- 08 มิ.ย. 2565
"ทนายเกิดผล แก้วเกิด"โพสต์ข้อความ กว่าจะเป็นทนาย ตอน 2 #ฉี่ท้ายเรือ ยาวเป็นฉากๆ อ่านแล้วคิดตามได้ง่ายๆเลย!!
"ทนายเกิดผล แก้วเกิด"ทนายความชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
กว่าจะเป็นทนาย ตอน 2
#ฉี่ท้ายเรือ
เมื่อโดนหลอกมาลงเรือตังเก พร้อมกับเพื่อน อีก 3 คน ที่ต่างคนต่างมาเจอกัน
ด้วยความที่พวกเรายังเป็นเด็ก ไม่รู้จะทำยังไง มาจนป่านนี้ ก็ต้องไปตายเอาดาบหน้ากลางท้องทะเล
มีเพียงอ๊อดคนเดียว เหมือนจะพร้อมมากกว่าคนอื่น ทัศนคติของอ๊อด คือ ลูกผู้ชาย ต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม
ในขณะที่ผม กลับอยากลงเรือ เพราะอยากลืมเรื่องราวบนฝั่ง อยากจะฝังความทรงจำที่โหดร้าย และไปตายเอาดาบหน้ากลางมหาสมุทร
ก่อนลงเรือ ไต๋ก๋ง จะใช้คนเก่า ไปซื้อของใช้ส่วนตัวให้พวกเรา เช่น สบู่ ยาสีฟัน ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ กระดาษทิชชู่ แบบม้วน แต่หยาบมากๆ เพราะเขาซื้อของราคาถูกมาให้
ที่ซื้อให้ ไม่ได้ให้ฟรีนะครับ เขาคิดเงิน
เมื่อเรือเริ่มแล่นไปสู่ท้องทะเล ไต๋ก๋ง ก็เรียกพวกเราไปหา โดยมีคนเก่ารุ่นพี่ 4-5 คน ยืนอยู่ด้วย
พวกเราเป็นเด็ก และผม ตัวเล็กที่สุด
ไต๋ก๋งบอกว่า พวกเราต้องทำงานฟรี 2 เดือน เพราะเขาซื้อพวกเรามาจากบริษัทจัดหาเถื่อนคนละ 1,500 บาท
ฟังแล้วก็อยากร้องไห้ หนีเสือปะจระเข้ ชัดๆ
หวังมาหาเงิน จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่สุดท้ายถูกหลอกมาขายแรงงาน
เรา 4 คนมองหน้ากัน อย่างไร้ความหวัง ในสมองเริ่มสับสน คิดอะไรไม่ออก
ในวันแรกในการเดินทางกลางทะเล ผมไม่รู้จุดหมาย ไม่รู้เหนือหรือไต้ ไม่รู้อนาคตอะไรเลย
ที่โหดร้ายกว่านั้น คือ ในทะเล มีคลื่นแรงมาก ซัดเรือโคลงไปมา
ทั้งผม ทั้งอ๊อด และเพื่อนๆที่มาด้วยกัน ต่างกลิ้งไปมา
ผมเมาเรือ อ๊วกแตก อ๊วกแล้ว อ๊วกอีก เป็นอย่างนี้ 3 วัน 3 คืน
อ๊วกจนขมปากขมคอ กินข้าวก็ไม่ได้ ยิ่งกว่าคนแพ้ท้อง จนมันหยุดอ๊วกไปเอง เพราะไม่มีอะไรจะออกมาแล้ว
ในช่วง 3 วันแรก เขาไม่เรียกใช้งานเลย
โชคดี คนเก่าคนหนึ่ง เขามีเมตตา เขาเป็นคนร้อยเอ็ด จะคอยแวะมาดูอาการพวกเรา และเอาข้าว เอาน้ำมาให้
จนย่างเข้าวันที่ 4 ผมก็หยุดเมาเรือเป็นปลิดทิ้ง พร้อมๆกับคนอื่นๆ
การใช้ชีวิตในเรือตังเก เป็นอะไรที่ลำบากมาก ตอนทำงาร ลากอวน คัดปลา บริเวณหัวเรือ กลางทะเล เป็นเวลากลางวันนานๆ แดดก็ร้อนมากๆ แทบจะเป็นลมแดดกันเลยทีเดียว โชคดีที่ ตัวคนเปียกน้ำตลอดเวลา จากคลื่นทะเลบ้าง จากเขาสูบน้ำมาล้างปลา เรียกว่าเปียกยันไข่ ไม่เว้นแต่ละวัน
แต่ทะเล ก็ไม่ได้โหดร้ายตลอดเวลานะ เพราะบางครั้ง คลื่นลมสงบมาก สงบจนท้องทะเลนิ่งเหมือนน้ำในโอ่งเลยก็ว่าได้
ขีวิตชาวเล จะวนๆเวียนๆ กับกิน ทำงาน อายน้ำ นอน ขี้และเยี่ยว
แต่ขี้และเยี่ยว นี้แหละ ต้องใช้ทักษะขั้นเทพ
เพราะเวลาที่เราจะปล่อยหนักปล่อยเบา พวกเราจะไปปล่อยท้ายเรือ ลงทะเล
ถ้าฉี่ธรรมดา ก็ยื่นแอ่น แข่งกันยิง ว่าใครจะฉี่ไกลกว่ากัน เป็นเรื่องธรรมดาๆ ไป
ตอนถ่ายหนัก หรือปวดขี้ นี้แหละต้องใช้สกิลขั้นสูง
เพราะเวลาถ่าย จะต้องนั่งยองๆท้ายเรือ
มือหนึ่งต้องจับเชือกให้มั่น เพราะมันไม่มีที่ยึด ไม่มีเพื่อนมานอนงายให้จับขา
อีกมือหนึ่งต้องถอด หรือดึงกางเกง จับกางเกงไว้ ให้แน่น เพราะการขี้ท้ายเรือ เป็นศิลปะขั้นสูง
เนื่องจาก เรือไม่ได้จอดนิ่งๆ แต่เรือวิ่งโต้คลื่นตลอดเวลา
คลื่นทะเล ไม่ใช่เจ้าพระยา แรงแค่ไหนไม่อยากบรรยาย
ตอนแรก กำลังจะถ่ายออก แต่พอเรือกระแทกคลื่น ขี้ก็ตกใจ หดกลับไปในท้อง
ต้องใข้ทั้งทักษะิและเทคนิคมาก
แรกๆก็เลอะเทอะเปรอะเปื้อน เต็มขา เต็มกางเกง
พอเริ่มเก่ง ตีลังกาขี้ยังได้สบายๆ
ต่อมาไม่นาน พวกเรารู้สึกว่า อยากจะหนีออกจากเรือ
เนื่องจาก พออยู่ๆไป คนในเรือคนเก่าๆ เริ่มบังคับ รังแก กดขี่จ่มเหงพวกเรา
ทำอะไรไม่ถูกใจ ก็ถูกตี ถูกต่อย ผมก็ถูกต่อยจนปากแตก ฟันโยก
เคยมีคนงานคนหนึ่ง ถูกแทง ก็ไม่มีใครห้าม และไม่มีใครกล้าข่วย ปล่อยให้นอนจมกองเลือดอย่างอนาถา
ตายเขาก็โยนลงทะเล เหมือนหมู เหมือนหมา
เพราะกลางทะเล ไม่มีกฎหมาย
ผมมองดูทะเลที่เวิ้งว้าง อยากจะโดดลงเรือ แต่มองไปทางไหน ก็มีแต่น้ำ กับท้องฟ้า
ทุกๆคืน ผมแอบนอนร้องไห้ คิดถึงแม่
ผมบอกตัวเองว่า อย่ายอมแพ้ เราต้องกลับไปกอดแม่ให้ได้ ผมจะไม่ถอดใจ หรือตายกลางทะเลเด็ดขาด
พวกเรา 4 คน เริ่มคุยกัน และวางแผนจะหลบหนีจากเรือ เมื่อเวลามาถึง ...