- 18 มี.ค. 2565
ล่าสุด ทนายกฤษณะ ได้งานใหม่เเล้วลุยคดีเเตงโมต่อ หลังเพิ่งโดน เเม่เเตงโม สั่งให้หยุดทำหน้าที่ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับคดีเเตงโมอีกต่อไป
กรณีที่ เเม่เเตงโม ตัดสินใจสั่งให้ ทนายกฤษณะ หยุดพักการทำหน้าที่ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับคดีเเตงโม โดยทนายเเม่เเตงโมให้ไปทำงานในออฟฟิศทนายเดชา พร้อมแต่งตั้ง ทนายเดชา เข้ามาทำหน้าที่เเทน ล่าสุดนั้น "ทนายกฤษณะ" ได้งานใหม่เเล้ว เต้ มงคลกิตติ์ ตั้งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ด้านกฏหมาย
โดยในเฟซบุ๊คของ "เต้ 007"มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ โพสต์เปิดเผยด้วยข้อความว่า..
- ผมขอแต่งตั้ง ทนายกฤษณะ เป็นที่ปรึกษา หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ด้านกฏหมายมีหน้าที่รับผิดชอบหาหลักฐานหาความจริง พูดความจริงของคดีน้องแตงโมต่อไป จนกว่าคดีจะสิ้นสุด
สำหรับประเด็นเรื่องการสั่งพักการทำหน้าที่ของทนายกฤษณะ ในวันที่ 18 มี.ค.65 นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา เปิดเผยถึงกรณี นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ดาราสาวชื่อดัง ซึ่งพลัดตกเรือสปีดโบ๊ทกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ทำการปลด นายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย จากการเป็นทนายความประจำคดีการเสียชีวิตของแตงโม
โดยนางภนิดา ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าว ระหว่างการสัมภาษณ์นายเดชา ว่า ตนจะให้นายเดชาเข้ามาเป็นทนายส่วนตัวแทนนายกฤษณะ เพราะเห็นว่านายเดชามีความสามารถ และมีความพร้อมมากกว่า ยืนยันว่าไม่ได้ปลดนายกฤษณะ แต่เปลี่ยนให้นายเดชามาทำหน้าที่แทน
ก่อนหน้านี้ มีตำรวจที่ สภ.นนทบุรี แนะนำนายกฤษณะให้ตน ซึ่งขณะนั้นตนยังไม่ต้องใช้ทนายความจึงรับไว้ก่อน แต่หลังจากที่ดำเนินการด้านเอกสาร จึงมีความจำเป็นต้องใช้ทนาย ความมจึงได้ให้นายกฤษณะเข้ามาช่วยตอบคำถามสื่อมวลชน และดำเนินเดินการด้านเอกสารเพิ่มเติม
เเม่เเตงโม กล่าวอีกว่า ในเรื่องเล็กน้อยนั้น นายกฤษณะทำหน้าที่ได้ดี แต่เมื่อเป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับคดี เช่น ต้องเข้าพบตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ทำให้ทางตำรวจไม่ค่อยพอใจ รวมถึงนายกฤษณะเป็นชอบให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายแห่ง และชอบแย่งตนพูด ทั้งนี้ นายกฤษณะเป็นทนายใหม่อาจจะยังไม่มีประสบการณ์มากพอ
ตนจึงให้นายเดชาเป็นทนายหลักแทน ส่วนนายกฤษณะ ให้ช่วยนายเดชาในสำนักงานเพื่อไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีก ซึ่งตนได้พูดคุยกับทนายกฤษณะแล้ว ขอร้องให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ทนายเดชาคนเดียวเท่านั้น
เหตุผลที่แต่งตั้งให้นายเดชาดำเนินการทั้งหมดแทน เป็นเพราะนายเดชามีประสบการณ์มากกว่านายกฤษณะ อย่างไรก็ตาม ตนให้อภัยนายกฤษณะที่ชอบให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เพราะเข้าใจว่าตั้งใจทำงานเพื่อตน และคิดว่านายกฤษณะจะเข้าใจในสิ่งที่ทำ
ขณะที่ นายเดชา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวานนี้ตนได้รับแจ้งจากผู้สื่อข่าว ถึงกรณีที่นางภนิดาจะปลดนายกฤษณะจากการเป็นทนายความในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ตนจึงสอบถามไปยัง นางภนิดา ถึงเรื่องดังกล่าว ซี่งนางภนิดาแจ้งว่า ไม่ได้ปลดนายกฤษณะจากการเป็นทนายความประจำคดี แต่ไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้อง
เนื่องจากนายกฤษณะไม่ฟังคำสั่ง มักจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปฏิบัติงานเกินหน้าที่ เช่นการพยายามเข้าไปห้องผ่าชันสูตร และมักจะนำเรื่องในสำนวนคดีไปเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน ซึ่งนางภนิดาไม่พอใจ และทำการตักเตือนไปหลายครั้งแล้ว หลังจากนี้จะยกเบิกใบแต่งตั้งทนายของนายกฤษณะ ไม่ให้มีส่วนยุ่งเกี่ยวกับคดี และแต่งตั้งให้ตนเป็นทนายความประจำคดีเพียงผู้เดียว
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่าง นายเดชา และ นายกฤษณะ นั้น นายเดชา กล่าวว่า ตนไม่กังวลเรื่องความสัมพันธ์กับนายกฤษณะ เพราะพวกตนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด เมื่อนายกฤษณะเดือดร้อน ตนก็ให้การช่วยเหลือ ที่ผ่านมา ความคิดเห็นของตนกับนายกฤษณะก็ไปในทิศทางเดียวกัน มีการพูดคุยกันตลอด ส่วนข้อสงสัยทั้ง 11 ข้อนั้น ก็มีทั้งข้อสงสัยจากนางภนิดา, สื่อสังคมออนไลน์ และ แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ซึ่งทุกคนพอใจกับการชี้แจงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนี้ ตนจะประสานกับพนักงานสอบสวน ซึ่งอันที่จริงก็ได้ประสานกันมาตลอด ตนไม่มีปัญหาเรื่องการทำงานกับตำรวจ
ตนไม่กังวลความเห็นตามสื่อสังคมออนไลน์ เพราะไม่มีผลต่อรูปคดี ในฐานะทนายความ ต้องทำงานตามรูปคดี ไม่ใช่กระแสสังคม และคาดว่าไม่เกิน 7 วัน จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่ม และอาจมีผู้ต้องหาเพิ่มเติม ส่วนพยานทั้ง 5 คนจะกลับตัวทันหรือไม่ ตนมองว่ายังทัน แต่ก็คงไม่กลับตัว โดยตนเชื่อในการทำงานของตำรวจว่าสามารถเอาผิดได้ ทั้งประเทศมีตำรวจ 2 แสนกว่านาย ตนไม่เชื่อว่าจะเป็นตำรวจไม่ดีทุกคน
ส่วนไม่ดีก็ต้องตัดทิ้งไปแบบที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. บอก เช่นเดียวกับทนายความ ก็มีทั้งดีและไม่ดี อยากให้มองเป็นรายบุคคลไป ส่วนเรื่องที่อยู่ในสำนวนนั้น ก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะมีผลต่อรูปคดี แต่ตนก็ไม่เห็นด้วยกับการปกปิดทั้งสำนวน ต้องสร้างความมั่นใจให้ประชาชนบ้าง ที่ผ่านมาตนมองว่าตำรวจเปิดเผยไป เมื่อเปิดเผยไปประชาชนไม่เชื่อ ก็เป็นการสะท้อนถึงวิกฤติศรัทธาในเจ้าหน้าที่ตำรวจ