- 23 พ.ย. 2564
"ต้าเอส" นางเอกซีรีส์ F4 ฉบับดั้งเดิม ส่งทนายยื่นเรื่องหย่าขาดสามีนักธุรกิจชาวจีน "หวังเสี่ยวเฟย" ต่อศาลครอบครัวอย่างเป็นทางการแล้ว เตรียมแบ่งทรัพย์สินพันล้าน-สิทธิในการเลี้ยงดูลูก
หลังจากเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาได้เกิดข่าวใหญ่สะเทือนวงการบันเทิงไต้หวัน เมื่อ สวีซีหยวน หรือ ต้าเอส นักแสดงดังนางเอกซีรีส์ F4 ฉบับดั้งเดิม ได้ประกาศหย่าสามีนักธุรกิจ หวังเสี่ยวเฟย ขอสิ้นสุดชีวิตคู่หลังอยู่กินกันมาเกือบ 11 ปี ซึ่งสร้างความตกใจแก่หลายๆฝ่าย ซึ่งในตอนนั้นทางงผู้จัดการและแม่ของต้าเอสได้พยายามปฏิเสธข่าวหย่า อ้างว่าทั้งคู่น่าจะแค่ทะเลาะกัน และอีกหลายเดือนต่อมาแม่ของต้าเอสก็ยังออกมาให้ข่าว เชื่อมั่นว่าลูกสาวกับลูกเขยจะคืนดีกันอย่างแน่นอน
แต่ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 64 เว็บไซต์ไต้หวันนิวส์ และสื่อจีนอีกหลายแห่ง ได้มีการรายงานข่าวว่า ชีวิตคู่ของ ต้าเอส กับ หวังเสี่ยวเฟย ไม่น่าจะกลับมาคืนดีได้เช่นเดิม เพราะ ต้าเอส ได้ออกแถลงการณ์ผ่านทนาย เพื่อทำเรื่องยื่นเรื่องฟ้องหย่าต่อศาลครอบครัว ซึ่งจะต้องมีการแบ่งทรัพย์สินและสิทธิในการดูแลลูกๆกัน โดยในแถลงการณ์หย่ายังมีถ้อยคำขอบคุณคนที่สนับสนุนทั้งคู่ ถึงแม้ว่าหวังเสี่ยวเฟยกับต้าเอสจะตัดสินใจเลิกรากันแต่ก็ยังจะเป็นเพื่อน เป็นพ่อแม่ และช่วยกันเลี้ยงดูสนับสนุนลูกของทั้งคู่อยู่ จึงขอให้เคารพทางเลือกของทั้งสองคนด้วย
นอกจากนี้ สื่อไต้หวันยังรายงานอีกว่า ต้าเอส ได้ยื่นฟ้องหย่ากับศาลครอบครัวเขตไทเปไปตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.นี้ ทั้งคู่จะดำเนินการแบ่งสินสมรสมูลค่า 950 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (1,120 ล้านบาท) โดยแบ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อของต้าเอส มูลค่า 600 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 711 ล้านบาท) และโรงแรม S Hotel ของ หวังเสี่ยวเฟย มูลค่า 350 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 414 ล้านบาท)
รายงานยังระบุว่า หลังจากมีข่าวการหย่าร้างปรากฏครั้งแรกเมื่อเดือน มิ.ย. หวังเสี่ยวเฟยก็ได้เดินทางกลับมาไต้หวันในเดือน ก.ย. โดยบอกกับสาธารณชนว่า เป็นการกลับมาเพื่อฉลองวันเกิดของภรรยา ในวันที่ 6 ต.ค. แต่ดูเหมือนว่าแท้จริงแล้ว การกลับมาครั้งนี้จะมีจุดประสงค์เพื่อหารือและทำข้อตกลงกันก่อนการยื่นเรื่องหย่าอย่างเป็นทางการ เพราะทั้งคู่ไม่ได้โพสต์อะไรเกี่ยวกับการฉลองวันเกิดของต้าเอสเลยในช่วงเวลาดังกล่าว และต่อมาในเดือน พ.ย. ก็มีกระแสข่าวว่าต้าเอสได้ยื่นคำร้องขอหย่าต่อศาลแล้ว และน่าจะมีการประกาศข่าวหย่าอย่างเป็นทางการหลังจากนี้
ขอบคุณ : taiwannews , Mirror Media