- 13 เม.ย. 2565
เปิดบทสนทนา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เล่นละครเนียนจัดจนหลอกสูบเงิน ต้นอ้อ ภัทธีมา โกมลบวรกุล พิธีกรชื่อดังได้เป็นล้าน
สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้ ต้นอ้อ ภัทธีมา โกมลบวรกุล พิธีกรชื่อดัง ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ที่เธอโดนแก๊งมิจฉาชีพ อ้างตัวเป็นตำรวจ สภ.เมืองระนอง เสียเงินไป 1,000,000 บาท ซึ่งเป็นเงินเก็บจากการทำงานที่ได้มาด้วยความยากลำบาก จึงอยากเล่าสิ่งนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์
- พิธีกรชื่อดัง ตกเป็นเหยื่อ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เสียรู้มุกใหม่ สูญเงินเป็นล้าน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ในเพจของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้โพสตืคลิปเสียง พร้อมทั้งระบุข้อความว่า "บันทึกเสียงสนทนา ระหว่างพิธีกรสาว กับ มิจฉาชีพแก๊งคอนเซนเตอร์" ซึ่งในเนื้อหาที่พูดคุยกันนั้นเป็นการเจรจาระหว่างพิธีกรสาวกับแก๊งมิจฉาชีพที่ต้องบอกเลยว่า แสดงได้เนียนกริบจริงๆ ซึ่งบทสนทนาของทั้งคู่มีดังนี้
ตำรวจปลอม 1: ตอนนี้มันก็ถอดออกไปแล้วใช่ไหม
ต้นอ้อ : มันถอนไม่ได้ค่ะ มันต้องไปทำที่ตู้ atm เหมือนที่เขาบอกค่ะ กดตรงบันทึกรายการได้ไหมบันทึกรายการไม่ได้ค่ะ บันทึกรายการมันก็แค่บันทึกไว้ให้เฉยๆ นะคะ ว่าเราจะทำรายการ แต่ว่าไม่ใช่ถอนนะคะ
ตำรวจปลอม 1:ตรงนี้เดี๋ยวผมจะให้สารวัตรก็คือเป็นคนบอกกับคุณเองว่าบัตรเครดิตตอนนี้สารวัตรเขาก็เก่งในด้านตรงนี้อยู่ โอเคไหมครับ
ต้นอ้อ : ได้ค่ะ
จากนั้นมิจฉาชีพที่โทรมาหลอกพิธีกรสาวคนดังก็ได้แกล้งทำเป็นเรียบ ตัวละครอีกตัวหนึ่งนั่นก็คือสารวัตร ก่อนที่จะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วชายคนดังกล่าวก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า
ตำรวจปลอม 1: เดี๋ยวตรงนี้เดี๋ยวมาตรวจสอบบัตรเครดิตให้เขาหน่อย ก็คือผู้กำกับก็ทำไม่ค่อยเป็นทางผู้กำกับก็ไม่ค่อยเก่งเรื่องบัตร
พร้อมกันนี้ยังมีเสียงชายอีก 1 คนที่ขานรับบอกว่าครับครับ พร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวจะตรวจสอบให้ ก่อนที่มิจฉาชีพที่รับบทเป็นสารวัตรจะบอกกับทางผู้กำกับว่ามีอีก 1 คดี อยากให้ผู้กำกับไปเซ็น แล้วดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเล่นละครตบตาได้ดีมาก
จากนั้นมิจฉาชีพที่รับบทเป็นสารวัตรถึงได้แนะนำตัวเองว่าชื่อ พันตำรวจตรีณรงค์ โสรจ เป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวนที่สภ.เมืองระนอง พร้อมกับบอกกับ ต้นอ้อ ว่าตอนนี้ทางผู้บังคับบัญชาของตนได้แจ้งว่าให้ทำการช่วยเหลือพิธีกรสาวในการตรวจสอบ กลับทางปปง.
ก่อนที่ทางพิธีกรสาวจะรีบอธิบายข้อเท็จจริงว่าปกติบัตรนี้ไม่สามารถกดเงินสดได้อยู่แล้ว เพราะมันเป็น บัตรเครดิตที่เอาไว้ใช้ ซึ่งมันเป็นบัตรที่ไม่สามารถกดเงินสดได้ จากนั้นบทสนทนาของทั้งคู่ก็เกิดขึ้นอีกครั้งว่า
ตำรวจปลอม 2 : ผู้กำกับเขาบอกว่าเรามีบัตรเครดิตไหม
ต้นอ้อ : มีบัตรเครดิต เขาก็เลยจะให้ถอนเงินจากบัตรเครดิตออกมา ซึ่งปกติบัตรเครดิตอันนี้ไว้ใช้สำหรับรูดบัตรหรือซื้อของไม่ใช่บัตรเครดิตเงินสด
ตำรวจปลอม 2 : เข้าใจครับผมเข้าใจว่าบัตรนี้ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่มันมีสามารถเป็นการรูดของหรือรูดอะไรได้ถูกไหม
ต้นอ้อ : ใช่ค่ะมันเป็นการ ซื้อของรูดของได้แค่นั้น
ตำรวจปลอม 2 : อืม ครับๆ แล้วในส่วนนี้ได้แจ้งกับผู้บังคับบัญชาผมไปหรือยัง
ต้นอ้อ : บอกไปแล้วค่ะแล้วเขาก็ให้ลองทำอะไรอย่างงี้ซึ่งมันทำไม่ได้นะคะ อันนี้คุณตำรวจชื่ออะไรนะคะ
ก่อนที่มิจฉาชีพจะยืนยันชื่อของตัวเองอีกครั้ง จากนั้นพิธีกรสาวจึงขอดูบัตรคุณตำรวจ แต่ทางมิจฉาชีพได้ตอบกลับมาว่าบัตรข้าราชการของทางผู้กำกับ เขาได้ส่งให้เธอดูแล้ว พร้อมก็บอกว่าเขาไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะส่งให้กับตัวเธอดูอีกครั้ง พร้อมก็บอกอีกว่าคุณเข้าใจในการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ผิดหรือเปล่า
ตำรวจปลอม 2 : ตอนนี้สถานะของคุณคือผู้ต้องสงสัยนะ
ต้นอ้อ : อืม เข้าใจค่ะ แต่ว่าตอนนี้หนูแค่กลัวมากเลย เพราะว่ามันไม่รู้ว่า.. คนที่เขาเอาชื่อหนูหรืออะไรพวกนี้ค่ะ เอาไปทำอะไรที่มันไม่ดีบ้างน่ะค่ะ
ตำรวจปลอม 2 : ผมเข้าใจว่าคุณทั้งกังวลในเรื่องคดีความ แล้วก็กังวลในหลายๆ เรื่องว่าข้อมูลส่วนตัวเราเนี่ยมันรั่วไหลได้ยังไงที่เอาข้อมูลไปใช้เพราะว่ามันมีกรณีนี้มีเคสที่โดนแอบอ้างนำชื่อนะครับ ซึ่งผมตรวจสอบเมื่อวานชื่อเดชา แต่ว่าผมขอไม่แจ้งนามสกุลแล้วกันนะครับเขาก็เป็นผู้บริสุทธิ์และได้รับค่าสินไหมตอบแทนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและอีกอย่างนึงค่าสินไหมผู้บังคับบัญชาผมได้แจ้งคุณไว้หรือยัง ว่าถ้าคุณเป็นผู้บริสุทธิ์คุณจะได้รับค่าสินไหมตอบแทน
ทางพิธีกรสาวจึงบอกว่าได้แจ้งไว้ จากนั้น มิจฉาชีพก็บอกว่าก็ตามนั้นแหละ และเดี๋ยวจะเร่งดำเนินการส่งตรวจสอบกับทางปปง.ให้ เพราะว่าผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายในส่วนของตำรวจปลอมคนนี้ เป็นคนยื่นเรื่องให้กับทางปปง.
