โจนัส แอนเดอร์สัน อัปเดตชีวิตล่าสุด พร้อมเคลียร์ชัด หลังโดนเมาท์ตกอับ

ถือว่าเป็นหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวที่รักความเป็นไทย มีหัวใจลูกทุ่งมากความสามารถ สำหรับ “โจนัส แอนเดอร์สัน” เติบโตในเมืองไทย เรียนรู้ภาษาไทย และซาบซึ้งความเป็นไทย โดยเฉพาะหลงรักในเพลงไทย โดยเฉพาะเพลงลูกทุ่ง จนกลายเป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เข้าวงการเพลงลูกทุ่งเมื่อปี พ.ศ. 2543 อัลบั้มแรก "ผมชื่อโจนัส แอนเดอร์สัน" และมีผลงานเพลงลูกทุ่งอีกมากมาย ได้รับชื่อเสียงและรางวัล ในฐานะฝรั่งใจลูกทุ่ง ที่ร้องภาษาไทยได้อย่างชัดเจน จนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป

ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ในรายการ "โต๊ะหนูแหม่ม" ยอมรับว่าคำนี้เป็นการพาดหัวแรง แต่ไม่ปฏิเสธดีกว่า ยอมรับได้ เพราะเราตกต่ำแค่ไหน

- ช่วงโควิดที่ผ่านมาก็ต้องเอาเงินเก็บมาใช้ก่อน เพราะมันไม่มีใครคาดการณ์ได้ ไม่ได้วางแผนอะไรกับตรงนี้ นอกจากงานมันไม่มีทิศทางไหน รายได้ก็หาย ต้องอยู่บ้านคนเดียวก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำซ้ำเติม

- เงินเก็บหลักล้าน ก็มีติดลบบ้าง แต่ตอนนี้เริ่มขยับขยายหาทางใช้คืนได้ ก็มีการหยิบยืมบางส่วน แต่ที่ยืมก็คืนได้หมดแล้ว ลุกขึ้นยืนใหม่ได้ แต่ก็เหนื่อย

- เรื่องนี้เหมือนเป็นการเรียนรู้หลักสูตรใหม่ของเรา จากที่เราเคยสุด คิดว่าค่อนข้างเป็นมวยเกี่ยวกับการร้องเพลงทำเพลง แต่พอเจอวิกฤตเราไปต่อตรงนั้นไม่ได้ ก็ต้องฝึกตัวเองนอกเหนือจากเรื่องที่เราทำมาเป็น 10 ปี

- ที่ผ่านมาก็เครียดมาก มีเสียน้ำตาลูกผู้ชายด้วย รู้สึกว่ามันตันจริง ๆ คือไม่ได้อยู่เฉย ๆ พอรู้ว่ามีวิกฤตก็ขยับทำหลายอย่าง แต่ก็ผิดพลาดไปหลายตัว บางอันเราไปเสียเงินพลาดด้วย ก็ยิ่งซ้ำเติมเข้าไปอีก แต่ก็ต้องหาทางไปต่อให้ได้

- เคยคิดเรื่องกลับไปอยู่สวีเดนเหมือนกัน เพราะจะมีสิทธิเกี่ยวกับสวัสดิการ มีคิดว่าถ้าอีกหน่อยคงเก็บกระเป๋าไป อยู่ไปก็เสียขวัญกำลังใจ แต่พอคิดได้แป๊บเดียวก็คิดว่ามีทางไปอยู่แล้ว จะมีสิ่งที่เข้ามาในชีวิต สร้างกำลังใจให้เราไปเรื่อย ๆ

- คิดว่าถึงสถานการณ์โควิดจะย่ำแย่แค่ไหน แต่เราคงจะไม่อดตายในเมืองไทย เพราะคนไทยพร้อมที่จะต้อนรับและดูแล เราเองไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะต้องมาเป็นศิลปินในเมืองไทย แต่เป็นคนชอบร้องเพลง ชอบภาษา ก็ฝึก 2 อย่าง คือเป็นฝรั่งร้องเพลงไทยยากแล้ว แต่นี่ร้องเพลงลูกทุ่งด้วย

- เส้นทางการเป็นนักร้องลูกทุ่งของโจนัส นับว่าเป็นเรื่องบังเอิญมาก ตอนนั้นเจ้าภาพขอเพลงลูกทุ่งมา เราก็แอบกังวล แต่ต้องเอาใจเจ้าภาพ จนทำออกมาได้สำเร็จ

- 22 ปีในวงการเพลง ให้ทุกสิ่งที่เป็นเราจนถึงทุกวันนี้ ให้โอกาสที่เราจะสามารถภาคภูมิใจ สร้างประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งในชีวิต ก็ภูมิใจตรงที่ว่าคนไทยต้อนรับก็โอเคแล้ว และยังมีสื่อเมืองนอกมาทำข่าวด้วย คือสิ่งที่ภูมิใจ เพราะคิดเสมอว่างานนี้ไม่ใช่งานที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวสร้างรายได้สร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง แต่มันเป็นการเปิดโอกาสและเชิดชูความเป็นไทยอย่างแท้จริง และนำเสนอความเป็นไทยสู่ตลาดสากล

ขอบคุณบทสัมภาษณ์ : โต๊ะหนูแหม่ม

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline