- 09 เม.ย. 2566
ดีเจแมน-ใบเตย ร่ำไห้เปิดใจ ก่อนฟังคำสั่งอัยการวันที่10 เม .ย.66 เตรียมหลักทรัพย์ประกันตัวพร้อมแล้ว หากไม่ผิดจ่อดำเนินคดีคนทำร้ายครอบครัว เรียกความยุติธรรมคืน
9 เม.ย.66 ดีเจแมน นายพัฒนพล กุญชร พร้อมด้วยนางสุธีวัน กุญชร หรือ ใบเตย ร่วมกันตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงและตอบข้อซักถามกับสื่อมวลชน ก่อนวันพรุ่งนี้ (10 เม.ย.66) พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษนัดหมายให้ทั้งคู่เข้ารับฟังคำสั่งคดีแชร์ Forex-3D
ในข้อหา 1.ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน 2.ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ 3.ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน อันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 12 และมาตรา 15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3 มาตรา 14 หลังพนักงานอัยการแจ้งเลื่อนจากวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
ดีเจแมน กล่าวว่า ขอเท้าความไปที่จุดเริ่มต้นของการรู้จักกับนายอภิรักษ์ โกฎธิ อดีตผู้บริหาร Forex-3D คือ สมัยที่ตนทำดีเจอยู่ที่คลื่นหนึ่ง นายอภิรักษ์ได้เข้ามาพบ เข้ามาพูดคุย มาเป็นแฟนคลับและยังนำพระมาให้ รวมถึงยังทักมาในอินสตาแกรมเรื่อยๆ ซึ่งนายอภิรักษ์ก็ชื่นชอบพระเครื่องเช่นเดียวกันกับตน ส่วนประเด็นเรื่องเส้นทางการเงินที่สังคมสงสัย ตนและใบเตยได้ชี้แจงหมดทุกประเด็นกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมาตลอด
โดยที่ตนไปเกี่ยวข้องก็เนื่องมาจากนายอภิรักษ์ได้มาเช่าพระทั้งหมด 4 องค์กับตน เลยปรากฏเป็นเส้นทางการเงิน จึงเป็นเหตุให้ดีเอสไอออกหมายเรียกตนในทีเเรกในฐานะพยาน ก่อนเปลี่ยนสถานะเป็นหมายเรียกผู้ต้องหา
ดีเจแมน ยังกล่าวถึง รูปภาพที่มีการไปทานข้าวกับนายอภิรักษ์ ว่า เขาติดต่อเรามา และเขาขอตามมา ส่วนเรื่องรูปภาพการประชุมนั้น ในวันดังกล่าวเป็นการประชุมเรื่องถังเช่า และเขาอยากให้ตนทำการตลาดในเชิงธุรกิจให้ ส่วนอีกหนึ่งรูปที่ปรากฏภาพตนใส่เสื้อแขนสั้นนั่งอยู่โต๊ะประชุม เนื่องจากตนทำเกี่ยวกับมูลนิธิมานาน คือ มูลนิธิเกี่ยวกับเด็กพิการซ้ำซ้อน โดยทำก่อนรู้จักกับนายอภิรักษ์ ซึ่งนายอภิรักษ์ทราบว่าตนทำเกี่ยวกับมูลนิธิ เขาจึงมาเชิญชวนเพราะอยากทำมูลนิธิ ตนจึงไปร่วมทำมูลนิธิกับเขาด้วย
ดีเจแมน ย้ำว่า เราไม่มีทางรู้ว่าสิ่งที่นายอภิรักษ์ทำนั้น จะสร้างความเสียหายเช่นนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ตนก็อยากขอโทษ อีกทั้งตลอดช่วงเวลา 2ปีที่ผ่านมา เราให้การเป็นประโยชน์ต่อดีเอสไอเป็นอย่างมาก แค่ไม่ได้มาออกสื่อ และเราชี้แจงได้หมดว่าเงินงานแต่งงานคือเงินอะไร มีเอสสารพยานหลักฐาน มีพยานบุคคลด้วย อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา พอถูกแจ้งข้อหา เราก็ยินดีชี้แจง ขอแค่ความยุติธรรมในการต่อสู้ ขอให้อัยการอ่านสำนวนให้ละเอียด เพื่อให้เราทั้งคู่ได้ต่อสู้เต็มที่
ดีเจแมน กล่าวด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (10 เม.ย.) เราไม่ทราบว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร แต่มีน้องโทรศัพท์ให้เตรียมหลักทรัพย์ และถ้าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้การที่เราได้ชี้แจงในวันนี้ เพื่อต้องการโอกาสในการต่อสู้ ที่ผ่านมาเราไม่เคยหนี และไปตามเวลานัดหมายตลอด ให้ความร่วมมืออย่างดีตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนจนชั้นอัยการ เราสู้ด้วยความจริงมาตลอด และจะดูว่าความจริงจะปกป้องเราหรือไม่ ส่วนที่กังวลตอนนี้ คือ หากมีการสั่งฟ้อง เรากลัวว่าเราจะไม่ได้รับความยุติธรรม จึงขอแค่ได้ประกันตัวมาสู้ข้างนอก
"เห็นคนรอบข้างถูกจับ เราใจเสีย เครียด ถูกสังคมประณาม เวลาข่าวออกมันรุนแรง ทุกอย่างทำให้เราดูเป็นอาชญากร ซึ่งมันหนักมากๆสำหรับ 9 เดือนนี้ เราถูกแคนเซิลงานพิธีกร ภาพยนตร์ ทำให้ก็ต้องหารายได้จากช่องทางอื่นๆแทน เเต่เราเข้าใจ เพราะเรากำลังอยู่ระหว่างการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม" ดีเจแมน อธิบาย
ดีเจแมน กล่าวอีกว่า เราห่วงลูกสาวมาก เราทำคอนเทนต์ เราก็ห่วงเรื่องสปอนเซอร์และสายตาคนอื่น อีกทั้งคอมเมนต์ที่ส่งผลต่อเด็กคนหนึ่งที่จะเติบโตในอนาคต หากเสิร์จข่าว ก็จะเจออะไรแบบนี้ ทั้งๆที่เป็นการกล่าวหา อย่างไรคงต้องเป็นดุลพินิจจากพนักงานอัยการ และหลังจากวันพรุ่งนี้ สิ่งที่ทำร้ายเรามาทั้งหมด หากมีการพิสูจน์แล้วว่าเราสองคนบริสุทธิ์ เราทั้งคู่จะขอความยุติธรรมคืน โดยการขอใช้กฎหมายกับบางคนที่ทำร้ายครอบครัวเรา ซึ่งเราได้รวบรวมไว้แล้ว 2 ปี