- 24 ธ.ค. 2564
ก่อนอื่นต้องขอส่งกำลังใจให้กับครอบครัวศิระฉายา เมื่อ “อาต้อย เศรษฐา” ต้องหยุดให้คีโมด่วน ให้อาหารทางสายยาง นน.ลดฮวบเหลือ 50 !
จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ นักเเสดงอาวุโสอย่าง “อาต้อย เศรษฐา” หลังเพิ่งให้คีโม ก็ต้องกลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง โดย “อีฟ พุทธิดา” ก็ได้โพสต์ระบุข้อความว่า “การเอ็นเตอร์เทนพ่อ เราต้องเตรียมตัวมาให้พร้อม พ่อจะได้กินได้เยอะๆ และหายไวๆ ต้องให้พ่อดูดาราคนโปรด!!! โจวซิงฉือ กินเยอะๆ เดี๋ยวก็หายนะค้าพ่อ”
เเละก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับครอบครัว ศิระฉายา ที่นักเเสดงอาวุโส “อาต้อย เศรษฐา” ได้กลับบ้านแล้ว หลังให้คีโม โดย ลูกสาวแนะ ต้องสู้ เหลือคีโมอีก 4 ครั้ง ซึ่งงานนี้ลูกสาวก็ได้ระบุข้อความว่า “ยิ้มหน่อยยยยย ได้กลับบ้านมาเจอหลานก็จะหน้าบานประมาณนี้ฮะ ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ สู้ต่อไปเหลืออีก 4ครั้ง #เศรษฐาศิระฉายา #sirachayafamily #tonnyvesfamily”
เเละล่าสุด ด่วน “อาต้อย เศรษฐา” ต้องหยุดให้คีโมด่วน ให้อาหารทางสายยางแทน นน.ลดฮวบเหลือ 50 โดยล่าสุดทางด้านลูกสาว อีฟ พุทธิดา ก็ได้อัพเดทอาการล่าสุดว่า “อาต้อย เศรษฐา”
“ตอนนี้คุณพ่อก็เพิ่งกลับบ้านได้ 2 วัน หลังจากที่อยู่โรงพยาบาลมาช่วงหนึ่ง เข้าๆ ออกๆ เนื่องจากว่าทานไม่ได้ มีอาการคลื่นไส้ค่อนข้างเยอะ น้ำหนักลงเยอะ ก็เลยต้องไปให้อาหารทางสายยางอยู่ช่วงหนึ่งค่ะ ตอนนี้ก็กลับมาลองพยายามทานปกติดูค่ะ ว่าจะสามารถเพิ่มน้ำหนักได้ไหม ตอนนี้น้ำหนักเหลือ 50 ค่ะ ลดเยอะ คือช่วงที่รักษาคีโมอยู่ จะอยู่ที่ประมาณ 57 ตอนนั้นก็ผอมแล้วนะ เพราะเป็นน้ำหนักที่ลงมาจากปกติแล้ว
ยังให้คีโมรอบใหม่ไม่ได้ เพราะน้ำหนักลดลงมาก คือหลังจากคีโมเดือนก่อนโน้น พอมาถึงรอบเดือนนี้ คุณหมอไม่สามารถให้ได้ เนื่องจากน้ำหนักลงมาก เพราะมีอาการคลื่นไส้เยอะ ทำให้ทานไม่ได้ ตั้งแต่ช่วงที่ต้นบวช (ต้น เติมศักดิ์ - สามีอี๊ฟ) ช่วงนั้นก็คือทานไม่ได้ แล้วก็ยาวมา มันก็จะขึ้นๆ ลงๆ เพราะว่าบางวันทานได้ เขาก็พยายามทาน แต่มันไม่เพียงพอ
คิดว่าเป็นเอฟเฟคจากคีโม แต่พอหยุดให้ ก็ยังเป็นอยู่ คงเป็นเพราะมันส่งผลระยะยาว คือแรกเลยเนี่ย มันเป็นเอฟเฟคจากอาการแพ้ แต่ตอนนี้เนื่องจากว่า พอหยุดให้ยามาแล้วเป็นเดือน เราก็คิดว่ามันอาจจะไม่ได้เกี่ยวสักทีเดียว เพราะเราหยุดให้ยามาเดือนครึ่ง อาการแพ้มันน่าจะลดลงแล้ว ก็อาจจะเป็นได้จากหลายๆ อย่าง พูดง่ายๆ ก็คือเราก็คงต้องยอมรับ ว่าคีโมรอบนี้มันหนักกับเขาจริงๆ ค่ะ มันก็เลยส่งผลยาว
เรื่องโรคมะเร็งยังคุมได้อยู่ ให้คีโมไปแล้ว 2 ครั้ง จากที่ตั้งเป้าไว้ 6 ครั้ง จริงๆ ในเรื่องของตัวโรคมะเร็ง ตอนนี้ยังคุมได้อยู่ ยังไงได้มีการกระจายอะไร เท่าที่หมอพูด แล้วเหมือนกับว่าหลังจากที่คีโมไปแล้วครั้งใหม่ 2 ครั้ง ที่บอกว่าทำให้ทานอาหารไม่ได้เนี่ย ก็ไปซีทีตัวโรค แต่ก็ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่ว่าพอน้ำหนักลงมากๆ เราไม่สามารถที่จะให้การรักษาคีโมครบโดสได้ เพราะเราตั้งเป้าไว้ 6 ครั้ง ตอนนี้ได้ไปแค่ 2 ครั้งค่ะ เพราะคุณหมอก็โฟกัสว่า ยังไงก็ให้คุณพ่อเพิ่มน้ำหนักให้ถึงเกณฑ์ก่อน เพราะไม่งั้นการให้คีโม ก็จะทำลายร่างกายไปด้วย
แผนการรักษาอันดับแรก คือเพิ่มน้ำหนักให้เป็นปกติก่อน
อันดับแรกคือเพิ่มน้ำหนักก่อน ก็คือฟื้นฟูก่อน ให้พ่อกลับมาเป็นปกติให้ได้มากที่สุดก่อน ถึงจะดูแนวทางการรักษาต่อไปได้ ตอนนี้ก็คือเราไม่ได้โฟกัสเรื่องของตัวก้อนเนื้อเลย เพราะว่ามันยังไม่มีอะไรที่น่ากังวลเท่าไหร่ กังวลกับตัวเขามากกว่า ว่าจะสามารถฟื้นฟูได้แค่ไหนอย่างไร
พ่อสู้มาก แต่มันทานไม่ลงจริงๆ เพราะรู้สึกคลื่นไส้และเหม็นคาว
คุณพ่อเขาก็สู้มากนะคะ แค่มันเหมือนคนเมารถแล้วบังคับให้เขากินข้าวอะ คือพูดง่ายๆ แบบนั้น คือมันทานไม่ลงก็คือทานไม่ลง เราก็พยายามปรับเปลี่ยน ลองของใหม่ๆ คือมีใครส่งอะไรมาเราก็พยายามนะคะ แต่มันเป็นความรู้สึกของเขา ที่เขาคลื่นไส้ เหม็นคาว เราถึงต้องไปฉีดอาหาร แต่ทีนี่พอฉีดอาหารเขาก็รำคาญอีก คนมันไม่เคย ก็อยู่ได้สักช่วงหนึ่ง ก็ไม่โอเค ตอนนี้เลยต้องพยายามให้เขากลับมาทานปกติดูก่อน แต่ก็ทานเป็นอาหารเหลวค่ะ
น้ำหนักลงเพราะไม่ทาน ไม่ใช่อาการของโรคมะเร็ง “ก็เพราะไม่ทานแค่นั้นเลย เราก็บอกไม่ได้ เพราะว่าพ่อก็อธิบายได้แค่วาาเขาคลื่นไส้ค่ะ ไม่อยากทาน” รักษาทางเลือก ควบคู่กับการไปหาหมอโรงพยาบาล
มีค่ะ เราก็มี คือจริงๆ ปกติคุณพ่อก็ใช้ควบคู่กันอยู่แล้ว แต่ว่าเที่ยวนี้เข้าใจว่าเอฟเฟคของตัวยามันค่อนข้างแรงจริงๆ แต่เขาก็ยังพยายามอยู่ แล้วมันก็คงเหนื่อยกับการที่ ยาก็เยอะ ทานก็ไม่ลง กินน้ำจากการกินยาก็อิ่มแล้ว แล้วก็ต้องมาพยายามทานอาหารอีก มันก็มีหลายๆ ปัจจัย ซึ่งเราก็ต้องพยายามปรับไปทุกๆ วัน
เวลาคุณพ่อได้เจอคน ก็จะเบิกบานทานข้าวได้ แต่เพราะช่วงโควิด จะไปจะมาก็กังวล เลยไม่ค่อยสดชื่น
“อย่างวันที่ต้นบวชเป็นพระ วันงานบวช ทุกคนก็บอกว่าเขาก็ดูสดใสร่าเริง อี๊ฟคิดว่ามันค่อนข้างทัช สำหรับคนที่ป่วยในช่วงเวลายุคนี้ พูดกันตรงๆ มันก็ยาก คือคนจะมาก็กังวล คนจะไปก็กังวล มันก็เลยอาจจะไม่สดชื่น ตรงที่ไม่ค่อยได้เจอใคร ก็มีบ้างเหมือน เวลาได้เจอคน เขาก็จะเบิกบานหน่อย เหมือนลืมๆ ไม่ได้โฟกัสว่าป่วย เขาก็ทานได้”
หลานเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ช่วยคุณพ่อได้เยอะ
“หลานก็อยู่ด้วยตลอด ช่วยได้เยอะค่ะ ที่อยากกลับบ้านก็เพราะอยากกลับมาหาหลาน แต่ทีนี้เราก็ต้องดูตามอาการของโรค ถ้าเขายังทานไม่ได้มากๆ คุณหมอก็ยังบอกว่า ถ้า 2-3 วันแล้วยังทานได้ไม่ค่อยดี ยังน้อยกว่าปริมาณที่กำหนด ก็ต้องกลับไปค่ะ ก็คงต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกสักพักหนึ่ง”
เผยพอแม่เห็นพ่อกินไม่ได้ ก็เครียดและกินไม่ลงตามไปด้วย เลยปรับตัวกันเยอะ เพื่อทำงานเป็นทีม แม่ค่อนข้างเครียดในช่วงที่ผ่านมา เพราะว่าพ่อทานไม่ได้ เขาก็จะพาลทานไม่ได้ไปด้วย เพราะว่าพอพ่อนั่งเฉยๆ นั่งหน้าเมื่อยๆ อยู่ที่โต๊ะ แม่เขาก็จะทานอะไรไม่ลงไปด้วย
ทีนี้ในช่วงที่ไปอยู่โรงพยาบาล อีฟก็บอกเขาว่า เราต้องปรับตัวนะ เพราะมันไม่มีใครไม่เครียดหรอก เราก็เครียดทุกคน แต่เราก็ต้องคิดไปข้างหน้า ว่าเราจะทำยังไงให้มันดีกว่านี้ แม่เขาก็ปรับตัวเยอะ แล้วก็พยายาม แต่จริงๆ เขาเป็นคนพยายามอยู่แล้ว เขาเป็นนักสู้มาแต่ไหนแต่ไร ตอนเขาป่วย เขาก็อยากผลักดันให้พ่อพยายามด้วย แต่อี๊ฟก็เข้าใจ ว่าโรคของพ่อมันต่างกัน หลักเกณฑ์ในความพยายามของแต่ละคนมันก็ไม่เท่ากันค่ะ มันก็ต้องทำงานกันเป็นทีม ก็ช่วงกันหาวิธี