- 20 ก.พ. 2565
ย้อนเส้นทางรัก 41 ปี เศรษฐา - อรัญญา อาเปี๊ยก เปิดใจถึงคู่ชีวิต ก่อน อาต้อย เสียชีวิต น้ำตาซึมเคยบอกอยากอยู่เห็นหลานเติบโต
ย้อนเส้นทางรัก 41 ปี เศรษฐา - อรัญญา อาเปี๊ยก เปิดใจ ก่อน อาต้อย เสียชีวิต นับเป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้าที่หลายคนไม่อยากจะได้ยิน เมื่อ อีฟ พุทธธิดา ลูกสาว อาต้อย เศรษฐา และ อาเปี๊ยก อรัญญา ที่ได้โพสต์รูปท้องฟ้า และเขียนแคปชั่นว่า 4.42 ซึ่งก็มีคนเข้าไปให้กำลังใจอย่างมากมาย ซึ่งความหมายนั้นคือการแจ้งข่าวว่า อาต้อย เศรษฐา ศิระฉายา เสียชีวิตแล้วในวัย 77 ปี หลังป่วยมะเร็งปอดระยะที่ 4 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (20 ก.พ.65)
ความเศร้าโศกดังกล่าวสะเทือนใจไปยังแฟนคลับ และคนรู้จักในวงการบันเทิงอย่างมาก เนื่องจาก อาต้อย นับเป็นนักแสดงอาวุโสที่หลายคนเคารพรักอย่างมาก ซึ่งหากใครที่ติดตามในอินสตาแกรมของ อีฟ พุทธธิดา ก็จะเห็นโมเม้นต์น่ารักๆ ของ ตาต้อย และ ยายเปี๊ยกกับหลานชาย น้องมีบุญ เสมอๆ
- อีฟ พุทธธิดาโพสต์อาลัยเศร้า อาต้อย เศรษฐา เสียชีวิตแล้วในวัย 77 ปี
ก่อนหน้าที่ อาต้อยจะเสียนั้น อาเปี๊ยก อรัญญา นามวงศ์ ได้พูดถึงสามีคู่ชีวิตเอาไว้ว่า มันเริ่มมาจากสมองซึ่งเราไม่รู้ตอนเริ่มเป็นทานเลี้ยงกันอยู่ พอทานได้แป๊บเดียวก็เกิดอาการขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัว จะหยิบทิชชู่แล้วมันก็ตกจากมือเราหยิบไม่อยู่ ไม่มีสัญญาณอะไรเตือนไม่เคยเจ็บป่วย ไม่รู้อะไรดลใจให้จับมือเราแล้วปล่อยมือ มือเราก็ตกเลย
ทำอยู่ 2 ครั้ง เราก็ค่อนข้างตกใจ หันไปบอกคุณต้อยตัดสินใจบอกเขาทำให้เขาดู เขาก็ตกใจไปโรงพยาบาล พอลุกขึ้นเตรียมจะไปเราก็เซ เราก็ยังไม่รู้เพราะเราก็ไม่มีอาการเวียนหัว พอก้าวเดินจะล้ม มันทำให้รู้ว่าเราเดินไม่ได้ ให้รถมารับหน้าร้าน เป็นโชคดีของเราที่มีคนรอบข้างอยู่ด้วยและไปโรงพยาบาลเร็ว
มาคิดเอาตอนหลัง แต่ตอนพบหมอสัมภาษณ์เรานึกไม่ออก มันเป็นอาการปริแตกของเส้นเลือด หมอถามเราก็บอกไม่เคยเป็นอะไรเลย หมอวินิจฉัยอาจจะเป็นเลือดสวิงมาในขณะที่เส้นเลือดเราบางเพราะอายุเยอะแล้ว แต่พอมาตอนหลังเราพยายามนั่งคิดเพราะหมอถามว่ามีอะไรเครียดหรือเปล่า เราก็ไม่มี แต่พอมาคิดวันนี้เราเครียดเรื่องการอั้นปัสสาวะนะ รถติดบนทางด่วนอยู่ 2 ชั่วโมง เราก็กระวนกระวาย เราก็ไม่รู้ว่ายังไงแต่เราสันนิษฐาน
อาเปี๊ยก เล่าต่อไปว่า ร่างกายขยับไม่ได้ คือมันเสียไปเลย ขยับไม่ได้ข้างนึง ตอนนั้นตกใจแต่เราไม่ได้กลัว เราคิดว่าเดี๋ยวมันก็หาย เราดีใจที่คุณหมอบอกไม่ต้องผ่าตัด แต่เราก็แปลกใจทำไมมันเป็นเยอะจัง จากวันนั้นจนวันนี้ เกือบ 10 ปีแล้วก็ทานยา และทำกายภาพ เราพยายามคิดพยายามหาทางติวเข้มกับตัวเองเลย ฝึกการขึ้นลงเดิน
"มันรับงานในวงการบันเทิงไม่ได้ ตอนนั้นยังมีละครอยู่เลย กองละครก็คอยอยู่ 2-3 เดือนเราบอกอย่าคอยเลย ตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมเพราะเราเป็นคนที่ทำอะไรอยากทำให้เต็มที่" อาเปี๊ยกระบุ
อาเปี๊ยกพูดถึงการที่ อาต้อยดูแลตนเองอย่างต่อเนื่องว่า "จะว่าดูแลก็ไม่เชิงเพราะเขาก็ทำงาน เราไปโน่นนี่กันเสมอถ้ามีเวลา มีวันนึงคุณต้อยกลับมาจากทำงานถึงบ้านตะโกนเรียกเราบอกว่าเป็นอะไรไม่รู้ไอเป็นเลือดเลย เราก็รีบให้เขาไปหาหมอ"
อาเปี๊ยก อรัญญา บอกว่า ตอนนั้น คุณหมอแค่สงสัยก่อน ควรไปสแกนให้ดีกว่านี้ มีฟองในปอดแต่ต้องไปดูให้ละเอียดอีก ก่อนที่ คุณหมอฟันธงเป็นมะเร็งในปอดระยะสุดท้าย ซึ่งทำเอาอาเปี๊ยก ใจแป้วเลยแต่ไม่พูดไม่แสดงออกให้อาต้อยรู้ ก็รักษาเป็นขั้นตอนไป อาต้อยเขาก็นิ่งๆ ดูซึมไปนิดหน่อยแต่ไม่ได้พูดอะไร
โดยหลังจากไปให้คีโมมีเอฟเฟค ซึ่ง อาต้อย มีร่างกายจะไม่สดชื่น ทานอาหารไม่ค่อยได้ เราคุยกันตลอด ให้เขาพยายามทาน หาอาหารที่อยากทาน ซึ่งกำลังใจที่ทำให้ดีขึ้นคือหลาน อันนั้นเป็นความรู้สึกของเขา เขาคงรู้สึกเอง แรกๆ เขาก็ซึมๆ ตอนหลังก็ฮึดขึ้นมาว่าตายไม่ได้แล้ว ต้องอยู่ดูหลานโตให้ได้
นอกจากนี้ อาเปี๊ยก ยังได้ย้อนเสร้นทางรักของตนเองและชีวิตคนนี้ในอดีตอีกด้วยว่า "เรื่องความรักในอดีตของอา คู่จิ้นสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน อาเปี๊ยกอาต้อยที่เราคบกันผ่านมาจากการทำงาน คบกันในวงการจะรู้ก่อนสื่อก็เอาไปเขียน เราก็ไม่ปฏิเสธ คือการยอมรับก็คือการเปิดตัว คู่จิ้นเราก็รู้เขาไม่ว่าไร
หลายคนคิดว่าเราเป็นคู่ขวัญนอกจอด้วย แต่บางคนก็เข้าแต่ก็ยังอยากให้เป็น บางคนก็เสียใจถามเวลาเจอ ตอนนั้นอาเปี๊ยกก็เล่นหลากหลายแล้ว มีโอกาสรู้จักกันมากขึ้น ยุคนั้นคุณต้อยเจ้าเสน่ห์เราไม่รู้เลย ไม่รู้แบ๊กกราวด์เขาเลย แต่รู้ว่าเขาคบคนเยอะ
มีคนต่อต้านไม่ให้คบแต่เขาไม่ได้มาวอแวอะไรกับเรามากมาย คนในวงการก็ถามว่าทำไมเป็นอาต้อย คนเราถ้าคุยกันรู้เรื่อง ชอบอุปนิสัยใจคอมันก็คุยกันได้เรื่อยๆ คบกันมา รักกันมา 41 ปี เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย อารมณ์ดี พอเราตกลงใจที่อยู่กันแบบไม่แต่งงาน เพราะเราอยู่ในวงการก็คือเป็นยังงั้น เราก็ชอบในความเป็นอยู่อย่างนี้ เราคุยกันรู้เรื่อง เพื่อนฝูงแฮปปี้ มีความสุข"