- 10 ส.ค. 2565
น้องทิกเกอร์ ยิ่งโตยิ่งอบอุ่น รวบรวมความกล้า บอกความลับ นิโคล เทริโอ กลางรายการ เคลียร์ชัดๆ ใช้เส้นพ่อ - แม่เข้าวงการ
น้องทิกเกอร์ รวบรวมความกล้า บอกความลับ นิโคล เทริโอ กลางรายการ อีกหนึ่งคู่แม่ลูกที่ตอนนี้กลายเป็นขวัญใจชาวเน็ตไปแล้ว สำหรับ นิโคล เทริโอ และ น้องทิกเกอร์ ลูกชายนิโคล เทริโอ ที่ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มหล่อใสวัย 17 ปี ซึ่งคราวนี้คุณแม่ยังสาวอย่าง นิกกี้ - นิโคล เทริโอ ได้พาลูกชายสุดที่รักมามาร่วมเปิดใจทุกประเด็นโดยเฉพาะปมที่ว่า ใช้เส้นสายดันลูกชายเข้าวงการ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ซึ่งเทปนี้มี พีเค ปิยะวัฒน์ และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
โดย น้องทิกเกอร์ ที่ตอนนี้จะลดความเกร็งและเขินอายได้บ้างแล้วได้เปิดใจว่า สาเหตุที่เราอยากเป็นศิลปิน เพราะคุณแม่เป็นศิลปินนั้น ก็มีเกี่ยวข้องบ้าง จริงๆ มันเป็นธรรมชาติ ตนชอบศิลปะอยู่แล้ว พอเห็นว่าตนเขียนเพลงได้หรือมีโอกาสแบบนี้ก็จะพยายามทำให้เต็มที่ที่สุด
ด้าน นิกกี้ นิโคล ได้ระบุเสริมว่า "ดีใจที่เขาได้ทำในสิ่งที่เขารัก และเอ็นจอย เพราะกี้รู้จักลูกดีว่าแบบอะไรที่ไม่ใช่ตัวเขามันจะเห็นชัดเลยว่ามันไม่ใช่แล้วกี้ไม่มีทางที่จะดันแบบ...ไม่ๆ แต่จะซัพพอร์ทหนุนอยู่ข้างหลัง บางทีความปลื้มของเรา เขาก็ต้องเอาเราไปเก็บเพราะเราจะเยอะ กรี๊ดแบบ...คือเราลืมไง ด้วยความที่เราเป็นแม่"
น้องทิกเกอร์ เล่าต่อไปว่า จริงๆ การที่มีพ่อ แม่ ดังทั้งคู่มันไม่ค่อยกดดัน แต่ตนจะกดดันตัวเองมากกว่าว่าแบบวันนี้เสียง การแสดงโอเคไหม ซึ่งตนตั้งแม่ไว้เป็นต้นแบบไหมว่า ต้องเก่งเท่าแม่ให้ได้ แบบวิธีการทำงานต้องให้เท่าแม่ให้ได้
ด้าน นิโคล ระบุว่า เทคนิคการร้องเพลงมันไม่เหมือนกับตอนที่พี่กี้ร้องเพลง เราพยายามนะ แต่มันไม่เหมือนกัน ความเอื้อนมันจะต่างกัน ซึ่งมีวิธีการสอนหรือแนะแนวทางเธอจะไม่ได้มาบอกว่าอย่างนี้ๆ นะ เพราะกี้คิดว่าประสบการณ์แต่ละคนไม่เหมือนกัน สิ่งที่เจอไม่เหมือนกัน ตอนนี้การทำงานของกี้กับทิกเกอร์น่าจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว เอารวมๆ ก็ทีละก้าวๆ ทำอะไรที่เราต้องทำให้ดีที่สุด แล้วผลเป็นยังไงเราก็ต้องภูมิใจในสิ่งที่เราทำ
"แต่มีงานหนึ่งที่คุณแม่ทำลูกหลงทาง คือไปตีบทให้ลูกหลงทาง เราก็มีบทเรียนของเราด้วย ก็คือเตรียมออดิชั่นหนัง บทดีจัง ผู้กำกับอยากเจอว่าทิกเกอร์เหมาะไหม ก็มีบทมาให้หน้าหนึ่ง เราก็ต้องสร้างอดีตเอง คือเราเรียนมาสร้างอดีตให้ตัวละครแน่นๆ เวลาทำอะไรมันก็จะชัดเจนอยู่ในนั้น แต่บทไม่มีอะไรเลย" นิกกี้ อธิบายให้ฟัง
น้องทิกเกอร์จึงได้เสริมว่า "เหมือนผมเล่นเป็นบทดราม่ามากกว่า ใช้สายตาเกินไป" ด้านคุณแม่คนเก่งถึงกับบอกขึ้นมาว่า "เราผิดเอง" ซึ่ง ทิกเกอร์เองก็ได้เสริมทันทีว่า "ผู้กำกับก็บอกว่ามันไม่ต้องขนาดนั้น สบายๆ คุยกับแม่เป็นเพื่อน"
น้องทิกเกอร์เล่าต่ออีกว่า สำหรับหนังเรื่องแรกคือใจฟูสตอรี่ ซึ่งทิกเกอร์ยังเล่นละครเรื่องแรกด้วย เรื่องสายรุ้ง เรื่องใจฟูสตอรี่เราถ่ายไปปีที่แล้ว แล้วสายรุ้งถ่ายประมาณปีนี้
งานนี้ทำพิธีกรถึงกับยิงคำถามตรงทันทีว่า "คนภายนอกมองพ่อ แม่เป็นดารา ใช้เส้นสายดันบ้างไหมที่ผ่านมา"
นิโคล : "ไม่มี ง่ายไหม"
ทิกเกอร์ : "ไม่ง่ายครับ"
ก่อนที่พิธีกรจะถามอีกว่า "การที่เราเข้ามาด้วยตัวเอง เหนื่อย ยาก อะไรที่ยากที่สุด?"
ทิกเกอร์ : "ต้องพิสูจน์ให้ตัวเองและคนรอบข้างดูว่าฉันเข้ามาเอง พ่อ แม่ ไม่ได้ดัน ภูมิใจ ที่วันนี้เราทำได้แล้ว"
ส่วนเรื่องหัวใจของลูกชายนั้น นิโคล บอกว่า ไม่หวง ตอนนี้ลูกไม่มีความรัก คือเขามีเพื่อน คือเวลาก็ไม่มี แล้วตอนนี้ทำงาน เรียน หวงไหมไม่ ห่วงไหมห่วงแต่กี้ดูจากตั้งแต่ทิกเกอร์มีเพื่อนมา เพื่อนเขาน่ารักทุกคน เขาเป็นคนที่โลกสวยงาม เป็นเด็กใสๆ กี้ก็คิดว่าโลกเขาจะเป็นอย่างนั้นไปเรื่อยๆ ซึ่งผู้หญิงที่อยากได้เป็นลูกสะใภ้ก็ได้หมดเลย ขอให้เป็นคนดี แล้วรักลูกเราด้วยความจริงใจ
"ถ้าวันหนึ่งจะมีแฟนต้องเป็นแบบไหน ... ผมไม่รู้ครับ ผมไม่ได้ติดอะไรเลยครับ ก็ที่โสดเพราะโฟกัสเรื่องงานครับ" ทิกเกอร์ระบุ ส่วนเรื่องหัวใจของคุณแม่คนสวยนั้น ทิกเกอร์ บอกว่า อยากให้มีคนมาดูแล ไม่หวง ก็อยากให้คนแบบคนดีมาดูแลคนแม่
นอกจากนี้ ทิกเกอร์ ยังมีความลับอยากบอกคุณแม่กลางรายการอีกด้วย ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า "ขอบคุณที่คุณแม่ซัพพอร์ตความฝันของผม"
ด้าน นิโคล เองก็มีความในใจอยากบอกคุณลูกเช่นกันว่า "ภูมิใจ แล้วก็ยินดีด้วย แล้วก็รักที่สุดเลย มีลูกอยู่คนเดียว แล้วเป็นลูกที่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ลูกที่ทำให้มามี๊ใจฟูได้ขนาดนี้"
ส่วนเรื่องที่ตอนนี้ทั้งคู่ต่างเป็นห่วงกันมากที่สุดก็คือ เรื่องสุขภาพ เรื่องการพักผ่อน แต่ว่ามันเป็นงานอยู่ในวงการ ทำงานตรงนี้มันก็จะเป็นแบบนี้ เวลาอะไรมามันก็จะมาเยอะๆ แล้วมันจะมีช่วงที่เราได้พักได้อะไรก็มีเวลาพักตอนไหนก็พักให้มากๆ แต่รู้ว่ามันแทบจะไม่มีเลย ซึ่งเดี๋ยวนี้ทำงานหนัก แต่เวลาว่างๆ เราก็เลยดูแลกัน
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline