นักร้องดัง กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ไร้งาน 3 ปี ต้องแคะกระปุกเหรียญมาใช้

นักร้องดัง กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ไร้งาน 3 ปี ต้องแคะกระปุกเหรียญมาใช้  โดนผลกระทบหนักมากระทั่งเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว กับสถานการณ์โควิด 19 ที่ยังคงระบาดอย่างหนัก ถึงแม้ว่าอาการโควิดของผู้ที่ติดเชื้อจะไม่รุนแรงเท่าช่วงแรกๆ ที่มีการระบาด แต่ขึ้นชื่อว่าโควิดก็ทำให้หลายคนวิตกกังวลไม่น้อย เพราะปัจจุบันเชื้อโควิดมีการกลายพันธุ์อย่างฉลาดจนน่าตกใจ

นั่นทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจและความรื่นเริงในเมืองไทยหดหายไปด้วย ส่งผลให้ผู้คนยต้องงานหดหายเช่นเดียวกันกับ เอิ้นขวัญ วรัญญา นักร้องเพลงลูกทุ่งชื่อดังที่ต้องผันตัวมาทำทุกอาชีพเพื่อเลี้ยงปากท้อง ล่าสุด เอิ้นขวัญ มาขายส้มตำ ที่งานแบรนด์เนมมือสอง ช้อปของดารา ศูนย์การค้า เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ชั้น 1 

โดย เอิ้นขวัญ วรัญญา ได้เล่าผลกระทบจากโควิดที่เธอได้ประสบพบเจอกับตัวว่า งานเงียบไปเลย อีกทั้งยังทำอะไรกับมันไม่ได้ ทั้งงานจ้าง อีเวนต์อะไรต่างๆ ก็หยุดชะงักไปเลย เกือบ 3 ปี เหมือนช่วงแรกกลับมาได้ไม่กี่เดือน แล้วก็กลับไปนิ่งอีก 

เธอเล่าต่อไปว่า ก่อนหน้านี้กลับบ้านไปทำสวน ทำนา ในช่วงปีแรก เพราะคุณพ่อปลูกต้นยาง ก็ไปช่วยขุดดิน กรอกดิน ช่วงนั้นว่าง ไม่ได้ทำอะไร ช่วยแม่ปลูกผัก ช่วงทำนา ก็ช่วยเขาทำ ช่วงนี้ช่วงปรับทุกข์ นั่งคุยกัน ช่วงนี้ก็ปลง แม่บอกกลับมาตั้งตัวที่บ้าน ค่าใช้จ่ายมันน้อยกว่า ถามว่าแย่ก็แย่ แต่ก็มองว่า มันก็ดีในแบบหนึ่ง ได้กลับไปหาพ่อแม่ 

"มันก็ตกใจ เหมือนเป็นงานที่เราทำ แล้ววันหนึ่งมันหยุดนิ่งไปเลย แต่ก็เข้าใจ ไม่ใช่เราคนเดียวที่เจอ เราก็พยายามหาวิธีไปต่อ ซึ่ง2-3 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างแทบจะเป็นศูนย์ เรายังมีค่าใช้จ่าย ทุกอย่างไม่ได้หยุดตาม ก็ต้องเริ่มหาวิธี เอากล้วยฉาบมาขาย เล็กน้อยที่พอทำได้" นักร้องดังอธิบาย

 

เอิ้นขวัญ วรัญญา ระบุว่า เธอใช้คำว่าดิ้นรนได้เลย เพราะพองานมันขาดไป รายรับไม่มี รายจ่ายคงที่ เราต้องหาวิธี ยอมรับว่าเครียด เพราะว่า จากคนที่เคยมีรายได้ ซัพพอร์ตทุกคนในบ้าน มันก็รู้สึกว่าหายไปเยอะ เราจะต้องทำยังไง 

นอกจากนี้ เธอยังเปิดใจอีกว่า เธอนำเงินเก็บมาใช้จนหมด แต่ที่จริงแล้ว เธอเป็นคนไม่ได้มีเงินเก็บเป็นก้อนเยอะขนาดนั้น เพราะเราต้องช่วยค่าใช้จ่ายในบ้าน มันก็ค่อยๆ จางออกไป จนเกือบหมดเลยก็ไม่ถึงกับเป็นล้าน แต่ก็ประมาณ 1-2 แสนบาท

"ปกติเดือนหนึ่ง ถ้ามีงานเทศกาลก็ได้เดือนละ 7 หมื่น ถึง 1 แสนบาท คร่าวๆ 5-6 งาน ซึ่งเราก็มองว่าอาชีพนักร้องไม่มั่นคงมันดูเราไม่มีแผนสำรอง การเก็บเงินไม่ค่อยเข้มแข็งมาก ก็มานั่งทบทวนว่า เราจะทำอะไรได้บ้าง ลำดับต่อไป ต้องมีแผน

 

 

ณ ตอนนี้ เราทำอะไรไม่ได้ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น หรือจะปรับตัวยังไง แต่เราชอบร้องเพลง ก็มีไลฟ์ร้องเพลง ให้แฟนๆฟังบ่อยๆ เป็นความสุขของเรา ถ้าไม่ร้องจะรู้สึกอึดอัด ก็ตั้งคาเฟ่ใน TIKTOK ชื่อวรัญญาคาเฟ่ ร้องเพลงทุกแนว เพื่อเอ็นเตอร์เทนคนดู เพราะก็มีคนที่เครียดเยอะ เพื่อให้กำลังใจกันและกัน บางวันไลฟ์สด 4-5 ชั่วโมง ก็มีแฟนเพลงให้ของขวัญ" เธอระบุ

 

ทั้งนี้ เอิ้นขวัญ วรัญญา ยังอธิบายให้เห็นภาพว่า ตอนที่ไม่มีงานเป็นยังไง ให้ลองนึกภาพ คนนั่งหลังตรงที่โซฟา แล้วไหลลงเรื่อยๆ มันไม่รู้จะทำยังไงดี ด้วยสถานการณ์เราทำอะไรไม่ได้ แต่มีคนที่ลำบากกว่าเรา อะไรสู้ได้ ก็สู้ไปก่อน

กับประเด็นที่ว่า มีคอมเมนต์ไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ นั้นเธอยอมรับเลยว่า ก็มีบ้าง ในช่วงหนึ่ง แบบเพลงเะอ 100 ล้านนะ แต่บางช่วงเวลาไม่มีจริงๆ ต้องใช้เหรียญ ขุดเหรียญที่มีมาใช้ ล่าสุดมันหมุนไม่ทัน ค่าใช้จ่ายเยอะ 

"รายจ่ายเดือนหนึ่งแน่ๆ เลย เดือนละ 25,000-30,000 บาท มีค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินค่าใช้ ส่วนรายรับก่อนหน้านั้น นิ่งเลย แต่ก็มี TikTok ที่หนูไม่ได้ตั้งใจ แต่มันเกิดเงินขึ้นมา ตอนแรกไม่รู้ว่าได้จากของขวัญ ยังไม่ถึงพันเหรียญ แต่สะสมไปเรื่อยๆ ซึ่งเรายังไม่ได้โฟกัสตอนนั้น" เอิ้นขวัญ วรัญญา อธิบาย

 

"เคยร้องไห้ไหม?..มันก็มี เป็นจุกๆ เราทำอะไรไม่ได้ ไปไหนไม่ได้ อึดอัด เซ็งอย่างที่บอกนั่งโซฟาไหลไปที่พื้น แบบทำไมแย่จังเลย ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น อย่างแรกเรื่องเงิน พอโตขึ้น มันสำคัญมากๆ ใช่แค่ว่า วันนี้จะกินอะไร ต้องแบ่งเงินให้ชัดเจน และประหยัดมากขึ้น ซึ่ง ณ ตอนนี้ ก็มีเข้ามาบ้าง เดือนพ.ค.ก็มีเฟิร์ม 2-3 งาน ก็รู้สึกว่าโอเคขึ้น แต่เราก็มีปรับให้เข้ากับสถานการณ์" นักร้องดังเล่าทิ้งท้าย

ข้อมูลจาก คมชัดลึก ออนไลน์