- 18 ม.ค. 2566
หน่อย บุษกร น้ำตาตกใน วางแผนบั้นปลายอยู่บ้านพักคนชรา เล่าโมเมนต์น้อยใจ ลูกๆ - เคน ธีรเดช ผู้เป็นสามี ยามป่วยไม่ดูแล
มักจะมีโมเมนต์น่ารักๆ มาให้แฟนคลับได้เห็นกันบ่อยๆ แต่ใครจะรู้เลยว่า ภายในครอบครัวจริงๆ นั้นแทบทำเอา หน่อย บุษกร วางแผนบั้นปลายอยู่บ้านพักคนชรา หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตคู่กับ เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ที่จับมือกันมาถึง 23 ปี กระทั่งมีพยานรักสองคนอย่าง น้องคุณ น้องจุน
โดยเมื่อไม่นานมานี้ หน่อย บุษกร ได้ออกมาเผาเรื่องราวในครอบครัวให้ฟังเพราะมีเรื่องให้หยุมหัวกันอยู่บ่อยๆ แถมงานนี้อีกทั้งคุณแม่หน่อยยังออกมาแฉเรื่องในอดีตเมื่อครั้งป่วยเป็นโควิด ทำให้รู้ซึ้งถึงชีวิต ทั้งน้อยใจ ลูก และสามี ที่ไม่ดูแล ถึงขั้นคิดวางแพลนหาบ้านพักคนชราอยู่ในบั้นปลายชีวิตกันเลยทีเดียว
หน่อย ได้เล่าถึงบทบาทในละครเรื่องใหม่ สะใภ้สายสตรอง ที่จะออกอากาศวันที่ 23 ม.ค. นี้ ว่าในเรื่องเล่นเป็นแม่สามีที่ค่อนข้างโหดร้ายกับลูกสะใภ้ เลยถูกถามว่าชีวิตจริงมีลูกชาย จะเอานิสัยในละครไปใช้กับลูกสะใภ้ไหม ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าติดตลกว่า จริงๆ แล้วเธอเป็นคนยอมคนที่สุดแล้ว เป็นคนที่อะไรก็ได้ ก็หวังว่าความดีของเราจะทำให้เราเจอคนดีๆ เอาคนที่ลูกแฮปปี้ที่จะอยู่ด้วยก็โอเคแล้ว เพราะเธอก็เคยเป็นลูกสะใภ้มาก่อน เพราะฉะนั้นเวลาเราเป็นแม่ผัวเราก็ต้องเป็นแม่ผัวที่ดี
"ก็แอบเตรียมใจไว้แล้ว ว่าวันนึงลูกๆ ก็ต้องมีครอบครัว ก็ทำใจว่าเราคงต้องอยู่คนเดียว เพราะลูกผู้ชายทั้งคู่ด้วย พูดแล้วน้ำตาจะไหล มองเห็นอนาคตตัวเอง ตายแล้วฉันจะอยู่บ้านพักคนชรามั้ยเนี่ย คือเด็กผู้ชายเราจะไปหวังให้เขามาแบบไอ้นี่เราไม่ได้เนอะ เราต้องดูแลตัวเอง เตรียมของเราไว้ ตอนนี้เขามีคอนโดหมู่บ้านเราไปซื้ออยู่ด้วยกันมั้ย เราต้องศึกษานิดนึงนะ เราต้องเตรียมวางแผน ต้องคิดเผื่ออนาคตนิดนึง วางแผนไว้เบาๆ ไม่ได้จริงจัง"
ก่อนที่ หน่อย จะเล่าต่อไปอีกว่า มาดูตอนนี้แล้วแบบเวลาเราไม่สบาย ไม่เห็นมีใครสนใจเธอเลย วันที่เธอเป็นโควิดอันนั้นมันทำให้เธอรู้สึกว่า สุดท้ายกูต้องไปอยู่บ้านพักคนชราแน่เลย คือไม่มีใครสนใจเราเลยจริงๆ นะ เธอต้องโทรไปอยู่โรงพยาบาลดีกว่า ให้พยาบาลส่งข้าวส่งน้ำก็ยังดี
แต่ หน่อย บุษกร ก็ยอมรับว่า ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะลูกกลัวติด และป่วยไปด้วย แต่ว่าในจุดนั้นเธอก็เหมือนแบบ ทั้งพ่อทั้งลูกไม่มีใคร ทำไมเราเป็นที่รังเกียจขนาดนั้น ตอนนั้นสถานการณ์คือ เคน ธีรเดช ก็ไปต่างจังหวัด เธออยู่บ้าน พอรู้ว่ามันขึ้นสองขีด ก็โทรบอกน้องสาวให้มารับลูกออกจากบ้านไปเลย
พอเด็กๆ ไปอยู่อีกบ้านนึง เธอก็เหมือนอยู่คนเดียว พออยู่คนเดียวเลยมีโมเมนต์น้อยใจนิดๆ เลยตัดสินใจไปอยู่โรงพยาบาล โทรไปขอห้อง พอรักษาตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วต้องกลับมาอยู่บ้าน เพื่อจะกักตัว ซึ่งวันกักตัวดันเห็นว่า วันนั้นเรายังไม่รู้สึกถึงความแบบ วันกักตัวเรานึกในใจว่าหายแล้ว แล้วก็ไม่ได้ไปไหน ก็อยู่คนเดียว
"แต่การที่เราสมมติว่า ลูกคนเล็กบอกอยากกินขนม สมมติว่าเป็นโดนัท ก็สั่งโดนัทมา เราก็หยิบไปอันนึง แล้วพี่เคนก็บอกใครให้หยิบก่อน หยิบก่อนแล้วใครจะกินต่อ คือขนาดอยู่ข้างนอก เรากักตัวของเราอยู่ตรงนี้แล้วเราหายแล้วด้วย เราอยู่ระเบียงบ้าน อืม ใครกินต่อไม่ได้ มันคือโดนัทจากการหยิบไม่ใช่เอาปากกัด แล้วเราล้างมือแล้ว นางก็แบบไม่ได้ต้องระวังก่อน อืม โทษแม่อีกแล้ว ตอนนั้นมันก็ดิ่งๆ เราก็เหมือนนั้นไงกูว่าแล้ว กูจุดนั้นแล้วล่ะ ว่าจะต้องไม่มีใครดูแลกูแน่เลย ซึ่งวันนี้อาจจะเล่าแบบตลก แต่ตอนนั้นมันไม่มีตลก น้ำตาตกใน"
หน่อย บุษกร บอกอีกว่า เธอได้นำความรู้สึกนี้ไปพูดกับสามี แต่ก็แทบจะตีกันเลย เพราะเหตุการณ์อีกอันนึง เธอกักตัวอยู่ในห้อ งแล้วเขาจะใช้บริเวณข้างนอกได้ เขาจะเดินอยู่เธอก็เปิดหน้าต่างออกไปอยากได้น้ำที่อยู่ในตู้เย็น พี่เคนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ก็เดินไปหยิบน้ำมาให้ แล้วนางก็ขว้างน้ำเข้าหน้าต่าง
"เชื่อมั้ยว่านางขว้างแม่นมาก แหมะเข้าตรงลูกตาของพี่เขียว แล้วพี่ก็แบบฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันต้องเข้าโรงพยาบาลอีกเหรอ ก็ปรี๊ดนิดนึง แต่เขาบอกไม่ได้ตั้งใจก็ไม่หลบเอง ฉันต้องหลบเหรอ ทำไมเธอขว้างขนาดนั้น แล้วทำไมเธอต้องกลัวฉันขนาดนั้น คือหายแล้วไม่ได้เป็นอะไรเลย ทุกอย่างเราก็พยายามดูแลตัวเอง ไม่ให้เป็นที่เดือดร้อนของทุกคน ตอนนี้ปกติแล้ว นี่คือเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วเลยเล่าให้ฟัง" เธอเล่าอย่างลืมเหตุการณ์ไม่ได้
สำหรับความรักของ เคน - หน่อย ตอนนี้เดินทางมาประมาณ 22 - 23 ปี แล้ว ซึ่ง มันก็เป็นเรื่องปกติ ตีกันก็มี องค์ลงก็มี แต่มันอยู่บ้านเดียวกัน มันก็เข้าใจกันทุกอย่างแล้ว สุดท้ายก็อยู่กันไป มันก็เป็นเพื่อนกันไปแล้วแหละตอนนี้ มันก็เป็นคนที่ไว้ใจที่สุด มันก็เป็นเหมือนเพื่อนนะ เพื่อนกันมันก็ตีกัน พี่น้องก็ตีกัน พ่อแม่ยังทะเลาะกันเลย เป็นรสชาติชีวิต ดีไปหมดมันก็ไม่ใช่ ต้องมีให้เราครบรส
ส่วนมุมของ เคน สามี หน่อย บุษกร ที่ทำเอาเธออยากหยุมหัวนั้น ก็มีหลายพาร์ท เช่นทำไมพูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้ บางทีบอกว่าอย่าเล่นอะไรให้มันผาดโผน เหมือนมีลูกสามคนอย่างงั้นเลย คนโตเหมือนเป็นคนแรกเลย ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง บอกอย่าคือทำเลย ชอบเล่นอะไรแอดเวนเจอร์ก็บอกว่าเธอรักษาสภาพไว้นิดนึง
แต่ความน่ารักและทำเอาแฟนคลับยิ้มไม่หุบคือ ไม่ว่าจะทะเลาะกันแค่ไหนก็ไม่เคยคิดจะปล่อยมือกัน ก็ต้องอยู่กันไปแบบนี้แหละ คือคนเรามันก็ไม่ได้จะเพอร์เฟ็กต์ขนาดนั้น มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ จริงๆ ต่อให้ไม่ว่าคนไหนจะดีที่สุดแล้ว มันก็จะมีมุมให้แบบ..นานคือบางทีอ่ะมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา แต่ในมุมเรา เราอยากจะหยุมหัว พี่ก็เลยคิดว่า อย่าเอาอารมณ์ของเราไปตัดสิน ปล่อยเขาไป
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline