- 09 ส.ค. 2565
แดนนี่ ชี้แจงหลังแม่ "มิ้วกี้ ไปรยา" ไลฟ์สดแฉทั้งน้ำตา เผยสาเหตุปีนเข้าบ้าน พร้อมลั่นขอเซฟครอบครัว จะไม่เอาคลิปทะเลาะมาเปิดเผย
จากกรณีที่ คุณแม่ของ มิ้วกี้ ไปรยา ได้ออกมาไลฟ์สดทั้งน้ำตาโดยระบุว่า อดีตลูกเขย แดนนี่ ดานิเอล เบล็สซิ่ง ปีนรั่วเข้ามาในบ้าน ก่อนที่จะมีปากเสียงใช้คำพูดต่อว่าไม่สุภาพ พร้อมถ่ายคลิปคุณแม่ตอนเสียงดังไว้ จนกลายเป็นเรื่องดราม่าขึ้นมาอีกครั้ง
ล่าสุดทางด้าน แดนนี่ ได้เคลื่อนไหวออกมาไลฟ์ชี้แจง โดยมีการติดแฮชแท็ก #saveครอบครัว พร้อมเผยว่า "ปกติเป็นคนไม่ชอบพูดเรื่องส่วนตัว ไม่ชอบพูดเรื่องในครอบครัว เข้าใจว่าเป็นบุคคลสาธารณะ แต่ในบางมุมลูกเราเพิ่ง 5 ขวบครึ่ง ไม่ใช่ว่ามีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจแล้วเขาจะรับไหว นี่คือสิ่งที่ตนไม่ค่อยพูดอะไร
คำว่าครอบครัวของผม คือคนที่อยู่ด้วยกันมาหลายๆ ปี มีลูกด้วยกัน มีความรักที่เกิดด้วยกัน พอเวลาที่สถานะเปลี่ยนไป มันไม่ใช่ว่าต้องฆ่ากัน ห่ำหั่นสู้กัน อย่างน้อยในฐานะพ่อแม่หากวันนึงลูกจะไม่มาเห็นว่าพ่อแม่ฉันห้ำหั่นกันจะเอาให้ตายกันไปข้างนึง
หลังๆคนถามว่าทำไมไม่ค่อยลงสตอรี่กับลูก เพราะช่วง 2 เดือนหลัง ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่าง คือดวงใจ แต่ผมกลับไม่ได้เจอดวงใจของผม เพราะตรงกับช่วงที่ลูกปิดเทอม และหน้าที่ที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกคือผมจะเป็นคนไปส่งลูกที่โรงเรียน หน้าที่ตรงนี้เลยหายไป อย่างน้อยก็ขอเฟสไทม์คุยกับลูก หรือไม่ก็ส่งข้อความเสียงไปหา ก็มีการโต้ตอบกันช่วงแรกๆ
หลังๆทักไปไม่มีใครตอบกลับ โทร.ไปก็ไม่รับ ไปหาที่บ้านก็ไม่อยู่ บางทีมิ้วกี้ไปทำงานต่างจังหวัด ผมจึงโทร.หาแม่ยายซึ่งยังเป็นสถานะในตอนนี้ แต่ก็ไม่รับสาย ผมอัดอัดในใจ จนเหมือนมีแสงสว่าง มีฮีโร่คนหนึ่งมาช่วยเป็นทนายคนกลาง ที่ต้องมีเพราะคงเคยได้ฟังที่อดีตภรรยาบอกว่าต้องการหย่า แต่ผมไม่ยอมหย่า เขาหาทนายเตรียมไว้แล้ว แต่ผมบ่ายเบี่ยง จริงๆที่ผมไม่อยากให้ไปถึงตรงนั้น เพราะถ้าต้องฟ้องกันมันก็ต้องสู้กัน แต่ผมโชคดีมีทนายคนกลางมาช่วยไกล่เกลี่ยเราทั้งคู่ โดยที่ไม่ต้องสู้กัน ในที่สุดทุกอย่างเคลียร์ว่าผมสามารถเจอลูกได้ สามารถพาลูกไปกินข้าวได้บ้าง
เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วได้เจอลูก เพราะมีประชุมผู้ปกครอง หลายจากนั้นก็ไม่ได้เจออีกเลย จนวันพุธ-พฤหัสบดีที่ผ่านมาได้ไปส่งลูกที่โรงเรียน การไปส่งลูกในแค่ 30 นาทีก็มีความสุขที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 1-2 ไปหาลูกที่บ้านแต่ไม่อยู่ จนวันพุธก็โดนห้ามไม่ให้ไปส่งลูกที่โรงเรียน กว่าจะได้ส่งคือวันพฤหัสบดี แต่นี่มันคือหน้าที่เรา
พอเมื่อเช้าวันเกิดเหตุ ผมพยายามติดต่อมาตลอดตั้งแต่เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา มิ้วกี้ไม่อยู่อาจจะไปมีความสุขอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ความสุขของผมคืออยู่กับลูก แต่พอติดต่อไปก็ติดต่อใครไม่ได้เลย จนต้องติดต่อไปถึง มิวกี้ อดีตภรรยาว่าช่วยติดต่อลูกให้หน่อย โทร.ไป ไลน์ไปคุณแม่ก็ไม่ตอบ และเพื่อจะได้รู้ว่าวันนี้จะได้ไปส่งลูกใช่ไหม จนในที่สุดก็ได้คุยกับคุณแม่ในเวลาไม่เกิน 3 นาที และได้พูดคุยกับลูกด้วยว่าผมจะไปส่ง
เมื่อผมไปถึงหน้าบ้าน 7 โมงตรง คนในบ้านน่าจะรู้ว่าตนมาแล้ว แต่ก็เงียบ ก็เลยกดกริ่ง 1 ครั้ง ผ่านไป 2 นาทียังเงียบ โทร.เข้าไปแม่ก็ไม่รับสาย ก็กดกริ่งอีก 1 ครั้ง ลองโทร.อีกครั้งก็เงียบ ผ่านไปจน 07.08 น. เพราะถ้าถึง 07.10 น. ลูกไม่ออกมาคือสายแน่ จึงตะโกนหาลูกว่าถึงเวลาไปโรงเรียนแล้ว และครั้งสุดท้ายที่กดกริ่งและโทร.หาแม่ก็ยังไม่มีใครตอบ จนลูกใส่ชุดนอนเดินออกมา ลูกบอกว่าวันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียน เพราะว่าไม่สบาย ผมก็ตกใจเพราะเมื่อวานตอนเย็นก็ยังคุยกันอยู่ปกติ ถามลูกว่าไม่สบายเป็นอะไร แต่สิ่งที่ลูกตอบกลับมาคือไม่รู้เหมือนกัน
แต่ทีนี้พอเขาบอกว่าไม่รู้ว่าไม่สบายเพราะอะไร แต่สีหน้าเขาก็เริ่มไม่ค่อยดี และด้วยความเป็นพ่อ การที่มันแค่รั้วบ้านกั้นอยู่ และบ้านก็คือบ้านของผมที่ให้ลูกอยู่ตอนนี้ คุณจะข้ามไปหาเขาไหม? เขามายืนเท้าเปล่าใส่ชุดนอนและบอกว่าไม่สบาย คิดง่ายๆ เวลาผมลืมกุญแจบ้านผมก็ปีนประจำ เป็นเรื่องปกติมากที่ผมปีนรั้วเข้าไป แต่ ณ ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป คือมีกุญแจแต่เข้าไม่ได้เพราะกุญแจบ้านทั้งหลังโดนเปลี่ยนออกหมด แต่ประเด็นคือลูกยืนร้องไห้อยู่ คนเป็นพ่อจะไม่อยากไปกอดเขาเหรอ คนเป็นพ่อเป็นแม่น่าจะเข้าใจ ก็เลยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีปัญหากับการปีนรั้วของผม
ประเด็นต่อมามีคนขอให้เปิดคลิปให้ดู แต่คงต้องผิดหวัง เพราะจะไม่เปิดให้สาธารณะดูแน่นอน เพราะไม่ใช่เรื่องที่น่าดู คลิปนี้จะไม่มีใครได้เห็น แต่ถ้าวันนึงอาจจะมีประโยชน์เกิดขึ้นบ้าง แต่ตอนนี้ขอไม่เปิด เพราะอยากจะเซฟครอบครัว จะไม่มีการทำร้ายด้วยกายวาจาก็ตาม แต่ที่แม่ออกมาบอกว่าผมเสียงดัง ทำให้แม่กลัว ทั้งๆที่ผ่านมาเวลาไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด เวลาไปต่างจังหวัด ผมมีหน้าที่ขับรถ แล้วก็จะมีลูกชายและแม่ยายไปด้วย เพราะเป็นห่วงหลาน และมีหลานอีกคนที่ชื่อไปด้วย ก็ไปกันได้ 4 คน อดีตภรรยาไม่อยู่เราก็ไปกัน ก็ยังเคยคุยกันว่าแม้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม แต่เราก็ยังแฮปปี้กันได้นะ
ทำอะไรขอให้คิดถึงลูกเป็นหลัก การที่เอาสิ่งเครียดๆ หรือสิ่งที่เด็กไม่ควรอยู่ในสถานะตรงนั้น อย่าทำเลย เอาเด็กมาเป็นเครื่องมือกับผมก็พอแล้ว แต่อย่าเอามานั่ง ยอมรับว่าเห็นแล้วโกรธ เอาลูกผมมาทำแบบนี้เลยเหรอ
ไม่ต้องกลัวว่าคลิปจะหลุดไปไหน เพราะผมไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายใคร ไม่ว่าครอบครัวจะอยู่ในสถานะไหน ผมยังถือว่าเป็นหัวหน้าครอบครัว ยังเป็นพ่อของลูกจะไม่มีทางทำร้ายใคร หวังว่าต่อไปจะมีจุดลงเอยที่ดีสำหรับทุกคน อยากให้ทุกอย่างแฮปปี้ การเจอลูกเดือนละครั้ง หรือ 2 เดือน 2-3 ครั้ง ใครไม่เจอคงไม่เข้าใจ"
ขอบคุณ แดนเนรมิต by Danny
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainews