"ปอยฝ้าย มาลัยพร" ควงภรรยาเปิดเรื่องราวความรัก เล่าย้อนสมัยติดเหล้าหนัก

"ปอยฝ้าย มาลัยพร" ควงภรรยาเปิดเรื่องราวความรัก เล่าย้อนสมัยติดเหล้าหนัก ด้านเจ้าตัวลั่นจะมาตายแบบนี้ไม่ได้

เรียกว่าเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show เทปนี้เลยทีเดียว สำหรับ ปอยฝ้าย มาลัยพร ได้มาเปิดเรื่องราวในชีวิตพร้อม ภรรยาสุดที่รัก มัย วิภานัท และเผยความรักแบบทุกซอกทุกมุมในใจ เพราะอุ่นใจที่ได้มานั่งคุยมานั่งเล่าที่นี่เป็นที่แรกแบบหมดเปลือก เพลงมันต้องถอนของ “ปอยฝ้าย” ฟังดูเหมือนคนเมาแต่นั่นคือเมาจริง!

"ปอยฝ้าย มาลัยพร" ควงภรรยาเปิดเรื่องราวความรัก เล่าย้อนสมัยติดเหล้าหนัก

พิธีกร : พี่ปอยฝ้าย เองคือบางเพลง จังซี่มันต้องถอน ฟังดูเหมือนคนเมาตอนอยู่บทเวทีเมาจริงหรือเมาเล่น

ปอยฝ้าย : เมาจริงครับ จะขึ้นเวทีไม่รู้ทำไมสมองมันจะสั่งให้ไปเอามาดื่ม บางครั้งอินโทรขึ้นแล้วนะในใจนับวินาทีได้เลยนะ เราต้องเปิดแล้วดื่มรู้แม้กระทั่งจังหวะยก ดื่มแล้วลงแล้วจังหวะจับไมค์พอดี งึกงึกงักงัก อย่างนี้เลยนะ ตอนนั้นคือ หนักๆเลยครับ ตาเหลือง ตัวเหลือง เหลืองทั้งตัวตับอักเสบปกติค่าของตับอยู่ที่ 40-45 อันนี้ผมไป 4,000 กว่าขนาดให้น้ำเกลือนะเพราะร่างกายขาดน้ำตาล กระปุกน้ำเกลือก็ถืออยู่แต่ในเป้าคือพกเหล้าไว้ด้วย
 

พิธีกร : ซึ่งตอนอยู่ในวงก็จะมีกฎเหล็กคือ ห้ามมีความรักในวง ห้ามตำส้มตำ คืออะไร ?? มันเป็นการบอกรักรูปแบบหนึ่งหรืออย่างไร

"ปอยฝ้าย มาลัยพร" ควงภรรยาเปิดเรื่องราวความรัก เล่าย้อนสมัยติดเหล้าหนัก

ปอยฝ้าย : ห้ามชู้สาว !! ตำส้มตำ คือ เป็นการบอกรักเป็นการอ่อยกัน (แรงไปไหมครับคำนี้) ตำส้มตำ คือ วิธีจีบนั่นแหละ!! จะตำส้มตำให้อ้าย (ฉันชอบเธอ) อะไรประมาณนี้ ถามว่ารู้สึกอึดอัดไหม ก็นิดนึงครับ แต่ก็ไม่ถือว่ามาเครียดเพราะเราใฝ่หาอนาคตเพราะตรงนั้นคือ อนาคตเราผมจะคิดว่าผู้หญิงคือ ศัตรู อันดับหนึ่งระวังๆจีบได้ รักได้แต่อย่าให้ลึกจนเกินแบบว่าจะมีอะไรมีความสัมพันธ์กัน ต้องระวังตัวตลอดเวลา

พิธีกร : แต่ก็พอที่เราดังขึ้นมามากๆกว่านั้นมันมีบางมุมคือเราเริ่มน้อยใจว่าทำไมงานมันเหนื่อยขนาดนี้ มีแฟนก็ไม่ได้กลายเป็นการประชด
 

ปอยฝ้าย : มีครับมีในช่วงนั้นก็น้อยใจทำไมผมรักคนนี้ช่วงนั้นมี CD เร่งขายๆมาก จนทำให้เราน้อยใจว่า เอ๊ะ !! ทำเพื่อใคร แล้วผมเมาจับไมค์ร้องบนเวทีก็ได้พูด ทำอะไรตั้งใจขนาดนั้นทำให้ใครได้ดี พูดแบบประชดเล็กๆท (เหมือนเราเหนื่อยทุกวันนี้เพื่อใครกัน) ครั้งนั้นผมบอกว่าแม่รักผมรัก รักในนามธุรกิจ ถ้าผมทำแระโยชน์ให้แม่ไม่ได้แม่คงไม่รักผม ผมทำให้แม่นกน้อยร้องไห้เลย

"ปอยฝ้าย มาลัยพร" ควงภรรยาเปิดเรื่องราวความรัก เล่าย้อนสมัยติดเหล้าหนัก

พิธีกร : เคยแบบมีเมาแล้วถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายอะไรอย่างนี้ไหม

มัย วิภานัท : ก็มาบีบคอ !! เราก็ตกใจวิ่งเลยค่ะ ครั้งนั้นคือ ไม่ไหวจริงๆก็คือว่าเลิกกันเถอะไม่ได้แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ ฉันถึงจะรักอย่างไรแต่เราก็ต้องรักตัวเองแล้ว มันไม่ไหวจริงๆมันสู้กับเขามาตลอดมันหลายครั้งมากเลยค่ะ ก็เลยครั้งนั้นมาเอาแล้ว

ปอยฝ้าย : เราก็มาคิดว่าเราทำไปได้อย่างไร เราก็คิดแล้วก็ร้องไห้ขอโทษเขาคุกเข่ากราบเขาเลย กราบเท้าเขาเลยผมก็พูดคำนี้ถ้าคุณหนี ขนาดมีคุณผมยังเป็นแบบนี้ถ้าคุณหนีเท่ากับคุณฆ่าผม

ปอยฝ้าย : เราก็ไปไหว้พระประธานห้าวันเจ็ดวันขอให้มีอันเป็นไป แต่พอพูดพอแฟนกลับไปผมก็มาพูดกับพระประธานอีกว่าเมื่อกี้ผมพูดเล่นนะครับ (หัวเราะ) เพราะเรากลัวตาย

มัย วิภานัท : อ้าว !! จริงเหรอ

"ปอยฝ้าย มาลัยพร" ควงภรรยาเปิดเรื่องราวความรัก เล่าย้อนสมัยติดเหล้าหนัก

พิธีกร : จนกระทั่งถึงวันหนึ่งที่ พี่ปอยฝ้าย ต้องขอความช่วยเหลือ ช่วยพาไปหาหมอหน่อย

ปอยฝ้าย : ใช่ครับ เราอุตส่าห์สร้างชื่อเสียงมาขนาดนี้ เราจะตายเพราะเหล้าเหรอผมคิดนะ ไม่ใช่ผมไม่คิด ผมร้องเพลงอยู่หน้าเวทีผมก็ร้องไห้ไปด้วยเพราะเราสมเพชตัวเอง

พิธีกร : เคยคิดไหมเอ่ยว่าถ้าชีวิตเราไม่มีผู้หญิงคนนี้ ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร

ปอยฝ้าย : ก็เคยคิดนะครับ อาจจะสํามะเลเทเมาอาจจะไม่ใช่เพราะเหล้า อาจจะมียาบ้า ยาไอซ์ไปยิ่งสังคมตอนนี้มันเยอะครับ อาจจะไม่มีคนมาประคับประคองชีวิตให้เราอยู่อย่างนี้ ก็เหมือนผมเปิดน้ำออกจากสายยางปลายสายยางมันแกว่งถ้าไม่มีคนนี้จับปลายสายยางไว้ก็คงไปทั่วแล้วครับ

"ปอยฝ้าย มาลัยพร" ควงภรรยาเปิดเรื่องราวความรัก เล่าย้อนสมัยติดเหล้าหนัก

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline