เอ็ม นันทวัฒน์ เผยชีวิต ม้า อรนภา หลังต้องออกจากวงการมาขายห่อหมก

เอ็ม นันทวัฒน์ เผยชีวิต ม้า อรนภา หลังต้องออกจากวงการมาขายห่อหมก จากก่อนหน้านี้ เอ็ม นันทวัฒน์ ผ่องบุรุษ ได้ออกมาพูดในมุมของตนเองไปบ้างแล้ว หลังจากที่ ถูกนักแสดงรุ่นพี่อย่าง ม้า อรนภา กฤษฎี ตบหน้าในห้างดังที่ประเทศเกาหลี เหตุเพราะไม่ยอมไปกินปู 

 

ทว่า เอ็ม นันทวัฒน์ ยังได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องราวดังกล่าวผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ความเป็นจริงตนพูดไปหมดแล้วในรายการ แต่อาจจะมีตกหล่นไปบ้าง ซึ่งทางครอบครัวของตนตัดสินใจแล้วว่า จะฟ้องจึงได้หาทนายมาจัดการเรื่องดังกล่าว 

 

พร้อมกันนี้ ในช่วงตอนหนึ่ง เอ็ม นันทวัฒน์ ยังได้เบื้องลึกเบื้องหลังของ คู่กรณีอีกด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าแม่วงการบันเทิง โดนกระแสดราม่าอย่างหนัก จนทำให้ตนเองต้องเฟดออกจากวงการบันเทิง และออกมาเป็นแม่ค้าออนไลน์ ซึ่งเธอได้ขายห่อหมกเป็นหลัก 

 

โดย เอ็ม เล่าว่า ปมเหตุที่ว่า โดนตบละทำไมไปกินปู ที่ตนไม่ได้เล่าในรายการเพราะตนมองว่ามันดีเทลเกินไป แต่จริงๆ คู่กรณีขอโทษตนละร้องไห้บอกว่าเค้าขาดสติ ชีวิตเค้าถึงเป็นแบบนี้ต้องมาขายห่อหมก ต้องมาเป็นแม่ค้าออนไลน์ ซึ่งเค้าร้องไห้หนักมาก

"ด้วยความสงสารผมเลยกอดละบอกโอเคผมให้อภัย อย่าไปบอกใคร เราไปกินปูกัน แต่ไม่มีการจองร้านปูใดๆ ครับ ไปถึงร้านปูมี 2 โต๊ะ คู่กรณีสนิทกับเจ้าของร้านมากแต่คุยกันไม่รู้เรื่องสื่อสารกันด้วยภาษามือ หลังจากแยกย้ายคู่กรณีไปบอกผู้จัดการผม ผมโดนผู้จัดการด่าผมเลยบอกแม่ว่าผมก็ถูกตบ"

ผมปรึกษาหลายคนว่าจะเอาไงดีหลายๆ คนบอกคำพูดมันไม่มีหลักฐาน แต่คลิปที่ออกมา มันคือตบ ผมจะพูดให้ดูดียังไงก็ได้ ผมจะทำหน้าสงสารยังไงก็ได้ มีคนบอกผมจะดังแน่ แต่ผมไม่ทำเพราะผมอยากพูดความจริงมากกว่า

 

ผมเป็นเด็กผมพูดหมดแล้วส่วนผู้ใหญ่ ถ้าได้ฟังแล้วคิดว่าผมเป็นคนจริงๆ ตรงๆ ผิดก็ว่าไปตามผิด ส่วนดีผมยังเอามาพูด ตอนนี้ผมทัวร์ลงหนักมาก ว่าหิวแสง ว่าเกาะคู่กรณีดัง เหตุการณ์นี้ผมมั่นใจเลยว่าจะไม่เกิดถ้าคู่กรณีไม่ตบหน้าผม แล้วไปบอกพี่ธงผู้ตงจัดการผม

ส่วนคนที่ว่าครอบครัวผมกะคุณแม่ ครอบครัวผมคือเซฟโซน บางคนอาจเติบโตด้วยตัวเอง แต่ผมเติบโตมาแบบนี้ครับ ลูกใครใครก็รัก ผมภูมิใจมาก คนนอกไม่มีทางรู้ดีเท่าคนในครอบครัวครับ ตอนนี้แม่ผมยิ้มออกแล้ว"

 

ก่อนที่ เอ็ม นันทวัฒน์ จะทิ้งท้ายว่า "สุดท้ายจริงๆ ผมโดนตบครับ ไม่ใช่โดนแตะ"

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline