- 16 ก.พ. 2565
เปิดโฉมหน้า คุณพรพิมล มั่นฤทัย ผู้มีพระคุณช่วยเหลือ "สรพงศ์ ชาตรี" เรื่องค่ารักษา จนถึงกับหลั่งน้ำตากอดคอร้องไห้
จากกรณีข่าวการป่วยโรคมะเร็งสมองของอดีตพระเอกดังผู้เป็นตำนานอย่าง "สรพงศ์ ชาตรี" ที่ถูกเปิดเผยโดยคนใกล้ชิดและเพื่อนสนิทอีกหลายคนของ "สรพงศ์ ชาตรี" ก็ได้ออกมายืนยันจนทำให้แฟนๆหนังละครหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ โดยทาง "ไทด์ เอกพันธ์" หนึ่งในผู้สนิทกับอดีตพระเอกดังได้ออกมาเผยอาการป่วยของ "สรพงศ์ ชาตรี" ว่า...
"ตนเคยไปเยี่ยมมาหนนึง อาการตอนนี้พี่เอกแข็งแรงดี รักษาไปตามอาการ ที่เจอร่างกายซูบผอมลงนิดนึง พี่เอกเป็นแบบนี้ก็ตกใจ ให้กำลังใจ แต่แกสู้อยู่เเล้ว เพราะดูจากลักษณะแล้วน่าจะหายวันหายคืน แกน่าจะผอมลงสักประมาณ 6-7 กิโล อาการดีขึ้นหน้าตาแจ่มใส ไปนั่งปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิตลอด บุญกุศลที่แกได้ทำมาจะทำให้โรคร้ายนี้มันหายไป แรงใจ กำลังใจ ล้นหลามเหลือเฟือ ด้านภรรยาเขาก็ดูแลอย่างใกล้ชิด"
นอกจากนี้อีกหนึ่งคนที่ให้การช่วยเหลือ "สรพงศ์ ชาตรี" ในเรื่องค่ารักษาคือ คุณพรพิมล มั่นฤทัย ผู้บริหารและเจ้าของค่ายโคลีเซียม โดยคุณพรพิมล เผยว่า... “เรื่องเอกพี่ทราบข่าวเขาป่วยมาจากคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ว่าพี่เอกป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่ไม่กล้าถามเขาว่าเป็นมะเร็งขั้นไหน กำลังหาคนในวงการช่วยเหลือ และบอกว่าพี่พรช่วยหน่อยได้ไหม เราก็บอกว่าได้ ไม่มีปัญหาเลยเพราะเราโคลีเซี่ยมร่วมงานภาพยนตร์กับเอกมา 10 เรื่อง เขาเป็นนักแสดงที่ดีมาก ทุ่มเทในการทำงาน และเคารพกติกาและเต็มที่มากๆ เราก็ประทับใจเขา เขาเป็นคนมีน้ำใจมากจริงๆ”
“พี่ไปเยี่ยมเขาครั้งแรก ราวกลางปี 64 คือเมื่อประมาณ 6-7 เดือนที่แล้ว ไปเยี่ยมเขาที่บ้านที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นก็เอกดูดีเหมือนเดิมเลย พอเห็นเขาดูดีเราก็โล่งใจไปนิดนึง ซึ่งตอนนั้นพอคุยกันก็กอดคอกันร้องไห้ทั้งสองคนเลย แต่เขาไม่ได้พูดะอไรมากเพราะตื้นตันกัน เราเองเห็นเขาป่วยก็สงสาร เอกจากชีวิตที่รุ่งโรจน์ สร้างบุญอะไรต่างๆไว้เยอะมาก ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับเขา แต่เรื่องนี้ที่เขาป่วยเขาไม่ได้บอกใคร และพี่ก็ไม่กล้าถามอะไรมากเรื่องการป่วย ก็คุยกันปกติ เหมือนเราไปเยี่ยมเขา และเขามีกำลังใจมากมาย”
ราวๆเดือน พ.ย.64 คือเราโอนเงินไปทางหม่อมท่านเพื่อช่วยเหลือค่ายาของเขา เข็มหนึ่งประมาณ 180,000 บาท สอบถามไปทางภรรยาของเอก เขาก็บอกว่าอาการดีขึ้น เราก็สบายใจ แต่ไม่รู้ว่าหมอนัดเขาเมื่อไหร่ยังไง ทราบแต่ว่าก็รักษาปกติต่อเนื่อง เอาจริงๆเอกเขามีความกังวลใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้ เราก็ได้แต่ปลอบใจเขา บอกว่าเอกอย่าคิดมากนะ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น เพราะมีหลายคนมอบกำลังใจให้ และหม่อมท่าน รวมถึงท่านมุ้ยก็สนิทสนมกับเอก ท่านดูแลเอกอย่างดี
ส่วนงานในวงการของเอกคือเขาไม่ได้รับงานมานานพอสมควรแล้ว เอกคงอยากรักษาตัวเองให้หายดีก่อนมากกว่า และเรื่องที่เขาไม่บอกใครว่าป่วยเพราะเขาไม่อยากรบกวนใครและไม่อยากให้ใครเดือดร้อน ไม่อยากให้ใครทุกข์ใจแทน เขาคิดแบบนั้น เพราะเอกคิดว่าถ้าทุกคนรู้จะทุกข์ใจไปกับเขา เขาเป็นคนดีมากๆพี่เองก็ขอให้เขาหายไวๆ อะไรที่มันมาผ่านแล้วก็ต้องผ่านไปอยู่ดี พี่บอกเขาตลอดและก็สวดมนต์และอวยพรขอให้เขาหายวันหายคืนค่ะ