ทนายรณณรงค์ อุ้มสุนัข เเจ้งความ ส.ส.เต้ ชี้กันสุนัขคนอื่นกัด อย่ามาเข้าใกล้

   30 พ.ค.65 ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความและประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพื่อเข้าแจ้งความกรณีถูกนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ  ส.ส.เต้ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ไลฟ์สดในเฟซบุ๊ึข่มขู่ กรณีที่ตนให้ความรู้คดีคุณแตงโม นิดา
 

   ทนายรณรงค์ ให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้มาลงบันทึกประจำวันและแจ้งความด้วย ที่ สส.เต้ พูดชื่อของตนเองในไลฟ์สด ซึ่งประชาชนทั่วไปดูก็รู้ว่าหมายถึงตน โดย สส.เต้พูดว่าตนไปวิจารณ์คุณแตงโม นิดา และให้ระวังตัวเอาไว้ โดยจะใช้วิธีการทางการเมืองในการจัดการกับตน จึงทำให้เกิดความกลัว โดยเฉพาะเมื่อได้ฟังคลิปที่ สส.เต้โทรไปขู่ทนายเดชา เรื่องที่จะไปดำเนินคดีกับทนายเดชาที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ยิ่งทำให้เกิดความกลัวเข้าไปอีก เพราะตนมีคดีความที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เยอะ  ตนจึงได้มาแจ้งความข้อหาเดียวกับทนายเดชา ในความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพ มาตรา 309 และข้อหาทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว

ทนายรณรงค์ยังบอกอีกว่า คนที่เป็น สส.ไม่ควรพูดกับประชาชนแบบนี้ เพราะเป็นการสร้างความหวาดกลัว ซึ่งถ้าคนที่เป็นทนายอย่างตนเองยังกลัว แล้วประชาชาทั่วไปจะยิ่งไม่กลัวกันเข้าไปใหญ่หรือ ดังนั้นในฐานะนักวิชาชีพทางกฎหมายตนจึงอยากทำให้เกฝห็นว่าการมีความเห็นต่างทางคดีความน่อมทำได้เพราะเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตยย่อมพูดย่อมวิพากษ์วิจารณ์ ได้ เราไม่ได้อยู่ในสังคมเผด็จการที่จะห้ามคนไม่ให้พูด 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการดำเนินการถอดถอน ส.ส.เต้ ออกจากการเป็น ส.ส.หรือไม่ ทนายรณรงค์ก็บอกว่าเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งก็ยอมรับว่ามีฝ่ายการเมืองติดต่อเข้ามาหาตนจากหลายฝ่าย แต่ทาง สส.เต้ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามา ทั้งนี้อาจเป็นเพราะยังไม่มีเบอร์ส่วนตัว หรืออาจจะติดต่อมาที่สำนักงานแล้วแต่ยังไม่มีคนรับสาย

ส่วนทีมทนาย ทั้ง 4 คน ทนายรณรงค์เปิดเผยว่าได้มีการคุยกันหมดแล้วว่าจะเข้าข่ายกฎหมายอะไรบ้าง ซึ่งก็อยู่ที่แต่ละท่านว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่อยากจะให้ระวังสุนัขของตน เพราะสุนัขของตนนั้นชอบกัดจริงๆ อย่ามาเข้าใกล้เยอะ ซึ่งวันนี้ที่นำสุนัขมาด้วยนั้น เอามาเพื่อกันสุนัขของคนอื่นกัด เพราะสุนัขของตนนั้น ไม่เห่าแต่จะกัดอย่างเดียว

  ในส่วนของคนดีคุณแตงโม ทนายรณรงค์ก็บอกว่ายังวิจารณ์อยู่ตามปกติ หากไม่ถูกใจใครก็ต้องขอโทษด้วย ยืนยันว่าตนวิจารณ์ตามหลักข้อเท็จจริงตามข้อกฎหมาย  เพราะไม่อยากให้เกิดความมั่วในกระบวนการยุติธรรม