- 02 ก.ย. 2565
"ก้อย รัชวิน" เคลียร์ชัด ค่าสมัครราคา 3,599 บาท แต่บริจาคให้มูลนิธิรามาธิบดี 100 บาท เจอชาวเน็ตวิจารณ์ลามปามถึงลูกน้อยวัยแบเบาะ
จากกรณีที่นักแสดงสาว ก้อย รัชวิน ได้ออกมาโพสต์ประชาสัมพันธ์โครงการวิ่งมาราธอนสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ในชื่องาน "Esther Bunny Women's run presented by ATiRA" โดยเธอได้เป็นพรีเซ็นเตอร์งานนี้โดยตรง แต่งานนี้กลับมีดราม่าเกิดขึ้น เมื่อชาวเน็ตพากันพูดถึงค่าสมัครที่มีราคา 3,599 บาท แต่บริจาคให้มูลนิธิรามาธิบดี เพื่อสมทบทุน "โครงการผู้ป่วยยากไร้มะเร็งเต้านม" 100 บาท จนทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์
ล่าสุด ก้อย รัชวิน ได้มีโอกาสออกมาให้สัมภาษณ์พร้อมชี้แจงรายละเอียดอย่างชัดเจนอีกครั้ง กลางงานเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
นักข่าว : ตกใจไหมกระแสค่าสมัคร 3,000 แต่ค่าบริจาค 100 บาท ?
ก้อย : “ก้อยตกใจอยู่แล้วค่ะ แล้วก็แบบ..เกิดอะไรขึ้น อะไรอย่างนี้”
นักข่าว : เครียดไหมเพราะดราม่ามาที่เราเต็มๆ เลย ?
ก้อย : “ก็เครียดแหละ แต่อย่างที่บอกว่าเรารู้ว่าความจริงคืออะไร เราก็ชี้แจงข้อมูลที่เป็นความจริงออกไป ซึ่งหลายๆ คนก็เข้าใจ นักวิ่งคนที่ติดตาม คนที่สมัครมาแล้ว เขาเข้าใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะรายละเอียดทุกอย่างมีใส่ไว้ในข้อมูลทั้งหมด เพียงแต่ว่าบางท่านอาจจะเข้ามาแล้ว อาจจะไม่ได้อ่านครบ หรืออันนี้ก้อยก็ไม่ทราบจุดประสงค์มันมีการนำไปโพสต์ในอีกแบบหนึ่งเลย ซึ่งทำให้เกิดการเข้าใจผิดไปในหลากหลายประเด็น ถามว่าเราเครียดไหม ก็เครียด แต่ว่าสุดท้ายเราอยากจะชี้แจงในความเป็นจริงที่สุดเท่านั้นเอง”
นักข่าว : ในความคิดของเรา เราคิดว่าเขาตั้งใจบิดเบือนหรือว่าเขาแค่เข้าใจผิด ?
ก้อย : “ก้อยไม่ทราบจริงๆ ค่ะ และก้อยก็คงจะไม่หาเหตุผลด้วย”
นักข่าว : ไม่ได้คิดจะจัดการถึงขั้นฟ้องร้องเอาผิดใช่ไหม ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ก็กระทบชื่อเสียงเราพอสมควรเลย ?
ก้อย : “เอ่อ…สำหรับก้อยนะคะ การฟ้องร้องไม่ได้ทำให้ก้อยมีความสุขไปมากกว่านี้ คือตอนนี้เราเห็นข่าว เราก็รู้สึกไม่สบายใจ ถามว่าทุกข์ไหม ก็ทุกข์ แต่ว่าการฟ้องร้องไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นหรือสบายใจมากขึ้น ในทางกลับกันอาจจะรู้สึกเป็นทุกข์มากขึ้นด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นเราก็ดับทุกข์ที่ตัวเองก่อน แล้วก็เอาเวลาไปโฟกัสกับการจัดงานให้ดีดีกว่า”
นักข่าว : สามีมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ?
ก้อย : “พี่ตูนก็บอกว่าเราได้พูดความจริงออกไปแล้ว และก็อยากให้เราไปโฟกัสสิ่งที่อยู่ข้างหน้า คนที่เขารักเรา สนับสนุนเรา หรืออยากจะมาวิ่งในงานของเรา และเราก็ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด คือเราเองก็รู้ว่าการจัดงานวิ่งครั้งหนึ่งมันไม่ง่าย แต่เราก็อยากให้คนที่มาวิ่งเขามีความสุขที่สุด กลับไปอย่างมีพลังบวก ให้เขารู้สึกว่าเขาอยากกลับมาวิ่งกับเราอีก”
นักข่าว : คำไหนที่เราเห็นแล้วเรารู้สึกว่ามันแรง ?
ก้อย : “ก้อยจำไม่ได้หรอกค่ะมันเยอะ คือเอาจริงๆ นะคะ ก้อยอยากจะข้ามไปเลยอ่ะ ก้อยไม่อยากจะโฟกัส และก็ไม่อยากจะเอาพลังลบตรงนั้นมาทำให้เราไม่มีแรงเดินหน้าต่อ เราอยากจะเดินหน้าต่ออย่างมีความสุข แต่ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นที่มันเกี่ยวข้องกับลูกเราในอนาคต บางทีในฐานะของคนเป็นพ่อเป็นแม่เราก็ต้องปกป้องลูกเราเหมือนกัน”
นักข่าว : มีการพาดพิงไปถึงน้องเยอะไหม ?
ก้อย : “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่ก็เคยเห็นมาบ้างนิดๆ หน่อยๆ”
นักข่าว : เสียน้ำตากับเหตุการณ์ทำนองนี้บ่อยหรือเปล่า เวลาที่มีคนมาโจมตีลูก ?
“เป็นแม่ต้องเข้มแข็งค่ะ เราต้องปกป้องลูกเราค่ะ”
นักข่าว : อยากจะบอกอะไรกับเขาไหม เพราะบางทีเขาอาจทำไปโดยลืมนึกถึง ?
ก้อย : “ไม่พูดดีกว่าค่ะ พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง วันนี้ก้อยได้ชี้แจงในเรื่องข้อมูลของงานวิ่งแล้ว ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งคัญที่สุดที่เพราะก้อยไม่อยากให้คนที่เขาไม่ได้ติดตาม และเปิดอินเตอร์เน็ตมาเจอข่าวต้องรู้สึกอุ๊ย! หรือต้องรู้สึกเข้าใจผิด เนื่องจากอ่านคอมเมนต์แบบไม่รู้ว่าที่มาที่ไปคืออะไร ดังนั้นก้อยก็ขอชี้แจงในส่วนที่เป็นประเด็นให้ตรงจุดแค่นั้นพอ ส่วนเรื่องอื่นก็ช่างมันค่ะ”
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline