้งเป็น กลายเป็นโรคซึมเศร้าต้องไปหาหมอ พอผ่านไป 1 วัน น้องก็มาบอกว่าเด็กนั่นไปพูดกับผู้ชายคนอื่นที่มันคุยว่า ที่หนูโพสต์ว่ามันได้กับครูไม่จริง จริง ๆ แล้วหนูอะมีแฟนใหม่ ครูก็เลยขอหย่า หลัง ๆ พอเลิกกันไปแกก็ไว้ใจเรามาระบายกับเราว่าเด็กนั่นไม่ดี นอกใจแกไปมีอะไรกับคนในวง ต่อมาแกก็ขึ้นว่าหมดสัญญากับนักร้อง บอกว่าจะเลิกปั้นแล้ว และบอกว่าได้กับคนใหม่อีก เด็กนั่นก็มาโพสต์ด่าครูแล้ว แต่แม่เด็กบอกว่ากลัวครูแฉ เลยบอกให้เด็กปล่อยให้ท้อง ครูจะได้ไม่ด่า แต่ญาติพี่น้องก็แอบสงสัยว่าเด็กลูกใคร เรื่องลูกเรา ตอนที่ยังไม่มีเรื่องนี้ก็คุยกันตลอดว่า ถ้ามีเรื่องนอกใจเลิกกัน หนูให้เขาเป็นคนเลี้ยงได้มั้ย เพราะหนูจะไปเรียนต่อ ดูแลลูกให้หนูก่อนนะ เขาก็บอกว่าที่เซ็นลงหลังใบหย่าคือหนูไม่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูอะไร หนูจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนตรงนี้ หนูก็ไม่รู้ว่าลูกเป็นสิทธิ์ขาดของเขา เพิ่งรู้เร็ว ๆ นี้ตอนเก็บภาษีย้อนหลังของแก 5 ล้าน แกก็มาบอกหนูว่าให้ไปเซ็นใบลดหย่อยภาษีให้หน่อย หนูก็งงๆ พอไปถึงนายทะเบียนก็บอกที่เซ็นข้างหลังใบหย่าว่า หนูเซ็นว่าพ่อมีสิทธิ์คนเดียว หนูก็งงว่าหนูจะทำยังไงหนูก็อยากได้ลูกหนูคืนเหมือนกัน เขาให้หนูเซ็นรับรองว่า เพราะเวลาลูกไปเรียนจะได้ไม่มีปัญหา นายทะเบียนเขาก็บอกว่าไม่ต้องเซ็นอะไรแล้ว เพราะสิทธิ์อยู่กับพ่อหมดแล้ว แต่ไม่ค้นทะเบียนให้เพราะอดีตผัวจดทะเบียนสมรสกับเด็กคนนั้นแล้ว ที่ฝ่ายชายแถลงข่าวว่าจบกันด้วยดี เป็นเพราะเราไม่พูดเราไม่ทำร้าย แต่จริง ๆ แล้วที่เรารับฟัง ก็เพราะรอวันนี้นี่แหละ