- 05 มิ.ย. 2565
"บุญถาวร ปัญญาสิทธิ์" ประกาศขอยุติบทบาทไม่ขอพูดถึงคดีแตงโมอีก พร้อมยุติการเล่านิทานเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ทั้งที่เหลืออีก 5 ตอน
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อ นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ ที่ปรึกษาของ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ได้ออกมาโพสต์ ขอยุติบทบาทตัวเอง ไม่ขอพูดถึงคดีแตงโมอีก และยุติการเล่านิทานเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ซึ่งได้ดำเนินเรื่องมาถึงตอนที่ 5 โดย นายบุญถาวร ได้มีการโพสต์ข้อความให้เหตุผลว่า
"ชีวิตผมเกิดมาและเป็นแค่เด็กบ้านนอกและผมเป็นเพียงเด็กเลี้ยงควายและปัจจุบันก็ทำนาและเลี้ยงควายไปวันๆเท่านั้นเอง "นิทานเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" ผมเขียนจากเรื่องที่ผมจินตนาการขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใดๆและเป็นนิทานที่ผมแต่งขึ้นของผมเองคนเดียวไม่มีใครเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ผมไม่ใช่คณะทำงานฝ่ายกฏหมายในคดีที่ต้องการหิวแสงและกระหายเงินทองจากคดีแตงโมหรือได้รับประโยชน์ส่วนตนเองและหลายๆคนไม่สบายใจและบอกว่าไม่เหมาะสมที่เขียนและเล่านิทานที่เขียนต่อไปและประการสำคัญอย่างยิ่ง&ผมไม่ควรจะเล่านิทานต่อ
ณ วันนี้ ผม "บุญถาวร" จึงจะขอยุติการเล่านิทานและให้ความจริงของนิทาน "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" มันยุติที่เขียนไว้อีก 5 ตอนและให้มันตายไปกับผมชีวิตนะครับ คนเล่านิทาน&ทนายบุญไขข่าวคลายปัญหา ผมไม่ต้องการแสงหรือหิวแสงอะไร
ดังนั้นเพื่อความสง่างามผมขอถอนตัวจากคดีแม่แตงโมผมจะไม่ทำหน้าที่ที่ปรึกษาคดีแม่แตงโมอีกต่อไป ขอยุติบทบาทตัวเอง ณ วันและเวลานี้ ผมมันแค่เด็กเลี้ยงควายไม่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญด้านกฏหมายแต่อย่างไร ผมขอให้พี่น้องประชาชนหยุดติดตามผมและผมจะไม่คุยคดีแตงโมอีกนับแต่วันและเวลานี้ รักเคารพและศรัทธากระบวนการยุติธรรม ขออนุญาตเอาเวลาไปเลี้ยงควายและทำนาเลี้ยงปลาดีกว่าครับ
ผมยืนยันจะทำหน้าที่ทางการเมืองต่อไป ปัจจุบันยังทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.พีระวิทย์ เรื่องลืดลภาค) และประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฏหมายพรรคการเมืองและอื่นๆหากถูกปลดจากตำแหน่งต่างๆที่มีก็จะไปทำนาและเลี้ยวควาย(ไม่แคร์) ด้วยความปรารถนาดี "บุญถาวร"
สำหรับ นิทานเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ตอนสุดท้ายที่นายบุญถาวร ได้เล่าไว้มีเนื้อหาดังนี้
ผมมีนิทานเรื่อง "ฆาตกรรมอำพราง" จะเล่าให้พี่น้องประชาชนฟังเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ&เรื่องหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นจริงในชีวิตจริงของคนบางคนอยู่ ณ ประเทศแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ นิทานตอนที่ 5 ผู้เล่านิทานขอเล่าซึ่งเป็นเรื่องแต่งขึ้นเป็นอุทาหรณ์สอนใจผู้หญิงที่มีเพื่อนสนิทเพื่อไม่ให้ตนเองต้องถูกทำร้ายเท่านั้นมิได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด
เมื่อความจริงใจของนักแสดงสาวที่มีต่อเพื่อนสาวคนสนิทถูกทำลายลงด้วยความโลภและนำมาซึ่งความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ทำให้ตนเองตกอยู่ในชะตากรรมอันแสนโหดร้ายด้วยความเสียใจและความแค้นในการกระทำความอาฆาตมาดร้ายของนักแสดงสาวผู้น่าสงสารก็เกิดขึ้นและมีความคิดในขณะนั้นโดยคิดได้เพียงแค่ว่าทำอย่างไรตัวเองจึงจะรอดพ้นจากอันตรายที่เกิดขึ้นและมีหนทางวิธีการให้คนอื่นมาช่วยเหลือตนดังนั้นตลอดเวลาที่อยู่ในห้องก็ส่งเสียงร้องว่า "..กูไม่อยากอยู่กูไม่อยากอยู่,ช่วยด้วย.." อยู่ตลอดเวลาที่ถูกขังไว้ในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง เผอิญในวันเกิดเหตุ ณ ที่โรงแรมแห่งนั้นแม้จะเป็นโรงแรมขนาดเล็กๆแต่ก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวและกลุ่มนักธุรกิจต่างชาติและอดีตข้าราชการคนหนึ่งของประเทศนั้นเข้ามาใช้บริการและเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบางขณะและได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของหญิงสาวคนหนึ่ง
ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นอดีตข้าราชการจึงเดินเข้าไปสอบถามกลุ่มชายฉกรรจ์และเสี่ยคนดังว่ามีเหตุทะเลาะหรือมีเหตุผิดปกติหรือไม่อย่างไร เสี่ยคนดังบอกว่า "..ไม่มีอะไรพอดีภรรยาเจ้านายเมาและเอะอะโวยวายผมกำลังจะพากลับไปบ้านพักเจ้านายครับ.." เสี่ยคนดังโมโหอย่างสุดขีดและควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้จึงเข้าไปทำร้ายนักแสดงสาวอีกครั้งและประกอบกับคำสั่งนายชายสูงวัยบอกให้จัดการให้เรียบร้อยภายในค่ำคืนนี้ จึงสั่งให้ทีมงานจัดการกับนักแสดงสาวด้วยวิธีอันโหดร้ายบีบคอนักแสดงสาวผู้น่าสงสารเพื่อไม่ให้หายใจและต่อยบริเวณท้องหายครั้งจนทำให้นักแสดงสาวถึงกับสลบไปชั่วขณะและหยุดส่งเสียงร้องและการร้องขอความช่วยเหลือหรือเสียงเอะอะเพื่อให้คนมาช่วยก็ยุติลงด้วยความโศกเศร้ายิ่งนัก
อีกฟากฝั่งคนบนเรือเครียดอย่างหนัก ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเพื่อนสาวคนสนิทก็ดังขึ้นพอรับสายเสี่ยคนดังก็พูดว่า "เรื่องนี้ชักไปกันใหญ่แล้ว ไม่ต้องติดต่อไปหาแม่เพื่อนมึ...หรอก มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วมีคนเห็นเหตุการณ์อีกด้วยตอนนี้กูกำลังเอาเพื่อนมึ..หนีออกจากโรงแรมและจะหาวิธีจัดการเพื่อนตัวร้ายของมึ..และจัดการยังไงก็จะแจ้งให้ทราบ.." ค่ำคืนอันแสนโหดร้ายและเวลาเดินไปอย่างรวดเร็วและประกอบความหวาดระแวงในความผิดที่เกิดขึ้น และเกรงว่าตัวเองกับพวกจะมีความผิดร่วมกันด้วยกับเสี่ยคนดังและยิ่งทำให้เพื่อนคนสนิทกับเพื่อนเกิดความหวาดกลัวยิ่งนัก
ในขณะเดียวกันเสี่ยคนดังได้ออกคำสั่งให้ลูกน้องของตนไปขับเอารถยนต์มาจอดที่บริเวณด้านหลังข้างโรงแรมแห่งหนึ่ง และต้องรีบเคลื่อนย้ายตัวนักแสดงสาวไปยังสถานที่อื่นอย่างเร่งด่วนเพราะเกรงว่าจะมีคนรู้จักรู้และเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสี่ยคนดังสั่งให้ลูกน้องพยุงร่างอันไร้สติของหญิงสาวนักแสดงผู้น่าสงสารไปขึ้นรถยนต์และขับออกไปจากโรงแรมแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว และมุ่งหน้าไปยังโกดังแห่งหนึ่งซึ่งมีที่ตั้งติดอยู่กับแม่น้ำที่กลุ่มนักแสดงสาวกับเพื่อนคนสนิทได้พากันไปล่องเรือกันในช่วงหัวค่ำก่อนที่จะพานักแสดงสาวมาที่โรงแรม เมื่อไปถึงโกดังดังกล่าวเสี่ยคนดังได้สั่งให้ลูกน้องใช้ผ้ามัดแขนมัดขาของนักแสดงสาวตรึงไว้กับเสาไม้ภายในโกดังและยังสั่งให้ลูกน้องเอาผ้ามัดปากนักแสดงสาวไว้ด้วยเพราะเกรงว่านักแสดงสาวฟื้นตัวขึ้นมาและมีสติจะส่งเสียงร้องออกมาทำให้ผู้คนได้ยินเสียงร้องอีก
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วโศกนาฏกรรมกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ในความเงียบสงัดและความเกรงกลัวความผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งตัวหรือคิดวางแผนมาก่อนกับเหตุการณ์ที่เกิดอันรวดเร็วเพียงไม่กี่ชั่วโมงทำให้เสี่ยคนดังครุนคิดว่าจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไรเพื่อให้ตนเองแบะพวกไม่ต้องมีความผิดต่อกฏหมายบ้านหากจะต้องลงมือทำการปิดปากเพื่อมิให้นักแสดงสาวมีโอกาสได้พูดและแฉความเลวร้ายของเพื่อนคนสนิทจากความผิดพลาดที่จะไม่ไปถึงตัว "เจ้านายชายสูงวัยคนหน้าเหลี่ยม"
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเสี่ยก็ดังขึ้นปลายทางที่พูดสายก็เป็นเสียงของเจ้านายชาวสูงวัยพูดว่า "เอ็งจัดการอียายตัวเรียบร้อยหรือยัง.." เสี่ยคนดังเกรงว่าเจ้านายจะดุด่าและโมโหให้ตนเองจึงได้พูดโกหกเจ้านายชายสูงวัยไปว่า "..เรียบร้อยครับนายท่านสบายใจได้ทุกอย่างเป็นตามที่ท่านสั่งครับผม.." เจ้านายก็วางสายโทรศัพท์ไปแต่ความกลัดกลุ้มกลับมาตกอยู่กับเสี่ยคนดังว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดีในเวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิดจะวางแผนอย่างไรให้ตนและเพื่อนคนสนิทของนักแสดงสาวและทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องในโศกนาฏกรรมนี้พ้นความผิดและโยนความผิดหรือตราบาปให้กับนักแสดงสาวผู้น่าสงสารเป็นคนผิดและรับเคราะห์ไปเพียงลำพัง..!
นิทานอีสปหรือนิทานชาดกหรือนิทานที่แต่งเรื่องขึ้นจะเป็นความจริงหรือความเท็จก็ไม่มีใครรู้ สมมุติฐานว่าถ้าในตัวละครท่านผู้ฟังนิทานเรื่องนี้คือหรือเป็นเสี่ยคนดังกล่าวแล้วเสี่ยคนดังจะวางแผนฆาตกรรมนักแสดงสาวอย่างไรเพื่อให้ตนและเจ้านายชายสูงวัยพ้นจากความผิดและกลุ่มบุคคลใดมารับหน้าที่เป็นนักแสดงละครหลอกลวงคนทั้งประเทศและทั้งโลก (ท่านผู้ฟังนิทานลองคิดสิว่าผมคนเล่านิทานจะแต่งและเล่าไปในทิศทางใด) ผู้ฟังนิทานใจเย็นๆอยากฟังนิทานและอยากให้ผู้เล่านิทานเล่าจบเร็วๆมันก็ไม่สนุกสิครับ วันนี้พอดีผมคนเล่านิทานมีภารกิจวันนี้และวันหยุดราชการ มีงานเร่งด่วนต้องไปหว่านข้าวคนเล่านิทานมีอาชีพทำนา จึงมิอาจเล่านิทานให้จบได้ในวันนี้ (รอติดตามนิทานตอนต่อไป)
***พี่น้องประชาชนครับ..นิทานเรื่องนี้ถ้าสมมุติฐานเป็นความจริงในชีวิตจริงของหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกจับมัดแขนมัดขาและพันธนาการด้วยผ้าผูกติดไว้กับเสาไม้ในสภาพที่ไร้สติ(สลบ)ไม่มีใครช่วยเหลือเธอได้และอยู่ในระหว่างที่กลุ่มฆาตกรใจโหดเหี้ยมกำลังคิดแผนอันชั่วร้าย&คิดดูโดยหารู้ไม่ว่าตนเองจะต้องเจอกับอะไรและไม่รู้ชะตากรรมชีวิตที่แสนโหดร้ายกำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอนับต่อจากนั้นไป..!มันช่างเป็นเรื่องที่แสนโหดร้ายเหลือเกิน..!
ในความเป็นจริงสังคมโลกปัจจุบันคงยังมีพวกนักการเมืองและนักธุรกิจที่บ้าตัณหากามราคะ นิทานเรื่องนี้จะสอนให้ผู้หญิงและผู้คนอีกมากมาย "อย่าไว้ใจทางอย่าว่งใจคนง่ายๆ" การที่ตนมีเพื่อนสาวคนสนิทก็อย่าไปเชื่อใจเพื่อนจนเกินไปโดยที่ตนเองไม่เคยหวาดระแวงและสงสัยในการกระทำของเพื่อนหญิงสนิทคนดังกล่าวซึ่งเป็นคนโกหกและตอ....กับสังคมเพื่อให้ตนเองพ้นผิด
นิทานเรื่องเล่าขานเรื่องนี้ยังไม่จบผมจะเล่าให้ฟังในตอนต่อไป นิทานไม่ใช่เรื่องจริงหรืออาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้เพราะว่าเป็นการแต่งนิทานจากชีวิตจริงของคนใดคนหนึ่งหรือไม่มีมูลความจริงใดๆแต่แต่งขึ้นเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้กับบุคคลในสังคมให้รู้จักระมัดระวังภัยใกล้ตัวของสังคมปัจจุบัน
ปล.นิทานเรื่อง "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" ยังไม่จบยังมีอีกหลายตอนผมจะเล่าให้ฟังจนจบและยังมีเหตุการณ์และความมันส์และความจริงและความเท็จและความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นการตีแผ่กระบวนการยุติธรรมของประเทศแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลทะเลโพ้น@แต่ยืนยันว่านิทานเรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนหนึ่งส่วนใดเกิดขึ้นที่ประเทศไทยแต่อย่างใดนะครับ
ผมกราบเรียนว่าผมไม่ได้นำเรื่องจริงหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของประเทศไทยซึ่งเป็นผืนแผ่นดินเกิดผมมาเล่าหรือแต่งเติมอันเป็นการใส่ร้ายป้ายสีบุคคลใดในสังคมไทยนะครับ (ย้ำเป็นเพียงแค่นิทานเท่านั้นเอง)
ขอบคุณ FB : บุญถาวร ปัญญาสิทธิ์