- 30 ส.ค. 2565
ถกสนั่น "ดิว อริสรา" เผยสาเหตุเปิดหน้าลูกชาย เพราะไม่ใช่ดาราฮอลลีวูด เจอชาวเน็ตดราม่าแซะใครหรือเปล่า งานนี้เจ้าตัวชี้แจงรัวๆ
จากกรณีที่ ดิว อริสรา ได้ออกมาเผยผ่านช่องยูทูบ Due Arisara ถึงสาเหตุที่ตั้งใจเปิดหน้าลูกชาย น้องไซลาส โดยระบุว่า "คิดว่าเปิดอยู่แล้ว ไม่ได้ปิด เพราะว่าไม่ใช่ จีจี้ ฮาดิด ที่แบบว่าต้องรักษาความเป็นส่วนตัวขนาดนั้น เข้าใจในเหตุผลของคนที่เขาไม่เปิดนะ ด้วยความที่เขาอาจจะเป็นดาราฮอลลีวูดหรืออะไร หรือใครก็ตามที่ไม่เปิด
แล้วในความเป็นจริงเข้าใจไหม ถ้าเราเลือกที่จะไม่เปิดหลังจากนี้คือ ถ้าสมมติว่าใครเอ็นดูความน่ารักของลูกเรา มีคนมาขอถ่ายรูปเราก็ต้องไม่ให้เหรอ แล้วเราเติบโตมาในสังคมนี้ เติบโตมาในการที่มีคนรัก คือเรามีวันนี้เพราะประชาชนด้วยอะ ดังนั้นเราก็ต้องให้ความสำคัญของเขาประมาณหนึ่ง แต่เราก็เข้าใจว่าโอเค มันก็เป็นเรื่องของความเป็นส่วนตัว แต่เราอยู่ในสังคมไทยอยู่ดี สุดท้ายแล้วถ้าเราเป็นดาราฮอลลีวูด อันนี้เราคงไม่เปิด แต่ประเทศไทยมันน่ารัก คนมันน่ารักอะ แล้วด้วยเหตุผลอะไรที่ต้องขนาดนั้นด้วย"
นอกจากนี้ ดิว อริสรา ยังระบุในเฟซบุ๊กอีกว่า "ปล. Episode นี้คือ "คหสต" นะคะ มุมมองเรา สไตล์เรา เดินทางสายกลาง เพราะคนไทย สังคมไทย ทำให้เรามีวันนี้ เราเชื่อแบบนั้น คอย support เรา ตอนที่ด่าเราหนักๆ เราก็ทำตัวสมควรแหละ เราเลยคิดเสมอว่าจริงๆ ทุกคนน่ารักและเข้าใจเราเสมอ พร้อมให้โอกาส ทุกอย่างก็หล่อหลอม ทำให้เราเป็นคนที่พร้อมในแบบฉบับแม่วันนี้ พูดง่ายๆ สังคมไทย คนไทยน่ารักจ้า ส่วนพวกไม่น่ารักแม่อย่างเราก็พร้อมปกป้องลูกจ้า"
อย่างไรก็ตามก็เกิดดราม่าขึ้นตามจนได้ เมื่อมีชาวเน็ตบางส่วนตำหนิว่า ไม่รู้จักเคารพความเป็นส่วนตัวของลูก คนไทยควรตระหนักถึงเรื่องนี้ได้แล้ว การจะลงรูปใครไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ อย่างไรควรได้รับอนุญาตก่อน และบางส่วนโยงว่าไปแซะใครหรือเปล่า
ขณะที่บางคนก็มองว่า ดิวไม่ได้ตั้งใจแซะใคร เธอแค่บอกว่าตั้งใจเปิดหน้าลูกเพราะแฟนคลับของดิวน่ารัก และดิวก็ไม่ใช่ดาราฮอลลีวูดที่คนทั้งโลกให้ความสนใจ การดูแลความปลอดภัยของดิวจึงง่ายกว่าเยอะ อีกทั้งดิวไม่ได้เอ่ยชื่อใคร
และในเวลาต่อมา ดิว อริสรา ได้ออกมาโพสต์อีกครั้งว่า "ไม่พาดพิงน๊า เพราะจริงๆ ไม่ได้รู้จักกับใครที่ปิดหน้าลูกเป็นการส่วนตัว เป็นคนไม่ชอบยุ่งเรื่องของใคร ไม่ว่าใคร ที่ไม่เคยมี ปห กัน อย่าไปดึงใครมาเพราะไม่ได้สนใจครายจริงๆค่า"
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline