บิลลี่ โอแกน ขอพูดบ้าง ในฐานะคนจ่ายตลาดประเด็นผักชีแพงโลละ 4 ร้อย

เรียกได้ว่ากำลังเป็นประเด็นสำหรับกรณีผักแพง โดยเฉพาะผักชีแพง หลังจากที่เกษตรกรในหลายๆพื้นที่จังหวัดประสบปัญหาน้ำท่วม ส่งผลให้พืชผักเสียหาย และนำมาส่งขายไม่ทัน ทำให้มีการปรับราคาสูงขึ้นกันเท่าตัวจนทำเอาหลายๆคนอดตกใจไม่ได้กับราคาล่าสุดของผักชีที่ปาไปกิโลกรัมละเกือบ 400 บาท

ล่าสุดทางด้านนักร้องรุ่นเก๋าอย่าง บิลลี่ โอแกน ในฐานะเจ้าของกิจการร้านอาหารและเลือกจ่ายตลาดด้วยตนเอง ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า ผักชีแพง เป็นประเด็นข่าวฮือฮา ว่าโลนึงเกือบสี่ร้อย เอาไปทำข่าวกันให้รึ่ม จนถึงขั้นนายกรัฐมนตรีปรารภว่า ให้ทหารช่วยปลูกผักชี ความจริงถ้าเป็นคนจ่ายตลาดอยู่ประจำ เราก็จะรู้อยู่ว่า ช่วงหน้าฝนของทุกปี ผลิตผลทางการเกษตรมันจะได้ผลผลิตน้อยถ้าไม่ใช่พืชชอบน้ำ ยิ่งปัจจุบันน้ำท่วมกันเป็นปกติ ปลูกแล้วโดนน้ำท่วม ชาวไร่ชาวสวนก้อหันไปปลูกอย่างอื่นทดแทนไปก่อน พอน้ำลดปกติแล้วก็ปลูกใหม่ราคามันก็จะถูกลง ราคามันแปรผันแบบนี้ทุกปี ก็ยังจะต้องเอามาทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต

ราวกับว่าถ้าไม่ได้กินผักชี หรือไม่มีผักชีกินแล้วจะต้องตายแน่ๆ ขนาดนั้น พูดถึงเรื่องแบบนี้แล้วก็ทำให้คิดถึง ท่านสมัคร สุนทรเวช ตอนที่ท่านเป็นรัฐมนตรี เคยมีครั้งหนึ่งช่วงปี 2539  ช่วงนั้นเศรษฐกิจไม่ดี หมูเนื้อขึ้นราคาไปมาก คนก็บ่นว่า ท่านก็เลยบอกว่า หมูแพงก็ให้กิน โครงไก่ต้มฟักสิ ประหยัด คนก็ไปด่าท่านอีก หาว่าประชดเก่ง แต่จริงๆแล้วท่านพูดถูกต้องตามหลักอุปสงค์อุปทาน คือ ถ้ามันแพง ก็ไม่ต้องซื้อมาทำอาหาร หันไปกินอย่างอื่น พอไม่มีคนซื้อหาราคามันก็ลงมาเอง เมื่อถึงเวลาที่ผลผลิตมันเยอะมันก็จะราคาถูกเอง จริงๆแล้วไอ้ผักชีเนี่ย ส่วนใหญ่เราไม่ได้เอามาทำอาหารเท่าไหร่ เอาไว้ใช้โรยหน้าเวลาทำงานกันมากกว่ากินเสียด้วยซ้ำ จริงมั้ยล่ะ5555

 

หมายเหตุ : ผมอยากให้ปลูกจิตสำนึกรักบ้านเกิดเมืองนอนกันมากๆ นะ (เข้าเพลงซะงั้น55555) ป. ล : ผมขอเตือนด้วยความหวังดีว่า ถ้าไม่อยากโดนบล็อกจากเพจนี้ อย่าใช้คำหยาบ อย่าด่าใคร อย่าแขวะใครทั้งสิ้น กระเด็นไปหลายคนแล้ว เพราะไม่รักษาความเป็นสุภาพชน เพจผมเป็นเพจเบาๆ คุยเรื่องทั่วไป ไม่ยุ่งการเมือง เพราะฉนั้นทบทวนสิ่งที่ตนแสดงความคิดเห็นให้ดีนะครับ