- 11 ต.ค. 2564
ติ๊ก ชิโร่ เคลียร์ชัดทุกข่าวลือ เล่าย้อนเรื่องราวชีวิต เปิดความลับแอบชอบนักร้องสาวคนดัง เเต่โดนกีดกันจากแม่ของเขา
ศิลปินคนดัง "ติ๊ก ชิโร่"เคลียร์ชัดทุกข่าวลือ หลังได้มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ Club Friday Show พร้อมเล่าย้อนเรื่องราวชีวิตที่ก่อนจะประสบความสำเร็จ ที่บ้านไม่สนับสนุนแถมยังตัดขาดถึงขั้นไม่ให้ใช้นามสกุล พร้อมเปิดความลับไปแอบชอบนักร้องสาวคนดัง แบบหมดเปลือกเคลียร์ชัดข่าวที่ทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง เกิดเเผลในใจ ลั่นบ้านทั้ง3หลังไม่มีสวน เเละบ้านผมก็ไม่มีคนสวน
ถาม กว่าจะมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ เห็นบอกว่าตอนแรกที่บ้านไม่สนับสนุนกับการเป็นนักร้องของพี่ติ๊กเลย
ติ๊ก ชิโร่ : ไม่มีทางเลยครับ เพราะว่าคุณพ่อก็รับราชการ คุณแม่ก็อยากจะให้มาทางด้านการศึกษา มาทางด้านการเรียนมากกว่า แล้วคุณพ่อเขาหมายมั่นปั้นมือว่าเขาอยากให้ผมเป็นทนาย ไม่อย่างนั้นก็มาทางการเกษตรครับ เพราะว่าคุณพ่อทำงานอยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขาห้ามขนาดที่ครอบครัวให้แยกกันเลย ไม่ให้เราใช้นามสกุลเลย ถ้าติ๊กไม่เรียนแล้วไปเล่นดนตรี ติ๊กก็ออกจากบ้านไปเลย ตอนนั้นเราก็เสียใจ ร้องไห้ แล้วก็ขอคุณพ่อว่าขอไปแค่วันเดียว ไปช่วยแค่วันเดียว แล้วหลังจากนั้นก็จะไม่ไป ก็เหมือนกับมุสาวาทา แต่ผมก็ไปจริงๆ ครับ หลังจากวันนั้น เราก็กลับมาคิดว่า ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปดรอปเรียนไว้สิ แล้วก็ไปมาๆ เรียนหน่อยหนึ่ง แล้วก็เล่นดนตรีหน่อยหนึ่ง
ถาม ตอนนั้นพี่ติ๊กชอบเล่นดนตรีอะไรเป็นพิเศษ ??
ติ๊ก ชิโร่ : เป็นมือกลองเลยตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งเราก็ไม่ได้เคยไปเรียนที่ไหนนะครับ ผมก็เอาตะเกียบมา ไปเอาฝาหม้อของป้ามาวาง แล้วก็เอาลังกระดาษมาวางเป็นกระเดื่อง แล้วก็หม้อกะละมังมาวาง ตีตามจังหวะเพลงที่เราเปิด เราก็รู้สึกว่าเราก็ทำได้นะ ไม่ได้เรียนด้วย แต่เราอาศัยตีบ่อยๆ ครับ มันก็เริ่มเข้าใจครับว่ามันมีรูปทรงแบบนี้ นอกจากจะหักดิบเรื่องการเล่นดนตรีแล้ว ก็ยังหักดิบคุณพ่อเรื่องการเรียนด้วยครับ เพราะตอนนั้นผมรู้ว่าเรารักดนตรี และเราก็ชอบวาดรูปชอบศิลปะ แต่ผมเลือกเรียนเกษตรเหมือนกับจะไปในแนวทางคุณพ่อ แต่มหาวิทยาลัยเขาเปิดรับสมัครด้านศิลปะ ผมเลยไปสอบ ปรากฎว่าได้ที่ 7 ครับ แล้วก็ทำคะแนนได้ดีมาก ประมาณอันดับ 3-5 เสมอ
ถามว่าต้องเลือกไหม ดนตรีกับศิลปะ ในสายเลือดของเราทั้งดนตรีแล้วก็ศิลปะ แต่ว่าตอนที่ผมจะต้องเลือกเราก็คิดว่าถ้าศิลปะ จะไปเป็น Artist หรือจะไปเป็นศิลปินเหรอไส้แห้ง เพราะตอนนั้นเรายังไม่มีชื่อเสียง แต่ถ้าผมเล่นดนตรี อย่างน้อยมันก็ยังมีผับบาร์ที่เราสามารถที่จะเล่นได้เพื่อหาเงิน แล้วพอได้เงินมาเรา ก็สามารถที่จะมีเงินไปซื้อสี ซื้อพู่กัน ซื้ออุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำงานศิลปะ ในใจของผมคิดไว้เสมอว่าเราต้องมีความวิริยะ มีความอดทนรอวันที่มันสุกงอมเต็มที่ เราจะหันกลับมาทำงานศิลปะอีกครั้งหนึ่ง
ถาม หลายคนไม่เคยรู้มุมนี้นะ พี่ติ๊กเขาวาดเป็นจริงเป็นจัง จนมีการจัดนิทรรศการของศิลปินคนนี้ในฐานะนักวาดภาพมา 19 ครั้ง ที่เห็นแล้วคือทึ้งเลย
ติ๊ก ชิโร่ : มันเป็นความมุ่งมั่นตั้งใจของผม อันนี้วาดตอนที่ผมอายุ 25 ปีนะ จะเป็นชื่อของสมาชิกในครอบครัวทั้งหมดเลย จะมีคุณแม่ผมชื่อสุดใจ ผมก็เลยวาดเป็นหัวใจที่เป็นเลือดหล่อเลี้ยงครอบครัว ส่วนคุณพ่อผมชื่อชวลิต ก็เลยเขียนชื่อชวลิตไว้ครับ น้องสาวก็จะอยู่ในรูปหมด แล้วก็ถ้าจะเห็นผมก็จะมีรองเท้าแตะขี่จักรยานก็จะมีสีกีตาร์อยู่ตรงนั้น ภาพเดียวคือรวมชีวิตไว้ทั้งหมดทุกคนในครอบครัวผมเลยครับ อันนั้นก็เป็นจุดๆ หนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่ายากจน ผมเคยมีเงินอยู่ในมือ 300 บาท แล้วก็เอาเงินทั้งหมดไปซื้อกลองหมดเลยครับ
ถาม ในมุมหนึ่งของความเป็นนักดนตรี มันมาพร้อมกับความเท่ นึกออกไหมมันเป็น Artist เป็นศิลปินในเรื่องของความรัก เรื่องผู้หญิง เราเปรี้ยวไหมในเรื่องนี้
ติ๊ก ชิโร่ : มันก็เป็นธรรมชาตินะครับ พลังขับของความเป็นวัยรุ่นมันจะต้องมีนะครับ แต่เนื่องว่าพลังขับทางด้านความมุ่งมั่นทางด้านดนตรีมันอาจจะมีมากกว่าเสมอ แล้วก็ทางด้านศิลปะมันก็มีครับ ถามว่าตอนช่วงแรกๆ ที่เข้ามาเป็นนักร้องแอบชอบใครไหม มีครับ เขาเป็นนักร้องด้วยนะครับ ผมไม่เคยเปิดเผยที่ไหนนะครับ เพราะว่าตัวเขาเองเขาก็รู้นะครับ เพราะว่าผมเคยบอกเขา แต่ผมโดนกีดกันจากแม่เขาคือฉันทนา กิติยพันธ์ครับ คนที่ผมแอบชอบคือแอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตรครับ ตอนที่ผมชอบเขา ตอนนั้นอายุ 12 เองครับ ชอบเขาตั้งแต่เด็กๆ เลย
ตอนนั้นผมของผมยาวๆ เป็นแบบว่า คือ ผมต้องบอกก่อนว่าเราโตมาพร้อมกัน โตมาด้วยกัน ปิดเทอมที เสาร์ - อาทิตย์ เราก็มาเจอมาเฮกัน เราก็แบบว่าตามประสาเด็กๆ ใช่ไหมครับ แต่ถามว่าผมไปตามจีบเขาไหม ก็ไม่ได้ขนาดนั้นครับ คือเด็กๆ อ่ะครับ บางทีอยู่ใกล้กันมันก็เหมือนไฟช็อต เหมือนฟ้าผ่า ก็แค่นั้น แล้วก็ตอนหลังมีอยู่ครั้งหนึ่งไปเจอแล้วยายแอมเขาก็บอกว่า ข้าจะไปรู้เหรอ เพราะว่าผมถามว่าทำไมไม่รับรักข้า เขาก็บอกเราว่าข้าจะไปรู้เหรอว่าแกโตมาจะเป็นนักร้องดัง ถ้ารู้อย่างนี้ข้าแต่งงานกับเอ็งไปแล้ว (หัวเราะ) นี่มันก็เป็นเรื่องที่น่ารักมันก็มีเสน่ห์ แต่ว่าเราก็ยังเป็นเครือญาติกันนะครับ คือหมายความว่าถึงแม้ไม่ได้เป็นญาติทางสายเลือดกัน แต่ว่าเป็นครอบครัวที่ใกล้ชิดกัน
ถาม แต่แล้วก็ได้ไปเจอกับรักแท้ที่เหมือนเป็นพรลิขิต จนได้แต่งงานกันจริงๆ
ติ๊ก ชิโร่ : กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ผมได้มีโอกาสไปเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศเยอรมัน เรียกว่าพีคสุดๆ พอเล่นปั๊บ คนก็แบบมีความสุขกันมาก พอจบคอนเสิร์ต ผมก็มานั่งปลงๆ ชีวิตนะครับ ว่าตอนที่เขาชอบเรานะ ก็จะมีคนมาขอลายเซ็นจับไม้จับมือมากมาย มากรี๊ด แต่พอเขากลับกันไปหมดแล้ว ก็เหลือแต่เศษซากปรักหักพัง ความรักความห่วงใยความที่เขาชื่นชมมันก็หนีหายไปกับตัวเขาด้วย มีแต่เศษขวดเบียร์มีแต่เศษกระป๋อง ผมก็นั่งมอง ซึ่งไม่เคยเกิดแบบนี้นะครับ อยู่ดีๆ คืนนั้นก็เกิดสิ่งนี้ขึ้นในชีวิต แล้วก็เหมือนพรลิขิตให้คนหนึ่งเดินมา เขาก็อายุเยอะแล้วนะครับ เขาก็บอกว่าขอลายเซ็นหน่อย จะเอาไปให้ลูกสาว
แล้วพักหนึ่งเราก็ได้ยินเสียงเรียกแม่!! ก็คือ อ้อ เดินมาผมจำได้ผมหันไปดู ผมจะแต่งงานกับคนนี้ ตอนนั้นผมคิดอยู่ในใจ ผมจำได้เขาใส่ชุดสีดำแล้วก็ผมยาว ผมก็ถามว่าคุณป้าครับนั่นลูกสาวคุณป้าเหรอครับ ใช่ ผมขอเบอร์ที่บ้านได้ไหมครับ แม่ก็ให้เบอร์มา แล้ววันรุ่งขึ้นผมต้องเดินทางไปเล่นที่ฝรั่งเศส แล้วกลับมาผมก็โทรหาเขา บอกว่าผมเองอยากจะให้น้องอ้อช่วยเป็นมัคคุเทศก์ เป็นไกด์พาเที่ยวหน่อยได้ไหม เพราะว่าเราพูดภาษาเยอรมันไม่เป็น ความประทับใจก็เกิดขึ้น เพราะเสียงของเขาก็เพราะ กิริยามารยาทก็ดูดีนะครับ จนผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษคนหนึ่ง ตอนที่เขามารับผมนะครับ เขาก็เอารถมาจอดที่หน้าร้านเป็นรถ BMW323 เปิดประทุน
แล้วผมก็ขับ BMW สีดำ 525 เราก็แบบชอบรถเหมือนกัน สงสัยจิตใจตรงกัน ตอนนั้นคือคิดเข้าข้างตัวเองมาก (หัวเราะ) จากนั้นก็พาเขาไปทางอาหารที่ร้านอาหารไทย ผมก็ขอที่ร้านอาหารไทยเข้าครัวไปทำอาหารให้ อ้อเขาทาน แต่บอกตรงๆ ว่าผมทำมั่วมากครับ ทำอะไรง่ายๆ ซุปเสฉวนครับ ความรักมันพาไปครับตอนนั้น นั่นคือจุดเริ่มต้นของความรักเลยครับ ก็ลุยจีบเขาเลย เพราะว่าผมมีเวลาอยู่กับเขาอีกสักพักก่อนที่จะจากกัน อ้อก็มาส่ง ผมก็ซื้อนาฬิกาให้เขาเป็นที่ระลึกครับ พอจากนั้นผมกลับมาที่ประเทศไทย จิตใจมีแต่ความคิดถึงนะครับ ตกหลุมรักแบบโงหัวไม่ขึ้น
ถาม แล้วก่อนกลับมาเมืองไทย ตกลงเป็นแฟนกันหรือยัง
ติ๊ก ชิโร่ : ผมคิดว่าน่าจะเป็นแล้วครับ ถึงแม้ไม่ได้พูดออกมาว่าแฟนกัน แต่บางอย่างมันก็รู้ด้วยแก่ใจนะครับ นิยามของความรัก บางทีมันตื่นมาด้วยความคิดถึง ต้องการอยู่ใกล้ๆ กันตลอดเวลา พอกลับมาก็เริ่มที่โทรศัพท์ ส่งแฟกซ์ ถามเขาตลอดเวลา ทำอะไร อาบน้ำ กินข้าวก็บอกหมดนะครับ เรียกว่าทุกเวลาที่คิดกันเลยครับ ตอนนั้นหมดค่าโทรศัพท์ไปเป็นแสนเหมือนกันนะครับ
ถาม แต่การให้ความรักกับคนทั้งโลกแบบบางครั้งมีสาวๆ มานั่งตักบางอะไรบ้าง ภรรยาว่ายังไงเอ่ย
ติ๊ก ชิโร่ : โอ้โห … บางครั้งมันก็มีนะครับ มีทั้งที่เราปฏิบัติการเอง กับผู้มีเกียรติด้านนอกปฏิบัติการกับผมครับ มีมากระทั่งนั่งตักผม เขามาเองแล้วใช้คำที่สุภาพ เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือเล้าโลมครับ ภรรยาผมก็เข้ามาเลยกระชากคอเสื้อผมครับ ซึ่งผมรู้ครับว่า อ้อ เขาเป็นคนยังไง เขาก็พาเขากลับบ้าน
ถาม จริงๆ พี่ติ๊ก เองไม่ใช่คนที่เจ้าชู้ใช่ไหมเอ่ย
ติ๊ก ชิโร่ : จริงๆ ผู้ชายทุกคนก็น่าจะมีนะครับ เป็นธรรมชาตินะครับ เพราะว่าตอนนี้จำนวนผู้หญิงมากว่าจำนวนผู้ชายในประเทศไทยนะครับ ซึ่งในการที่เขาค้นหามันก็ต้องมีการแย่งชิงกันนะครับ ส่วนที่อ้อเขาเคยโพสต์ว่ามีคนมาเจ๊าะแจ๊ะ ตอนนั้นต้องยอมรับนะครับว่าเราเป็นคนสาธารณะ แล้วก็คนที่รักที่ชอบเรา บางครั้งบางคนจะออกแนวทะลึ่งตึงตัง แบบเซ็กซี่หน่อยๆเหมือนกับว่ามาเขี่ยบอลเพื่อจะซัลโวยิงประตูอะไรประมาณนี้ แต่ถ้าครั้งสองครั้งก็ไม่เป็นไร แต่พอเยอะๆ เข้าๆ อ้อก็แสดงฤทธิ์เดช แสดงความเป็นเจ้าของ
ถาม แต่ช่วงก่อนหน้านี้มันมีกระแสข่าวกระแสหนึ่งว่ารักร้าวหรือเปล่า เตียงหักหรือเปล่า อยากให้พี่ติ๊กพูดถึงเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดในช่วงนี้ ตรงนี้เลย เพื่อให้เข้าใจไปตรงกัน
ติ๊ก ชิโร่ : แปลกใจมากเลยครับ ว่ามันเกิดขึ้นมาได้ยังไง เราเองก็รักษาสถานภาพแล้วก็รักษาสิ่งดีงาม บางสิ่งบางอย่างก็สามารถที่เอาไปเป็นตัวอย่างอันดีได้ ความรักที่ดูแลเอาใจใส่กัน คำว่าผัวเดียวเมียเดียว อะไรประมาณนั้นนะครับ เป็นความรักที่แท้จริง ตอนนี้กำลังจะมีเพลงใหม่ อัลบั้มใหม่ออกมา ค่ายเพลงแล้วมันก็มีอันนี้ออกมาเพียงไม่กี่วันเองครับ ออกมาปึ้ง !! บอกเรื่องของคนสวนใช่ไหมครับ ผมก็บอกตรงนี้เลยครับว่าบ้านผมทั้ง 3 หลังไม่มีสวนครับ แล้วคือผมก็ไม่มีคนสวนครับ ไม่รู้ใครจะคิดอย่างไร แล้วก็จะให้ผมไปตรวจ DNA ลูก อันนี้เริ่มจะไม่ค่อยดีแล้ว หลายๆ คนโกรธแทนผมด้วยซ้ำไปว่าเอาเด็กๆ เข้ายุ่งเกี่ยวทำไม
ลูกก็ต้องเป็นลูกผมสิ เพราะว่าผม Copy กันมาใช่ไหมครับ (หัวเราะ) ผมคิดว่าข่าวนี้คือริษยาหรือว่าต้องการสร้างความร้าวฉาน หรือทำด้วยความเคียดแค้นใช่ไหม ถามว่าผมมีศัตรูอะไรขนาดนั้นไหม ก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่ก็ดีเพราะว่าเพื่อนๆ พี่ๆ ที่อยู่ในวงการให้โอกาสผมในการออกมาพูด หลายครั้งที่ผมก็คุยกับอ้อ แล้วก็คุยกับลูก ชาเมกับยาหยีครับ เพราะชาเมกำลังจะมาเป็นศิลปินในค่ายโลมาบินของผมด้วย มันก็เลยกลายเป็นว่ามีผลกระทบมาแล้ว
ผมยังไม่ได้โทรหาคุณพ่อผมเลยนะครับ เพราะเขาก็ต้องคิด คุณแม่ผมก็ต้องคิด ในวันหนึ่งที่เรื่องนี้มันออกมาผมไม่แน่ใจว่าใครจะได้ผลประโยชน์ แต่ว่ามันทำให้สถาบันครอบครัวที่ผมรัก โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ผมที่ดีใจในความสำเร็จของผมก็คงเจ็บปวดไปด้วย ผมคิดว่ามันสั่นคลอน แทนที่คนจะจำผมได้ในเรื่องของแง่มุมดีๆ ที่ผมสั่งสมมา แต่คนกลับมาจำเรื่องเลวร้ายนี้ได้มากกว่า ถามว่าเราทั้งคู่โกรธไหม ผมกับอ้อโกรธครับเพราะว่ามันเป็นกลากเกลื้อนที่จะมาทำลายประวัติของเรา ทำให้หลายคนจดจำเรื่องที่มันไร้สาระแบบนี้ครับ ซึ่งผมคิดว่าถ้ามาบุกผมแบบนี้อีก ผมก็คงจะไม่ยอมครับ
ขอบคุณ
CHANGE2561 /Club Friday Show
amarin tv