- 20 มี.ค. 2565
ปรเมศวร์ อธิบดีอัยการ ประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เผยผลตรวจสอบโทรศัพท์ของคนบนเรือแตงโม เรื่องปัสสาวะท้ายเรือ
เมื่อไม่นานนี้ทาง อ.ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ ประจำสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึง กรณีคดีของแตงโมว่า ตนได้คุยกับลูกศิษย์ซึ่งเป็นตำรวจ ทราบว่าหลังเกิดเหตุบุคคลบนเรือทั้ง 5 คน ได้โทรศัพท์คุยกับนักกฏหมายรายหนึ่ง ซึ่งนักกฎหมายรายนี้แนะนำว่าอย่าเพิ่งเข้าพบตำรวจจนกว่าจะได้เจอตัวเองทั้งที่คนบนเรือตั้งใจจะเข้าพบตำรวจตั้งแต่ช่วงเช้า เมื่อได้รับคำแนะนำแบบนั้นจึงเลื่อนเวลาออกไป
ส่วนตัวก็มองว่านักกฎหมายรายนี้น่าจะรู้ข้อมูลมากที่สุด เพราะได้คุยกับคนบนเรือเป็นคนแรก ๆ จึงอยากให้ออกมาบอกข้อมูลกับสังคมเพื่อความกระจ่าง โดยการที่นักกฎหมายแนะนำแบบนั้น ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด เพราะคดีนี้เกิดดราม่าเพราะคนบนเรือไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งทางตำรวจเองก็บอกว่า กลุ่มคนบนเรือวนเรือหาแตงโม 3 ชั่วโมง จากนั้นเข้าฝั่ง เพราะ"กระติก"ปวดท้องหนัก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่กู้ภัยเข้ามาแล้วจึงถอยออกมา จากนั้นก็เกิดความกลัวไม่กล้าตัดสินใจ ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของคน
โดยตำรวจยังบอกอีกว่าตำรวจตรวจสอบทุกอย่างไม่ได้บิดเบี้ยว มีการสอบพยานนับ 100 ปาก ตรวจสอบคลิปอีกกว่า 200 คลิป สอบคนถ่ายคลิปทุกคน แต่มีการจับแพะขนแกะว่าพ่อตาของบางคนเป็นอดีตตำรวจ กลัวว่าจะมีการช่วยเหลือ ซึ่งไม่เป็นความจริงส่วนที่ผลการสอบสวนช้า เพราะต้องรอผลชันสูตร และตรวจสอบข้อมูลที่เข้ามาเรื่อย ๆ นอกจากนี้ ทราบว่ายังมีการทดลองทิศทางการตกว่าลักษณะเป็นการตกท้ายเรือหรือข้างเรือ ซึ่งเหตุที่ตนออกมาพูดอยากให้สังคมใจเย็น ๆ รอการสอบสวนเสร็จก่อน แล้วค่อยวิพากษ์วิจารณ์ โดยการสอบสวนทำเป็นความลับ ไม่เปิดเผย จะเปิดเผยก็ต่อเมื่อฟ้องคดี
ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องประมาท ยากที่จะเข้าข่ายเจตนาฆ่า ทางพนักงานสอบสวนเองก็ตรวจสอบการคุยโทรศัพท์ของบุคคลทั้ง 5 บนเรือว่าคุยกับใครบ้างคนที่คุยด้วยก็ถูกเรียกมาสอบทั้งหมด ส่วนเรื่องที่หมอพรทิพย์ ให้สัมภาษณ์ว่าจากการตรวจแผ่นอนามัยของแตงโมที่ติดกับชุด ไม่พบปัสสาวะ ซึ่งน่าจะบ่งชี้ว่าไม่มีการฉี่ท้ายเรือตามที่กล่าวอ้างนั้น ตนมองว่าศพลงไปอยู่ในน้ำถึง 2 วัน แล้วแม่น้ำเจ้าพระยาก็มีวัตถุต่าง ๆ เยอะมาก สภาพศพหรือของที่ตกลงไปก็เปลี่ยนแปลงอาจจะบ่งชี้ไม่ได้
ซึ่งตนก็มองว่าจะมีการปัสสาวะหรือไม่ ก็ไม่น่าจะกระทบต่อคดี แต่เท่าที่ทราบจากการตรวจสอบโทรศัพท์ของบุคคลในเรือมีการพูดตรงกันว่าแตงโมปัสสาวะท้ายเรือ โดยเมื่อมีหลักฐานแบบนี้ก็น่าเชื่อ และเป็นหลักฐานที่นำไปใช้ได้ในชั้นศาล กรณีการเปลี่ยนตัวทนายความไม่เกี่ยวกับคดี เพราะเป็นการตัดสินใจของตัวความ หากมองว่าอีกคนเก่งกว่าก็สามารถเปลี่ยนได้ สังเกตว่าคดีนี้เป็นเรื่องของความรู้สึกและความคิด โดยคดีนี้ความจริงพยานมีแค่ 5 คนบนเรือเท่านั้น นอกนั้นนอนหลับและอาจจะวิจารณ์ตามความรู้สึก
โดยนอกจากผู้ต้องหา 2 คนจะมีการออกหมายจับเพิ่มอีกหรือไม่ ตนไม่ทราบ ส่วนกรณีทนายที่ออกมามีส่วนเกี่ยวข้องจำนวนมาก มองว่าทนายควรให้ความเห็นใน ทางวิชาการ ไม่ใช้ความรู้สึก แล้วยิ่งการออกตัวโดยลูกความไม่ได้ร้องขอก็ถือว่าผิดมรรยาททนายความ แต่หากตอบข้อเท็จจริงในแง่วิชาการ และการช่วยเหลือสังคมสามารถทำได้
ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว