- 07 ธ.ค. 2565
ดราม่าเน็ตไอดอลสาวสองคนดัง ล่าสุด "น้องคะแนน"ตอบชัด ปมเอาชื่อรุ่นน้องผู้หญิงไปใช้ นาน7ปี เผยตนเองเป็นสายมู
ประเด็นร้อน"คะแนน"เน็ตไอดอลดัง ที่แท้เป็นสาวสอง โดย"น้องจอย"น.ส.กนกญาดา จิตรอำพัน อายุ 24 ปี ผู้เสียหาย ได้ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด ปรึกษาหาแนวทางการดำเนินคดีกับ "คะแนน กนกญาดา"เน็ตไอดอลชื่อดัง หลังขโมยบัตรประชาชน และข้อมูลส่วนตัว ไปแสวงหาผลประโยชน์ สวมชื่อ-นามสกุล ไปรับงานต่างๆนานกว่า 7 ปี จนตัวน้องจอย ถูกออกหมายเรียกจากกองปราบฯ และสรรพากรเรียกเก็บภาษี ทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเดือดร้อน
คืบหน้าล่าสุด น้องคะแนน เน็ตไอดอล ได้ไปออกรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 โดย ทิน โชคกมลกิจ พิธีกร ได้เชิญ น้องจอย เจ้าของชื่อซึ่งเป็นผู้เสียหาย มาร่วมชี้แจงข้อเท็จจริง โดยทางคะแนนชี้แจงว่า เฟซบุ๊คตนมีปัญหา มีการบล็อคเฟซของคนที่มีแชทที่ค้างไว้อยู่แล้ว เห็นว่าเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันแล้ว และมีช่วงนึงที่เฟซบุ๊คโดนปิด ก็ไม่รู้ว่าบล็อคใครไปบ้าง ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก ไม่ได้สนใจว่ามีบล็อคใครบ้าง
เรื่องไปขอใช้ชื่อเขา คือเรื่องจริง มีรุ่นน้องที่สนิทกันกับน้องเขา "น้องคะแนน"ตอบชัด ปมเอาชื่อรุ่นน้องผู้หญิงไปใช้ ยอมรับว่าตนเป็นสายมู แล้วไปดูดวงมา เขาบอกว่าถ้ามีผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ ๆ ชื่อแบบนี้ แล้วเราเอาไปลองใช้สักปี อาจจะได้เข้าวงการ ก็เลยลอง เลยได้เอามาใช้ ก็เริ่มดีจริงๆอย่างที่เขาบอก เปลี่ยนจากชื่อเดิมของตนคือ "นัญพล บุญมี"
ด้านจากแชทที่ทักไปขอบัตรประชาชน ครั้งที่ 2 จากการถูกเฟซบุ๊กบล็อกแล้วต้องยืนยันตัวตน เลยทักไปขอ ส่วนที่เคยเอาสำเนาบัตรประชาชนไป เพื่อสมัครเฟซบุ๊ค ไม่เคยทำธุรกรรมใด ๆ ยอมรับผิดและขอโทษกับสิ่งที่ทำไป ด้วยความเป็นเด็กเลยไม่ได้คิดให้ดี มีสติในการตัดสินใจ
พอเข้าวงการ รู้สึกว่าชื่อนี้มันเริ่มตรงกับเราแล้ว ก็เลยไปเปลี่ยนชื่อที่เขตเลย เป็นชื่อนี้ กนกญาดา จิตตอำพน แต่นามสกุลต่างกัน โดยชื่อน้องจอย คือ น.ส. กนกญาดา จิตรอำพัน ส่วนที่มีปัญหากับงานโฆษณาเหล้านั้น คาดว่า อาจจะส่งไปดูแค่ชื่อ ไม่ได้สะกดนามสกุลใหม่ (จิตตอำพน กับ จิตรอำพัน)
ทั้งนี้ "น้องจอย"น.ส.กนกญาดา ผู้เสียหาย ได้กล่าวอีกว่า ตนรู้จักกับ นายนัญพล บุญมี (ชื่อจริง-นามสกุลจริง ของคะแนน ) ซึ่งเป็นสาวประเภท 2 โดยเป็นเพื่อนรุ่นพี่ในโรงเรียน และต่อมาพี่เขาต้องการใช้ชื่อที่เป็นชื่อผู้หญิง และมีเอกสารใช้ยืนยัน จึงขอยืมบัตรประจำตัวประชาชนดู ก่อนจะใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายบัตรประชาชนไว้ เเละก็ไม่รู้ตัวว่าโดนขโมยบัตรประชาชน ไปสวมรอยเป็นคนใหม่
หลังจากเรียนจบก็ไม่ได้ติดต่อกัน จนปี 2563 ได้รับหมายเรียกให้ไปพบตำรวจกองปราบฯ เนื่องจากมีชื่อไปโฆษณาเชิญชวนให้เล่นการพนัน ให้ไปชี้แจ้งว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ตอนนั้นก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไรแล้ว ต่อมาได้มีเอกสารจากหน่วยงานต่างๆส่งมาให้ไปชี้แจงตลอดมา
ล่าเหตการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 ได้รับหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมควบคุม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจาก พี่เขาได้ถ่ายรูปโฆษณาคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยใช้ชื่อเรา
cr.ถกไม่เถียง
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainews