- 04 ม.ค. 2565
เสือ เสฏกานต์ ลูกชาย เสก โลโซ เปิดใจหมดเปลือก เข้าใจถูกด่าแรง อกตัญญู พูดเต็มปาก ปัญหาหลักของบ้านคือเรื่องเงิน
หลังจากที่เกิดการโจมตีกันไปมาระหว่างแม่ลูกของบ้าน ศุขพิมาย ที่ก่อนหน้านี้ เสือ เสฏกานต์ และน้องกวาง ลูกชายและลูกสาวเสก โลโซ และ กานต์ วิภากร เดินทางมายังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อขอให้มีการคุ้มครองสวัสดิภาพของทั้ง 2 คนจากผู้เป็นแม่ โดยมีการยื่นคำร้องทั้งหมด 6 ข้อ
โดยประกอบไปด้วย 1.ห้ามไม่ให้เข้าใกล้กว่า 5 เมตร 2. ห้ามทำร้ายร่างกายและจิตใจไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ 3. ห้ามข่มขู่คุกคามหรือด่าทอให้เกิดความกลัว 4. ห้ามโพสต์ประจานและใส่ร้ายผ่านสื่อทุกชนิด 5. ห้ามให้บุคคลใดติดตามดูพฤติกรรมต่างๆในการดำเนินชีวิต และ 6. ขอให้ส่งตัวไปตรวจทางจิตเวช
ล่าสุด น้องเสือ เสฏกานต์ ลูกชาย เสก โลโซ และ น้องดรีม แฟนสาว พร้อม คุณอาของดรีม ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ได้ออกมาให้สื่อมวลชลสัมภาษณ์ ซึ่ง คุณอาน้องดรีมระบุว่า ในวันนี้ก็จะมาออกรายการโหนกระแสนะครับ เดี๋ยวจะให้หลานๆ ชี้แจงในสิ่งที่พูดได้นะครับ ว่าวันนี้เราจะอธิบายให้สังคมว่าอะไรเกิดขึ้น ส่วน 5 ข้อที่ยื่นไป ทางศาลรับแล้วนะครับ
แต่ยังอยู่ในขั้นตอนของการส่งเอกสาร อย่างวันนี้หลังตากเสร็จตรงนี้แล้ว เราจะไปส่งเอกสารให้ที่ศาล แล้วก็ต้องรออีกที ว่าท่านจะมีให้ไต่สวนฉุกเฉิน หรือเป็นไต่สวนปกติ ตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งอนุมัติออกมา เพราะยังรอเอกสารอยู่ครับ ข้อเรียกก็ยังเหมือนเดิมครับ ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ขณะเดียวกัน น้องเสือได้เปิดใจว่า อยากจะมาออกรายการ เพื่อชี้แจงกับประเด็นที่ผมโดนกล่าวหาครับ เรื่องขโมยตังค์โน่นมานี่ ซึ่งมันไม่จริง แล้วผมก็อธิบายในรายการแล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร คือหลังจากที่ผมออกมา ก็ไม่ได้คุยกับเขา (กานต์ วิภากร) เลยครับ
แต่ว่าเรื่องเงินก้อน 10 ล้านบาทที่อยู่ในบัญชีประจำเนี่ย ผมไม่ได้เคยแตะต้องอะไรเลย แล้วผมก็ยอมเซ็นอะไรหมดแล้ว แต่ว่าวันนั้นผมไม่ได้บุ๊กแบงค์ ไม่รู้หายไปไหน ไม่ได้อยู่กับผม ไม่ได้อยู่กับดรีม ไม่ได้มีใครขโมยอะไรไปเลย ผมก็ไม่รู้ว่าผมเซ็นอะไรยังไง ตามที่ผมบอกไป มันก็เลยอาจจะเซ็นพลาดไป
แล้วตอนนั้นคือมันหนักใจมากด้วยครับ คิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ ครับ เพราะว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมาก แต่ผมยังไม่บอกนะ ว่าอะไรเกิดขึ้น ยังไม่บอก แล้วอีกก้อนหนึ่ง ที่เขาบอกว่าเรื่องบิทคอยน์ เรื่องคริปโต อันนี้ผมก็พร้อมที่จะทรานเฟอร์ไปทางวอลเลตเขาได้ตลอดเวลาเลย
ถ้าเขาทำมาหรือให้ใครทำมาก็ได้ ผมพร้อมตลอด เพราะเงินก้อนนี้ ที่เขาให้ผมบริหาร มันไม่ใช่เงินของผม มันมีของผมส่วนหนึ่งอยู่แล้ว แต่ว่าส่วนที่ได้มาจากการขุดจากพี่คนหนึ่ง ที่รู้จักกับคุณพ่อเนี่ย คือก็เป็นของเขาหมดเลย ผมไม่แตะต้อง ไม่ได้ทำอะไรเลย ไปดูในประวัติเว็บได้เลย พูดแบบบริสุทธิ์เลย ผมไม่ได้เอาไปทำอะไรเลยจริงๆ ครับ
น้องเรื่องอธิบายต่อไปว่า ประเด็นที่ผมออกมาชี้แจง ผมก็อยากจะบอกว่า ผมมารายการวันนี้ ผมไม่ได้อยากจะโจมตีครอบครัวเลย ไม่ได้คิดร้ายกับครอบครัว ไม่ได้อยากจะให้ครอบครัวดูแย่เลย ผมแค่อยากบอกว่า ผมอยากให้ครอบครัวอยู่ด้วยกัน อยากให้ครอบครัวเข้าใจกันจริงๆ ให้มีความสุขจริงๆ
แต่ถ้าผมอยู่ต่อไปแบบนี้ โดยไม่ได้ทำอะไรเลย ให้ปัญหามันอยู่ที่ดรีมกับแม่สองคน ผมก็คิดว่ามันคงอยู่ยาก ผมก็จะหนักใจไปเรื่อยๆ ผมคงอยู่แบบนั้นไม่ได้ คือที่ผมบอกในรายการครับ ผมไม่ได้มาเพื่อเข้าข้างดรีม เลือกดรีมแทนแม่ หรือเลือกแม่แทนดรีม แต่ว่าผมเห็นอะไรที่ดรีมโดน อะไรที่ออกมาตามข่าว ตามโซเชียลมีเดีย มันไม่ถูกต้อง มันผิด มันเป็นเรื่องที่ไม่จริงหมดเลย ผมเลยต้องออกมาชี้แจงแบบนี้ครับ
"คือในที่สุดผม อยากจะให้ทุกอย่างมันจบลง ที่การที่เราได้อยู่กันเป็นครอบครัวอีกเหมือนเดิม การที่เราอยู่บ้านเดียวกันเหมือนเดิม ผมคิดไว้แบบนี้เลย แต่ว่าเป็นไปยังไงก็ต้องรอครับ เพราะว่าช่วงนี้ปัญหามันหนักกับทุกคนที่เกี่ยวข้องเลย" น้องเสือตอบอย่างฉะฉาน
เมื่อถามถึงว่า ที่แม่ออกมาโพสต์ล่าสุด เหมือนคิดว่าเราได้เลือกข้างไปแล้วนั้น น้องเสือระบุว่า ก็รู้สึกไม่ดี แต่คือผมก็เปลี่ยนความคิดเขา แล้วก็คนที่คิดแบบนี้ไม่ได้ เพราะว่าผมก็ไม่ได้อยากจะบังคับ ให้ใครคิดอะไรแบบไหน ใครอยากคิดอะไรก็แล้วแค่เขาเลย แต่ผมก็ยืนยัน ว่าผมทำแบบนี้ ไม่ใช่เห็นว่าแฟนดีกว่าแม่ หรือแฟนดีกว่าครอบครัวเลย
แต่ผมเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้องจริงๆ เลยต้องทำแบบนี้ แล้วอีกอย่างก็คือที่มีหลายคน หาว่าผมไปฟ้องแม่ ไปฟ้องครอบครัว นี่มันไม่ใช่เลย คือผมไม่อยากฟ้อง ไม่อยากทำลายครอบครัวแบบนั้นเลย วันที่ผมไปศาล คือตามที่ผมบอก เรื่องมันแรง เรื่องมันน่ากลัวต่อชีวิตจริงๆ ไม่ได้ไปฟ้องอะไรเลย ไม่ได้มีเจตนาทำแบบนั้นเลย
เมื่อถามว่า ทำไมมันถึงเคลียร์กันที่บ้านไม่จบ? น้องเสือจึงได้อธิบายเหตุผลว่า "คือมันพูดยากครับ ผมไม่อยากพูดจริงๆ มันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมากๆ เลย คือผมไม่อยากให้อะไรออกมาทางโซเชียลมีเดียเลย เรื่องครอบครัวมันก็เป็นเรื่องที่ส่วนตัวมากๆ ผมคิดว่าครอบครัวไหนก็มีปัญหากันได้ คิดไม่ตรงกันได้ ทะเลาะกันได้ มันเป็นเรื่องปกติมาก
แต่ว่าการที่ครอบครัวของผม เป็นครอบครัวที่อยู่ในสายตาของทุกคน มันเป็นอะไรที่ผมรู้สึกหนักใจมาก แล้วมันก็หยุดไม่ได้ครับ คือมันออกมาแล้ว ผมไม่ได้อยากให้มันออกมา ไม่ได้เป็นคนโพสต์ คือปัญหามันไม่ควรที่จะใหญ่ขนาดนี้ แต่ว่าคือมันออกมาแล้ว คนก็เห็นมันหมดแล้วครับ"
ข้อเรียกร้องข้อที่ 5 ขอให้มีการตรวจสภาพทางจิตเวชมารดา เราอยากให้กระบวนการมันออกมาเป็นยังไง?
เสือ : อันนี้ก็พูดยากนะ แต่ผมอยากจะบอกว่า การที่เขาคิดไม่ตรงกับคนอื่น การที่เขาคิดไม่เหมือนคนอื่นอะ มันไม่ใช่เป็นอะไรที่มันโหดร้าย แต่สิ่งที่เขาทำ ที่เขาขู่ ที่เขาพูดตามโซเชียล บางทีมันก็อาจจะแรงไป มันมีผลเสียกับคนอื่นเยอะ ผมคิดว่าการที่เรามีจิตแพทย์คุยด้วย หรือไปรักษาทางด้านสุขภาพจิต เป็นอะไรที่ควรมี ไม่ใช่แค่กับคุณแม่ แต่เป็นกับใครก็ได้ มันเป็นเรื่องปกติ คือเมืองนอกเขามีจิตแพทย์ ใครก็คุยได้ปกติมาก ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ ควรมีการยอมรับมากขึ้นในประเทศไทยครับ ถ้าเขาได้มีการรักษาในด้านนี้ก็จะดี เป็นสเตปแรกเลย
แม่บอกว่าอยากให้เสือพาไป เสือโอเคไหม?
เสือ : ผมโอเค ผมอยากให้เขาไปครับ แต่ที่เคยคุยกัน เขาไม่อยากไป เพราะเขาคิดว่ามันเป็นอะไรที่… (กลัวคนจะมองว่าเขาเป็นคนป่วย?) ใช่ๆ อะไรประมาณนี้เลย ซึ่งผมคิดว่ามันไม่ใช่เลย การพบแพทย์เป็นการทำให้ตัวเองดีขึ้น ให้จิตเราดีขึ้น มันไม่ใช่อะไรที่ไม่ดีเลยจริงๆ ครับ
เคยถามแม่ไหม ว่าอะไรที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้?
เสือ : ไม่เคยถามเลยครับ แต่ว่าผมก็สังเกต ว่ามันเปลี่ยนไปมาสักพักแล้ว…ความคิดของคุณแม่ มันเป็นเรื่องที่ผมเป็นห่วงมานานแล้วเหมือนกันครับ แต่ผมก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรมาก
คนมองว่าสิ่งที่แม่ทำ เป็นเพราะเขารักเรามากเกินไป?
เสือ : ผมรู้ว่าเขารักเรา แล้วก็รักครอบครัวมากจริงๆ อันนี้ผมรู้เลยครับ แต่ว่าการที่เขาทำโน่นทำนี่ ที่มันอาจจะรุนแรงเกินไป ผมก็ไม่เห็นด้วยจริงๆ แล้วคือการที่ครอบครัวเราไม่เห็นด้วย หรือเห็นไม่ตรงกัน มันเป็นอะไรที่ปกติมาก เราไม่ต้องคิดตรงกันตลอด ทั้งๆ ที่เราเป็นครอบครัว แล้วที่ผมคิดว่าน้องดรีมไม่ได้ผิดอะไรเนี่ย มันก็เป็นอะไรที่เขาคิดไม่ตรงกัน ซึ่งมันควรที่จะคุยกันได้ มันไม่ควรที่จะอยู่ในระดับที่เราต้องมาทะเลาะกัน มาด่ากันในโซเชียลมีเดียเลยครับ
เราจะเป็นคนกลาง หรือจะหาคนกลางมาไกล่เกลี่ย?
เสือ : คือผมอยากมีคนกลางมาไกล่เกลี่ยด้วย เพราะว่าถ้าสมมติผมเข้าไปวันนี้เลย ผมว่ามันไม่จบ เพราะผมเคยเข้าไปแล้ว ไปคุยหลายครั้ง หลายชั่วโมงแล้ว มันก็ยากครับ
คุณพ่อมีความเห็นยังไงบ้างกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ?
เสือ : ผมคิดว่าเขาก็หนักใจครับ ผมก็คุยกับเขาบ่อยอยู่ แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาคิดมากในเรื่องนี้ เพราะเขาเองก็มีเรื่องของเขาเยอะเหมือนกัน เรื่องที่เขาต้องเผชิญ ผมก็เลยไม่อยากให้เขาต้องมาปวดหัวในเรื่องของผม หรือเรื่องของดรีมด้วยเหมือนกัน
จากข่าวที่เกิดขึ้น ทำให้หลายคนมองว่าเราเป็น ลูกที่อกตัญญู ?
เสือ : ผมเข้าใจครับ ผมเข้าใจว่าคนอาจจะคิดแบบนี้ ซึ่งผมอยากจะเคลียร์เลยว่า ผมอ่ะไม่เคยคิดร้าย ไม่เคยจะทิ้งครอบครัว ไม่เคยคิดจะใช้ครอบครัวเพื่อเอาเงิน มันไม่ใช่แบบนั้นเลย ผมเห็นบุญคุณที่พ่อกับแม่ทำเพื่อผมกับน้องๆ ตลอด ท่านส่งผมไปนู่นไปนี่ ไปเรียน ไปทำงาน คือท่านช่วยมาตลอด แต่ที่ผมอยากจะพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้ที่เราเห็นไม่ตรงกัน มันก็เป็นอะไรที่ผมอยากจะพูดจริงๆ เพราะมันเป็นอะไรที่ผมไม่เห็นด้วยมากๆ ก็ประมาณนี้ครับ ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายครอบครัว ไม่คิดที่จะเป็นคนที่อกตัญญูกับครอบครัวเลย
ตั้งแต่วันที่ออกมาจากบ้าน เรายังไม่ได้กลับบ้านเลยใช่ไหม ?
เสือ : ก็…มีคุยกับพ่อ คุยกับคนอื่นในครอบครัวครับ
งานที่ต้องออกคอนเสิร์ตกับพ่อทำยังไง ?
เสือ : คือ…ก็ มันหนักอยู่ครับ เพราะว่าวันนั้นที่ทะเลาะกันก็มีคุยเรื่องงานอยู่เหมือนกัน ซึ่งผมขอไม่พูดอะไรมาก
จากนี้เรื่องงานจะทำยังไง ?
เสือ : ผมก็คงยังไปไม่ได้ครับ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าผมไปได้หรือเปล่าครับ
อะไรคืดจุดที่ทำให้ครอบครัวเราแตกหักขนาดนี้ ?
เสือ : มันก็พูดยากนะครับ เพราะว่าครอบครัวเรามีปัญหามาตั้งนานแล้ว และเป็นปัญหาที่ซ้อนๆ กันเรื่อยๆ มันก็เลยทำให้ทุกคนช้ำ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจริงๆ มันเกิดขึ้นเพราะอะไร คือประวัติของครอบครัวเราที่ทุกคนเห็นมันก็มีปัญหากันมาเยอะ ซึ่งผมไม่รู้นะว่ามันเชื่อมโยงกันยังไง แต่ว่าความเจ็บความจำที่ได้รับมันมีมาตลอด มันก็อาจจะเชื่อมโยงกันได้ และก็ทำให้เราแตกแยกกันนิดหน่อย
ทุกวันนี้เราอยู่ยังไง ใช้ชีวิตยังไง ?
เสือ : ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ผมระแวงมากจริงๆ ครับ ไม่ใช่แค่สำหรับผมกับน้องนะ แต่สำหรับครอบครัวของดรีมด้วยเช่นกัน เหมือนที่ได้เล่าไว้ในรายการโหนกระแส เรื่องที่มีคนมาติดตาม มาถ่ายรูปบ้าน หรือมาส่งของเอาของมาให้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ากลัวถึงชีวิตเขาจริงๆ คือผมไม่ค่อยห่วงหรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม แต่ผมห่วงคนใกล้ตัวผมมากกว่าเพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ส่วนเรื่องการใช้ชีวิต ตอนนี้ผมก็ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากๆ ครับ ย้ายไปนู่นไปนี่บ่อย
ถึงขั้นต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ เลยเหรอ ?
เสือ : ใช่ครับ ก็คิดว่าอยู่ที่เดียวมันก็ไม่ปลอดภัยสำหรับครอบครัวน้องดรีม
ทางฝั่งของ ดรีม ได้นำเรื่องนี้เข้าไปแจ้งความบ้างแล้วหรือยัง ?
ดรีม : แจ้งความเรียบร้อยหมดแล้วค่ะ ในส่วนของคดีหมิ่นประมาทอะไรแบบนี้ และก็ได้มีการสอบปากคำแล้วด้วย
เหมือนว่าตัวเราเองก็อยากได้คนกลางมาช่วยไกล่เกลี่ย ?
ดรีม : ถ้าเป็นไปได้นะคะ ก็อยากให้มีคนกลางที่มีเหตุและผลมากเพียงพอมาคุยกัน แต่อย่างที่บอกตอนนี้คุยไปก็เหมือนเดิม ทุกอย่างมันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
เราพอจะเล่าสาเหตุได้ไหม เพราะตอนนี้คนอาจจะมองว่าเราเป่าหู เสือ – กวาง จนทำให้ครอบครัวเขามาถึงจุดนี้ ?
ดรีม : ก็รู้สึกแย่นะคะ เพราะว่าสิ่งที่เขาพูดมันไม่เป็นความจริง รู้สึกไม่ดีค่ะ
ดรีม : คนเราโตขึ้นมาแล้วเนอะ คนเรามันก็มีความคิดเป็นของตัวเอง จะให้หนูไปชี้นำเสือ หรือไปชี้นำน้องกวางมันก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว และยิ่งเขาอยู่กับพ่อแม่มา ส่วนหนูเป็นใคร หนูเป็นแค่คนนอก จะให้หนูไปบอกว่าแม่ของกวางไม่ดี แม่ของเสือไม่ดี ไม่ต้องไปรักแม่ คือมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พ่อแม่ลูกยังไงเขาก็ต้องผูกพันกันอยู่แล้ว
ยืนยันว่าเราไม่เคยทำแบบที่ถูกกล่าวหาแน่นอน ?
ดรีม : ไม่เคยค่ะ
ให้กำลังใจเสือยังไงบ้าง เพราะช่วงนี้เขาเองก็หนัก ?
ดรีม : เสือเขาไม่ได้เลือกข้างดรีมนะคะ อันนี้คือสิ่งที่ดรีมอยากให้ทุกคนทราบ เขาไม่ได้เลือกดรีม แต่ทุกวันนี้ดรีมก็คุยกับพี่เสือ และเราก็ให้กำลังใจกันในส่วนที่ให้กำลังใจได้
เรื่องความปลอดภัยของเรา ยังเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง ?
ดรีม : ใช่ค่ะ เพราะว่าเขาก็มีไลฟ์ที่บอกว่า ถ้าหากใครจะเราจะให้เงินรางวัลนำจับ 500,000 บาท ซึ่งเรารู้สึกว่ามันค่อนข้างที่จะลำบากเวลาเราออกไปใช้ชีวิตข้างนอก เพราะเราไม่รู้เลยว่าใครเขาจะคิดยังไงกับเรา ถ้าเป็นไปได้ก็อย่างที่คุณอาบอกอยากให้ลบดีกว่า
จากประเด็นที่มีคนส่งดอกไม้มาให้ กับประเด็นที่มีคนมาตามที่บ้านเรา เราคิดว่าฝั่งที่เป็นข่าวกับเราเขาจัดฉากหรือเปล่า ?
ดรีม : จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ค่ะ เพราะว่าเราก็ไปกล่าวหาเขาไม่ได้
มันชัดเจนขึ้นไหมว่าอะไรยังไง ?
คุณอา : ก็…ถามว่า 2 คนนี้ที่เราเช็กมาประวัติค่อนข้างน่ากลัว แต่กำลังดำเนินการในเรื่องความเชื่อมโยง ว่าเชื่อมโยงถึงใคร
ถ้าหากต้องนัดเจอกัน เราจะยินดีไหม ?
คุณอา : ต้องดูว่าเด็กๆ เขาพร้อมไหม ถ้าพร้อมก็ไม่มีปัญหาครับ
อยากให้มีเจ้าหน้าที่ร่วมพิจารณาด้วยไหม ?
คุณอา : จริงๆ อยากให้รอทางศาลก่อน ว่าศาลจะให้ไต่สวนฉุกเฉินหรือมีความคุ้มครองยังไงบ้าง คือเหมือนต้องการให้มีคนกลางที่สามารถจะคุยและเบรกได้ทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อให้สามารถพูดคุยกันได้
แบบนี้ต้องรอศาลเรียกไต่สวนหรือว่ายังไง ?
คุณอา : อันนี้เราก็ยังตอบแทนไม่ได้ครับ
ถ้าวันนี้ต้องเจอกับแม่ เราพร้อมคุยไหม ?
เสือ : ผมคุยได้ครับ แต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะไปได้ถึงไหนจริงๆ ถ้าหมายถึงวันนี้นะครับ เพราะมันก็ยาก
ตัวเราเองเป็นห่วงแม่ไหม ?
เสือ : เป็นห่วงครับ ผมเป็นห่วงทั้งหมดเลยครับทุกคนในครอบครัวเลย เป็นห่วงจริงๆ
ที่ผ่านมาคนก็มองว่าเราเองก็เป็นเสาหลักของครอบครัว เพราะเป็นลูกชายคนโต ?
เสือ : ใช่ คือผมอ่ะ หลายคนมักบอกว่าผมเป็นกาวที่เชื่อมโยงครอบครัว คือผมก็อยากเป็นแบบนั้นมาตลอด ผมไม่ได้อยากให้ครอบครัวต้องแตกแยก แต่ว่าอะไรที่ผมเห็นว่ามันไม่ยุติธรรมจริงๆ ผมก็ต้องออกมาพูด คือแบบ…ผมเป็นคนที่เชื่อมโยงจริงๆ แต่ถ้าหากผมเห็นอะไรผิดและไม่ทำอะไรเลย คนอื่นที่เดือดร้อนเขาก็คงไม่โอเค ผมเป็นคนที่อยากจะปกป้องคนที่รักและแคร์มาก ผมอยากให้ความยุติธรรมกับทุกคนที่โดนอะไรที่มันไม่ถูกต้อง และก็อยากจะสู้ในทางที่ผมเชื่อมั่น ผมอยากจะบอกกับทุกคนเลยนะครับ ทั้งน้องๆ และเด็กๆ เพราะช่วงนี้เด็กๆ ก็สู้กันเยอะอยู่ อยากให้ทุกคนเดินหน้าต่อไปทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องที่สุด
สิ่งที่เสือเชื่อคืออะไร ?
เสือ : สิ่งที่ผมเชื่อก็คือ ที่ดรีมถูกกล่าวหาเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย นั่นคือสิ่งที่เสือเชื่อ
เราพูดแบบนี้คนก็อาจจะมองได้อีกว่า เรากำลังสู้กับคนที่เขาเป็นแม่ ?
เสือ : ผมอยากจะสู้ในด้านที่ออกมาทางโซเชียลมีเดียว่ามันไม่จริงเลย อันนี้คือสิ่งที่ผมอยากจะออกมาบอกว่ามันไม่จริง
"ก็รู้สึกสบายใจขึ้นนะครับหลังจากที่ได้พูดชี้แจง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีมากอะไรขนาดนั้น เพราะมันเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนมากๆ เป็นปัญหาครอบครัว คือมันก็หนักใจครับ ตอนนี้ก็หนักใจมาครบ 1 เดือนแล้ว แต่เราก็ต้องเดินต่อไปให้ได้" น้องเสือระบุทิ้งท้าย
ภาพจาก คมชัดลึก