- 26 ต.ค. 2565
"นก จริยา" ออกมาเปิดใจเล่าเหตุการณ์สุดช็อก หลังถูกคุกคามบนเครื่องบิน ก่อนโรคแพนิกกำเริบ โกรธจนหายใจไม่ออก
เรียกได้ว่าเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันมากๆสำหรับคู่รักรุ่นใหญ่อย่าง จอนนี่ แอนโฟเน่ และภรรยา นก จริยา แอนโฟเน่ เพราะตลอดเวลาที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันมานานกว่า 29 ปี แต่ต้องบอกเลยว่าไม่เคยมีข่าวเสียหายหรือความเจ้าชู้ของฝ่ายชายเลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าเป็นคู่ที่ดีเหมาะสมกันมากจริงๆ
ล่าสุด นก จริยา ได้ออกมาเล่าเหตุการณ์ถูกคุกคามบนเครื่องบิน จนโรคแพนิกที่เคยดีขึ้นแล้วกลับมาแย่ลง แต่ในสถานการณ์ไม่ดีก็ยังได้เจอคนดีที่เข้ามาช่วย พร้อมเล่าสาเหตุที่เกิดโรคแพนิกและอาการ ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW ออกอากาศทางช่องวัน31
พิธีกร : มีเรื่องเกิดขึ้นบนเครื่องบิน?
นก : ก่อนที่พี่จะตัดสินใจโพสต์ คือผ่านเหตุการณ์มาแล้ว 2 เดือน พอพี่มาประมวลแล้วเรารู้สึกว่าไม่ได้เป็นคนที่มีอะไรแล้วลงโซเชียลปั๊ปเราเล่าไม่ได้เก่ง พอผ่านมา 2 เดือนพี่มีความรู้สึกว่าที่เราเจอมามันมีมุมดี เราได้เจอคนที่เค้าดีมากๆ น่ารักมากๆ ณ วันนั้นยังไม่รู้สึกว่าขอบคุณเค้ามากพอ อีกอย่างนึงประสบการณ์ไม่ดีในวันนั้นที่เกิดขึ้นกับเรา เรามารู้ว่าผู้หญิงเจอแบบนี้บนเครื่องเยอะนะคะ เรารู้สึกว่ามันควรมีอะไรที่ดูแลกันมากกว่านั้นเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องผู้หญิงผู้ชายก็แล้วแต่หรือเดินทางคลาสไหนก็แล้วแต่ ทุกคนต้องได้รับความปลอดภัย
พิธีกร : เกิดอะไรขึ้น?
นก : มันเป็นช่วงที่โควิดซาใหม่ๆ เราเริ่มเดินทางกันได้ออกนอกประเทศ ลูกสาวอยากไปทำธุระ เราอยากไปพักด้วยที่อังกฤษ เราก็จองตั๋วกันไป คิดว่าปลอดภัยเพราะเราใส่แมส 2 ชั้นตอนเดินทาง วันนั้นไปสายการบินที่ไม่ค่อยคุ้นเคยก็ไม่ค่อยรู้อะไร เก้าอี้ค่อนข้างมีระยะและค่อนข้างส่วนตัว ภาวะการบินที่ไม่ปกติเกิดขึ้นได้ อย่างดีเลย์เราเข้าใจ แต่มีผู้โดยสารที่ต้องนั่งติด 3 ท่าน มีพี่ ลูกสาว และผู้โดยสารอีกท่านเป็นชาวตางชาติ เราก็มองว่าลูกนั่งตรงนั้นเพราะมันก็มีระยะ เค้าใส่เฝือกที่มือใส่เฝือกที่ขา เรายังสะกิดบอกกับลูกว่าสงสารเค้าจังเลยเนอะ เราก็นั่งของเรากันไปไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
พอนั่งไปสักพักเครื่องออกลูกสาวก็ทำหน้าตกใจแล้วบอกว่า มี๊เค้าเกาต้นแขนหนูอ่ะ เราก็ตกใจชะโงกไปดูกับลูกเหมือนเค้ากึ่งหลับกึ่งตื่น เราบอกเค้าละเมอมั้งลูก อาจไม่ได้ตั้งใจ เรายังมองในแง่ดี นั่งไปอีกสักพัก ลูกบอกว่ามี๊้มือเค้าไหลมาข้างหนูบ่อยมากเลย ไม่ดีละ เราก็ยังคิดว่าเค้าไม่ตั้งใจ เราก็คิดว่าไปบอกพนักงานสายการบินกันมั้ยให้เค้าเปลี่ยนที่หรือว่าดูแลเรามากขึ้น เพราะเรารู้สึกไม่สบายใจ เราก็เดินไปบอกพนักงานสายการบิน แต่พี่คงโชคไม่ดีไปเจอคนที่จัดการไม่ดี เค้าเป็นแอร์ผู้หญิง เรารู้สึกว่ามีความปลอดภัยที่จะบอกผู้หญิงด้วยกัน ให้เค้าช่วยเดินไปดูหน่อยผู้โดยสารที่นั่งข้างๆ ลูกสาวเค้ามีมือเลยมาเกาหรือไม่ตั้งใจก็ไม่รู้ เค้าก็ทำท่าแบบไม่ว่างมาก
เค้าต้องไปถามฟังความข้างเดียวไม่ได้ เราก็โอเคถ้าเค้าจะไปถามซอฟๆ เค้าก็ให้ลูกสาวเดินตามไปแล้วก็ไปถามผู้โดยสารที่เกาแขน คนนั้นเค้าก็โวยขึ้นมาเลย เค้าไม่สนใจหรอก เค้าแต่งงานแล้วเห็นมั้ย มันกลายเป็นสถานการณ์มันแย่ขึ้นไปอีก เพราะไม่มีที่ให้พี่เปลี่ยนได้ไฟล์ทเต็มจริงๆ แต่เราต้องการการดูแลจากเค้า แต่การดูแลจากเค้าและวิธีแก้ปัญหากลายเป็นว่าไปทำให้ผู้โดยสารคนนั้นโวยมาใส่พี่กับลูกสาวใหญ่เลย แอร์เลยบอกว่าคุณต้องนั่งที่เดิม เราก็โกรธไงสถานการณ์มันแย่ลง พี่เลยสลับที่กับลูกสาวเรานั่งกลางเอง ต้องนั่งอีกเกือบ 10 ชั่วโมง"
พิธีกร : สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?
นก : พี่เริ่มตกใจละ เพราะว่าพี่มีภาวะแพนิกอยู่ด้วย กำลังรักษาอยู่ แต่ว่ามันดีขึ้นแล้ว ณ วันนั้นเราเริ่มตกใจละก็กังวลเยอะ แต่เราจะไม่ยอมกินยา แต่มีความรู้สึกว่ายามันทำให้ง่วง พี่ก็ไม่รู้สถานการณ์อีตาคนนี้ยังไง ก็เลยฝืนไม่กินยา
พิธีกร : หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีกมั้ย?
นก : เค้าก็ดื่มเครื่องดื่มไปเรื่อยๆ เลย เค้าก็หันมาสบถใส่เรา เราก็บอกพอหยุด ต่างคนต่างนั่งไป เราสองคนแม่ลูกโกรธการจัดการที่มันแย่มาก น้ำตาไหลอ่ะ มันไม่ควรเกิดขึ้น
พิธีกร : โกรธถึงขั้นอาการกำเริบหายใจไม่ออก?
นก : พี่เริ่มมีการแพนิกตีกลับ แต่ไม่ยอมกินยาอยู่ดี กลัวแพ้มัน เกิดมันลุกขึ้นมา
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline