- 21 ก.พ. 2565
เปิดใจ"อีฟ พุทธธิดา"ในวันที่คุณพ่อจากไป เชื่อพ่อหมดห่วงไม่เหนื่อย เเม้ตนเองไม่ได้อยู่ด้วย เผยข้อความที่พ่อสอนจำได้ขึ้นใจ พ่อได้บอกว่าเห็นแสงสีเขียว
บรรยากาศงานพระสวดอภิธรรมคืนแรก "ต้อย'เศรษฐา ศิระฉายา ที่ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ศาลา 1โดย "อาต้อย'เศรษฐา ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2554 ได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่20ก.พ.65 ที่ผ่านมา หลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งปอดมานานกว่า 3 ปี สิริรวมอายุ 77 ปี
ทั้งครอบครัวเเละเพื่อนร่วมวงการ ร่วมอาลัยรักเเน่นขนัด ทั้งนี้ได้มีการเปิดใจ "อีฟ พุทธธิดา"ในวันที่คุณพ่อจากไป คนดูเเลบอก พ่อเห็นเเสงสีเขียว นำพาเขาไปในที่ที่ดี
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มพิธีรดน้ำศพ 15.00 น. อีฟ พุทธธิดา ลูกสาวอาต้อย เปิดเผยถึงอาการของคุณพ่อว่าก่อนหน้านี้ ร่างกายทรุดๆทรงๆ ทานข้าวได้น้อยหรือไม่ได้เลยแต่คุณพ่อไม่อยากใส่สายยางทางจมูก จึงไม่อยากบังคับ ขออยากให้คุณพ่อมีความสุขและสบายใจที่สุด ถ้ายังน้อยในวันนี้ก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังเพราะครอบครัวทำดีที่สุดแล้ว ต้องยอมรับว่าตลอดที่คุณพ่อต่อสู้กับมะเร็งมากว่า 3 ปี เหนื่อยมากๆ และอาการทรงตัวมาโดยตลอดแต่มาในช่วงหลังที่ ต้องมีการรักษาอาการเพิ่มเติม
จึงทำให้มีผลข้างเคียง ซึ่งในวันที่คุณพ่อจากไป อีฟ พุทธธิดาไม่ได้อยู่ด้วยเดินทางไปธุระ ซึ่งตรงกับวันที่คุณหมอนัดและทางครอบครัวตั้งใจจะให้นอนโรงพยาบาล 2-3 วันเพื่อให้แพทย์ได้ให้วิตามิน/อาหารเสริม เพื่อให้คุณพ่อมีหลักการที่ดีขึ้น แต่คาดว่าคุณพ่อเหนื่อยมากและมีร่างกายที่บอบบาง ประจวบเหมาะกับมีเสมหะเหนียวข้นทำให้หายใจไม่ออกนอนราบไม่สบายตัวสุดท้ายแพทย์จึงตัดสินใจดูดเสมหะและ คาดว่าจะทำให้คุณพ่อเจ็บมากเหนื่อยจนความดันตก และไม่สามารถใช้ยากระตุ้นได้
ตนเองจึงได้ตัดสินใจบอกคุณพ่อว่า "ถ้าพ่อเหนื่อยอยากให้พ่อพักเลย" แม่ก็บอกว่า "ไม่ต้องห่วงนะพวกเรารักพ่อมากที่สุด" ก่อนที่คุณพ่อจะค่อยๆหลับไป อีฟ ยอมรับว่าเสียใจที่ไม่ได้อยู่ด้วย แต่เชื่อว่าพ่อจะเข้าใจในตอนแรกทุกคนรู้สึกหนักขึ้นแต่คุณแม่เป็นคนที่เข้าใจคุณพ่อมากที่สุดและได้บอกว่า " พ่อมีชีวิตที่ดีมากๆ สิ่งเดียวที่ทำให้คือให้เขาหมดความกังวลใจ หมดห่วง เขาควรจะรู้ว่าเราอยู่ได้ เราจะไปต่อได้สานต่อชีวิตที่เขาให้ไว้ได้เป็นอย่างดี"และตลอดชีวิตพ่อเป็นผู้ให้ ในวันนี้จึงได้กลับคืน/ซึ่งเมื่อพูดถึงตอนนี้คุณอีฟได้สะอื้นออกมาและมีน้ำตาคลอเบ้า
อีฟ พุทธธิดา เผยต่ออีกว่า ตนเองและครอบครัวรู้สึกว่าเขาดูผ่องใสและดูสงบ ทำให้รู้ว่าพ่อไปในที่ที่ดีมากๆเพราะที่ผ่านมาพ่อเหนื่อยมามากแล้วและ ผู้ช่วยหรือคนดูเเลได้บอกกับตนว่า ก่อนที่คุณพ่อจะเสีย พ่อได้บอกว่าเห็นแสงสีเขียว ก็เชื่อว่าจากนั้นจะนำพาพ่อไปสู่ที่ดี แต่ตนเองและครอบครัวชื่อว่าพ่อยังไม่ได้ไปไหนพ่อยังอยู่ที่บ้านอยู่รับแขกในงานอยู่ในที่ที่รู้ว่ามีคนรักตนเองที่ที่มีความสุข รับรู้ทุกความหวังดีความอาลัยและความรักที่ทุกคนมีให้
และยังบอกอีกว่า ตนเองแม้จะเป็นลูกคนเดียวแต่ไม่เคยอยู่คนเดียวก็ได้สร้างเอาไว้ให้ทุกอย่างและ พ่อสอนจนวันสุดท้าย โดยข้อความที่ตนจำได้ขึ้นใจคือ "คนแพ้ต้องไม่ท้อคนท้อต้องไม่ใช่คนแพ้" อีกครั้งก็ยังเป็นคนง่ายๆ และทำตัวจึงทำให้ตนเป็นคนแบบนั้น