ตำรวจปลอม 2 : แล้วคุณมีทรัพย์สินอะไรที่แปรสภาพเป็นเงินได้ง่ายไหม ซึ่งที่ได้มาจาก เพราะว่าตามพระราชบัญญัตินะครับปีพุทธศักราช (ก่อนจะมีเสียงอะไรเกิดขึ้น) ขออภัยครับ 2542 บุคคลใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินตามมาตรา 5 วรรคที่ 2 สามารถนำเงินที่ได้จากการฟอก ไปปิดบังซ่อนเลยหรืออำพรางไว้ไม่ว่าจะเป็นทองเพชรพลอยหรืออะไรต่างๆ ซึ่งคุณมีไหม
ต้นอ้อ : ไม่มีค่ะ
ตำรวจปลอม 2 : ถ้าเป็นเช่นนั้นเนี่ยผมขอทราบเบอร์โทรในการติดต่อคุณหน่อยครับ เดี๋ยวไม่น่าจะเกิน 13:20 น น่าจะทำการตรวจสอบเสร็จ เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปให้คุณถือสายรออย่าเพิ่งไปไหน ก่อนวางสายให้คุณเปิดกล้องยืนยันตัวตนด้วยครับ
ทางพิธีกรสาวจึงตอบรับพร้อมกับให้เบอร์โทรศัพท์กับไป จากนั้นความมิจฉาชีพได้ถามล้วงลึกถึงครอบครัวว่าพ่อแม่ทำอาชีพอะไรเงินที่ได้มามีในบัญชีได้มาจากไหน ซึ่งเธอก็ได้ตอบว่าได้มาจากการทำงาน
มิจฉาชีพถึงได้ถามกลับไปว่ามั่นใจนะว่าไม่มีส่วนพัวพันจริงๆซึ่งพิธีกรสาวก็ได้ยืนยัน 100% ว่าเธอไม่มีส่วนและไม่รู้จักด้วย
แก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงได้พูดอีกว่า "หน้าสวยๆ อย่างเราเนี่ยถ้าเข้าไปในกรุ๊ปจะได้เป็นดาวกรุ๊ปเลยนะเราอยากเป็นดาวกรุ๊ปไหม"
ทางพิธีกรสาวถึงได้ตอบว่า "หนูไม่มีไม่รู้จักคนที่นี่ทางผู้กำกับส่งรูปมา เราก็ไม่เคยเห็นหน้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วย" จากนั้นมิจฉาชีพก็ได้พูดขึ้นมาว่าเราทำไมเปิดบัญชีธนาคารอะไรเยอะแยะไปหมดเลยมีกี่บัญชี
พิธีกรสาวจึงตอบว่าพอดีว่า "เวลาทำงานที่นี่เขาก็จะให้เราเปิดบัญชีบัญชีหนึ่ง แล้วทำงานอีกที่ก็จะให้เปิดอีกบัญชี เพราะว่าเขาจะสะดวกโอนเข้าแต่ละบัญชีธนาคารไม่เหมือนกัน เธอจึงได้เปิดไว้หลายบัญชีเพราะว่าแต่ละที่เขาเหมือนในบริษัทของเขา ที่เขาจะสะดวกโอนเงินเงินเดือนให้บัญชีเราต่างกัน เธอจึงมีบัญชีธนาคารหลายบัญชี"
ตำรวจปลอม 2 : ทำไมผมเคยคุ้นหน้าคุ้นตาคุณจังเลย คุณทำงานอะไร
พิธีกรสาวถึงบอกว่าเธอเป็นพิธีกรรายการทีวี มิจฉาชีพถึงได้ถามกลับมาว่าละครรายการอะไร เธอจึงได้ตอบเลยว่าเธอเป็นพิธีกรรายการคนสู้โรค มิจฉาชีพก็ได้ถามกลับมาอีกว่ารายการที่เธอทำอยู่ออนแอร์วันที่เท่าไหร่วันอะไรเธอก็ได้บอกเวลาออนแอร์ให้มิจฉาชีพได้ทราบ
ก่อนที่มิจฉาชีพจะพูดอีกว่าแล้วถ้ามันมีส่วนเกี่ยวกับคดีความยังไงก็ต้องได้ออกจากงานแน่นอนใช่มั้ย พิธีกรสาวจึงตอบว่า ถ้าทำผิดมันน่าจะมีผลกับการทำงาน แต่ว่าเธอไม่ได้ทำผิด แล้วก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย มิจฉาชีพ จึงได้ถามถามว่ายืนยันว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์ใช่ไหม อยากให้เจ้าหน้าที่หาหลักฐานยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกต้องไหม
ต้นอ้อ : ใช่ค่ะ หนูเป็นผู้บริสุทธิ์ค่ะ
ตำรวจปลอม 2 : ครับ ขออนุญาตจบการสนทนาผ่านไฟล์เสียงนี้ผมจะลงข้อมูลว่าผู้ต้องสงสัยให้การร่วมมือในการตรวจสอบเป็นอย่างดีในการฟ้องร้องค่าสินไหมค่าเสียหายทั้งหมดผมจะเรียกให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ เพราะว่าคดีนี้มันเป็นคดีอาญา มันไม่สามารถยอมความได้
ก่อนที่เขาจะขอวางสายแล้วหายไป ซึ่งก่อนจะวางสายทางพิธีกรสาวได้สอบถามเรื่องชื่อของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งซึ่งวิชาชีพก็ แสดงเรียนเป็นอย่างดีเพราะเขาพูดชื่อ 3 ครั้งไม่มีผิดเลยสักครั้งเดียว
คลิปจาก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว