- 02 ม.ค. 2568
จ้าวลู่ซือ (Zhao Lusi) โพสต์เคลื่อนไหวครั้งแรก ระบายอาการป่วย จนเผชิญภาวะสูญเสียการควบคุมเดิน-พูดไม่ได้ สุดช้ำเล่าย้อนอดีตถูกใส่ร้าย
แฟนคลับต่างส่งกำลังใจให้กับนักแสดงสาวจีนชื่อดัง จ้าวลู่ซือ (Zhao Lusi) ที่ได้รับการยืนยันว่าป่วยด้วยภาวะบกพร่องทางการสื่อสาร หรือ อะเฟเซีย (Aphasia) หลังจากมีอาการป่วยเป็นหวัดจากการโหมงานหนัก และไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที รวมทั้งผลกระทบทางด้านจิตใจ ส่งผลให้ร่างกายเกิดความผิดปกติทั้งการพูดและการเดิน จนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เมื่อแฟนๆรู้ข่าวก็ได้มีการส่งกำลังใจให้เธอล้นหลามพร้อมกับโจมตีต้นสังกัดที่ไม่ให้เธอหยุดพักทำงานจนร่างกายทรุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2568 จ้าวลู่ซือ ได้ออกมาเคลื่อนไหวแล้วครั้งแรกหลังจากที่เธอป่วยหนัก ผ่านช่องทาง weibo โพสต์ระบายอาการป่วยที่ค่อนข้างจะยาวพอสมควร พร้อมเปิดหลักฐานใบรับรองแพทย์ โดยแปลเป็นไทยระบุว่า
"การตอบกลับครั้งแรก และครั้งสุดท้ายต่อเหตุการณ์ล่าสุด ขอโทษที่ใช้พื้นที่สาธารณะ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยปล่อยให้ความเจ็บป่วยของฉันส่งผลกระทบต่อการทำงาน หรือคนรอบข้างฉันยังยอมรับปัญหาของตัวเองด้วยเนื่องจากฉันมักจะอดทน"
"ดังนั้นในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉันจึงตระหนักได้ว่าฉันไม่ได้ใจกว้างและให้อภัยจากใจอย่างที่คิด ฉันจึงต้องรับผิดชอบด้วยอาชีพการงานของฉัน ทำให้ฉันได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนมากกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้"
"ฉันรู้สึกขอบคุณและโชคดีจริงๆสิ่งนี้ช่วยให้ฉันเข้าใจ ความเข้าใจผิดทั้งหมดฉันสนับสนุนสิทธิของทุกคนในการเลือกอาชีพที่ต้องการ เพราะคุณมีสิทธิ์ที่จะหลีกหนีจากสถานการณ์ที่นำมาซึ่งความทุกข์ และความ เหนื่อยล้า คุณสามารถหยุดได้ทุกเมื่อคุณจะเป็นอิสระ และคุณสามารถกล้าหาญได้"
"ฉันเข้าใจด้วยว่าทุกคนต้องเผชิญกับความคับข้องใจ และความอยุติธรรม ฉันได้ยินเรื่องราวที่น่ากลัวมากเกินไป เมื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือ และผู้ที่ทำร้าย ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะประกอบอาชีพใด อายุเท่าไหร่ หรือเพศไหน ถือเป็นสิ่งที่ผิด"
"การบังคับให้ใครสักคนเปิดบาดแผลของตนเองอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่า "ไม่ได้คิดมากเกินไป" "ไม่ได้อ่อนแอ" หรือ "ไม่ได้ไม่พอใจ" เป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีใครมีสิทธิ์ตัดสินความรุนแรงของบาดแผลทางจิตใจของใครคนใดคนหนึ่งได้ นอกจากแพทย์เท่านั้น หรือตัดสินว่า อาการนั้นเข้าข่ายอาการป่วยหรือไม่"
"ในปี 2019 ฉันประสบกับภาวะซึมเศร้า ผู้คนต่างบอกกับฉันว่า "อย่าคิดมาก เกินไป" หรือ "ถ้าคุณคิดบวกทุกอย่างจะดีขึ้น" ฉันยังคิดว่าตัวเองเป็นคนดราม่า และอ่อนไหวเกินไปและไม่ได้ใส่ใจสุขภาพจิตของตัวเองอย่างจริงจัง"
"ในปี 2021 ฉันรู้สึกเหมือนมีแมลงไต่อยู่บนตัวฉัน เหมือนกับมีเข็มทิ่มแทงฉัน พร้อมกับอาการแพ้หลังจากไปพบแพทย์รับยา และฉีดยาอาการต่างๆก็ไม่ดีขึ้น ฉันจึงไปพบนักจิตวิทยา เพื่อช่วยบรรเทาความวิตกกังวล"
"ในปี 2023 ฉันประสบกับโรคปอดบวมถุงลมโป่งพองโรคผิวหนังอักเสบโรคลมพิษ เหงื่อออกตอนกลางคืนสูญเสียการได้ยินจากเส้นประสาท และการสูญเสียคนที่รัก และข่าวโรคมะเร็งที่เกิดกับสมาชิกในครอบครัวเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ บดบังอารมณ์ของฉัน และฉันยังคงละเลยสุขภาพของตัวเองต่อไป"
"ในปี 2024 ฉันเริ่มอาเจียนบ่อย เวียนหัว ปวดข้อ ปวดคอ และมีอาการทางกายอื่นๆ ที่ชัดเจนรวมถึงอาการแพ้ที่แย่ลงฉันคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นผลข้างเคียงปกติของยาที่ออกฤทธิ์ต่ออาการแพ้"
"ตอนที่ฉันยังเป็นเด็กผู้คนเรียกฉันว่า "หน้าตาดี" แต่ไร้ประโยชน์ ในระหว่างที่เรียนพิเศษนอกหลักสูตรฉันถูกตีในหอพักของครู ตอนนั้นฉันคิดว่าการถูกลงโทษ เพราะเรียนไม่เก่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ฉันไม่กล้าพูดออกมา เพราะฉันถูกสอนให้ "ค้นหาปัญหาภายในตัวเองอยู่เสมอ"
"เมื่อฉันโตขึ้นฉันถูกตีอีกครั้ง เพราะไม่ได้รับบทบาทในการแสดงฉันคิดว่า เป็นความผิดของฉันเอง ฉันจึงไม่กล้าทำเรื่องใหญ่โต ฉันแค่อยากหนีฉันเคยชินกับการจัดการ ปัญหาด้วยตัวเอง และไม่มีนิสัยชอบหาความช่วยเหลือ ต่อมาเมื่องานของฉันได้รับการยอมรับ ฉันจึงกล้าที่จะบอกลากับคนที่ทำร้ายฉัน ในท้ายที่สุดคนๆนั้นก็เรียกร้อง "ค่ายกเลิกสัญญา" จำนวนมากก่อนที่พวกเขาจะยอมหยุดพฤติกรรมหลอกลวงของพวกเขา ตามมาด้วยการใส่ร้ายฉันนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งภายในและภายนอกวงการความเจ็บปวดก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นความเสียหายไม่เคยหลุดลง"
"ฉันเข้าใจว่า ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะต้องการทุกอย่าง และไม่สามารถเรียกร้องให้เพื่อน ครอบครัว หรือบริษัทสมบูรณ์แบบได้ความจริงที่ว่า พวกเขาไม่ได้ทำร้ายฉัน และพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องฉันนั้นก็มากเกินพอแล้ว"
"ฉันไม่เคยพูดถึงอาการป่วยของฉันมาก่อน เพราะฉันไม่อยากให้มันกลายเป็น สิ่งที่เรียกว่า กระแสฮือฮา แต่อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ฉันจึงอยากแบ่งปันเรื่องนี้ เพื่อให้ผู้คนเข้าใจมากขึ้น ถึงคนที่เข้าใจฉัน : ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปว่า คุณจะถูก "เข้าใจ" จริงๆหรือไม่ สิ่งสำคัญคือการหลุดพ้นจากวัฏจักรที่ไม่มีวันจบสิ้นของการพิสูจน์ตัวเองและค้นหาวิธีช่วยเหลือตัวเอง"
"การเข้าใจสุขภาพจิต และให้ความสำคัญกับการบำบัดทางจิตวิทยาเป็นสิ่งสำคัญอย่างแท้จริง ความเสียใจเป็นอารมณ์ที่ไร้ประโยชน์ให้มองว่านี่เป็น "ช่วงเวลาพิเศษ" ที่จะพลิกกลับความขัดแย้งภายในและสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ ฉันรู้สึกขอบคุณทุกคนที่ห่วงใยเพราะความรักฉันจึงได้มีชีวิตอีกครั้ง ขอให้ทุกคนสุขสันต์ในปีใหม่และมีความสุขทุกวัน"
นอกจากนี้ จ้าวลู่ซือ ได้โพสต์ภาพตนเองพร้อมกับใบวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ ว่าขณะนี้กำลังป่วยเป็น "Conversion disorder" คือ ภาวะที่ปัญหาสุขภาพจิตมาขัดขวางการทำงานของสมอง ส่งผลให้เกิดอาการทางกายที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาการต่างๆ เช่น อาการชัก อ่อนแรงหรืออัมพาต หรือ การรับรู้ทางประสาทสัมผัสลดลง (การมองเห็น การได้ยิน เป็นต้น) ภาวะนี้มักรักษาได้ด้วยการบำบัดหลายประเภท
พร้อมทั้งโพสต์ ค่า BMI < 18.5 ระบุว่า มีภาวะทุพโภชนาการ แนะนำให้ส่งตัวไปที่แผนกโภชนาการ , ให้การบำบัดวิตกกังวล 10 ครั้ง , ให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา 10 ครั้ง , ให้รับประทานอาหารเป็นประจำและควบคุมอารมณ์
ขอบคุณ : ZhaolusiTH