หนึ่งในแก๊งสปีดโบ๊ท ยอมรับแล้ว ใช้ยาเสียสาวจริง อ้างว่ากินเพื่อแก้เครียด

หนึ่งในแก๊งสปีดโบ๊ท ยอมรับแล้ว ใช้ยาเสียสาวจริง อ้างว่ากินเพื่อแก้เครียด เริ่มกลับมาเข้มข้นอีกครั้งสำหรับ คดีแตงโม นิดา ที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แถลงเปิดหลักฐานต่างๆ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ แตงโม นิดา ดาราสาวที่พลัดตกเรือสปีดโบ๊ท ซึ่งนายอัจฉริยะ ได้เปิดคลิปที่เจ้าหน้าที่นิติเวชได้นำร่างแตงโมออกมาทดลอง ซึ่งเรื่องนี้ ทางนิติเวช ได้ออกมายอมรับแล้วว่าเป็น คลิปจริง

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า  พันตำรวจโทกีรป กฤตธีรานนท์ เลขาฯผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยผลการตรวจเลือดพยานบุคคลในเรือ คดีดาราสาวแตงโม นิดา ว่าพบสารกลุ่มเบนโซไดอาซิปินส์ ชนิด Alprazolam หรือยาเสียสาว จำนวน 1 ราย 

 

โดยพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี ได้ส่งตัวอย่างเลือดจากพยานบุคคลที่อยู่ในเรือลำเกิดเหตุ จำนวน 3 รายไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อตรวจหรือทดสอบหาปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด และตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ตัวอย่างเลือดโดยวิธี Gas Chromatography ตรวจไม่พบแอลกอฮอล์แต่อย่างใด แต่ผลการตรวจหาสารเสพติดของพยานบุคคลจำนวน 1 ราย ตรวจพบสารกลุ่มเบนโซไดอาซิปินส์ ชนิด Alprazolam

ล่าสุด หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ได้เปิดเผยในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ระบุว่า เชื่อว่าพบสารดังกล่าวในร่างของ นายปอ ตนุภัทร  เลิศทวีวิทย์ หนึ่งในแก๊งสปีดโบ๊ท เนื่องจากเคยติดต่อสอบถาม นายปอ ยอมรับว่าเป็นตนเองที่ตรวจพบยาเสียสาว ซึ่งยาที่ใช้เป็นยา Alprazolam 0.5 มิลลิกรัม ได้มาจากคลินิกแห่งหนึ่ง อ้างว่ากินยาเพื่อแก้เครียด

ทั้งนี้ข้อมูลจากกองควบคุมวัตถุเสพติด "ยาอัลปราโซแลม" (alprazolam) เป็นยากลุ่ม benzodiazepine ที่ออกฤทธิ์สั้นหรือนานปานกลาง เช่นเดียวกับ lorazepam มีชื่อทางการค้า เช่น zolam , xanax เป็นต้น ใช้สำหรับรักษาอาการวิตกกังวล สงบระงับ และช่วยให้นอนหลับ มีการดูดซึมยา ( t max) ภายใน 1-2 ชั่วโมง จับกับโปรตีนในพลาสมาได้ 67-72 % และมีค่าครึ่งชีวิต 11.1 – 19 ชั่วโมง

ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาอื่นๆ ที่พบ เช่น คลายกล้ามเนื้อลาย (muscle relaxants) ต้านอาการชัก (antiepileptics) ทำให้สูญเสียความทรงจำชั่วขณะ (anterograde amnesia) ความสามารถในการเรียนรู้ และความจำลดลง สมรรถภาพในการทำงานที่ต้องใช้ความชำนาญ หรือการตัดสินใจฉับพลันเสื่อมลง เนื่องจากยานี้มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางจึงมีผู้ที่นำยานี้มาใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด เช่นที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ว่า ยาเสียตัว หรือ ยาเสียสาว