- 09 มิ.ย. 2566
เปิดประวัติ วรพจน์ เพชรขุ้ม ฮีโร่เจ้าของเหรียญโอลิมปิก - เอเชียนเกมส์ เรียนจบป.โท สร้างชื่อประเทศแต่ยศไม่เลื่อน
กำลังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ กับกรณีที่ การบรรจุและดำรงตำแหน่งของ ร.ต.อ.หญิง แคท อาทิติยา เบ็ญจะปัก อายุ 27 ปี ฝ่ายเลขานุการด้านประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ ที่ผ่านหลักสูตร กอส. สามารถเลื่อนตำแหน่งจากชั้นประทวน ถึง ร.ต.อ.หญิง โดยใช้เวลาแค่ 4 ปี
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. ออกมากกล่าวถึงประเด็นว่า ร.ต.อ.หญิง ดังกล่าว ผ่านการรับสมัครและคัดเลือกบุคคลภายนอกผู้มีวุฒิ ใช้วิธีการคัดเลือกตามกฎ ก.ตร. อีกทั้งการเลื่อนยศเป็น ร.ต.อ.หญิง เป็นไปตามกฎ ก.ตร. ทุกประการ กรณีของ ร.ต.อ.หญิง เป็นผู้มีวุฒิปริญญา ซึ่งผ่านการคัดเลือกและได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวนได้รับเงินเดือนขั้นต่ำ โดยมีเงื่อนไขเมื่อผ่านการอบรมฯ หลักสูตรตามที่ ตร. กำหนดแล้ว จึงจะได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิ
นั่นทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงขั้น 2 อดีตฮีโร่กำปั้นทีมชาติไทย มนัส บุญจำนงค์ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ และ วรพจน์ เพชรขุ้ม เจ้าของเหรียญเงินจากโอลิมปิกเกมส์สมัยเดียวกัน ได้ออกมาพูดถึงกรณีดังกล่าว หลังจากทั้งคู่ได้เข้ารับราชการและทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ แต่แทบไม่ค่อยได้รับโอกาสเลื่อนยศ เลย
โดยเฉพาะ วรพจน์ ที่ตามประวัติแล้ว จบถึงปริญญาโท แต่ 23 ปีเต็มๆ ยศยังอยู่แค่ จ.ส.ต. ทั้งที่น่าจะเข้าข่ายตามกฏ ก.ตร. แต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลอะไร ซึ่งประวัติวรพจน์ เพชรขุ้ม นักกีฬามวยสากลสมัครเล่น เจ้าของเหรียญเงินจากโอลิมปิกเกมส์ 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ มีดังต่อไปนี้
วรพจน์ เพชรขุ้ม เกิดวันที่ 18 พ.ค.2524 ที่อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันอายุ 42 ปี ตอนที่ยังเป็นนักมวยยังได้รับเกียรติให้เป็นผู้เชิญธงชาติไทยนำขบวนนักกีฬาทีมชาติไทย ในพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 และในการแข่งขันมวยสากลในเอเชียนเกมส์ 2010 ซึ่งวรพจน์ชนะนักมวยจากประเทศจีน ซึ่งเป็นเจ้าภาพ และวรพจน์ได้รับรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
นั่นนับเป็นเหรียญทองแรกของวรพจน์ในเอเชียนเกมส์ เหรียญทองเดียวของมวยสากลสมัครเล่นไทยในการแข่งขันครั้งนี้ และเหรียญทองสุดท้ายของทีมชาติไทยในการแข่งขันครั้งนี้
วรพจน์ สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนบ้านใหญ่ และเข้าศึกษาในมัธยมศึกษาที่โรงเรียนพนมศึกษา (มัธยมศึกษาปีที่ 1) ก่อนย้ายไปโรงเรียนท่าฉางวิทยาคาร (มัธยมศึกษาปีที่ 2) และโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และระดับปริญญาโทที่วิทยาลัยทองสุข
ทั้งนี้ หลังปรากฏข่าวนี้ออกไป ชาวเน็ตต่างแห่เข้าไปคอมเมนต์ในจำนวนมาก ในเฟชบุ๊กของ "เจ้าเติ้ล" มนัส บุญจำนงค์ โดยรายหนึ่งคอมเมนต์ว่า "มีออกแถลงจากโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วครับว่าเขาจบปริญญาโทมาสามารถเลื่อนจากร้อยตำรวจตรีเป็นร้อยตำรวจเอกฝ่ายในเวลา 2 ปีได้ครับ" ซึ่ง "เจ้าเติ้ล" ตอบกลับว่า "วรพจน์จบปริญาโท ยังเป็นสิบเอกเลยครับ"
ด้าน วรพจน์ ก็เข้ามาคอมเมนต์เช่นกัน โดยระบุว่า "23 ปีเต็มๆ จ.ส.ต. สุดๆ ครับระบบราชการ ไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอ ก็อย่าไปหวังอีกปีกว่าๆ คงไม่ต้องไปวุ่นวายกะระบบที่ยืนกุมไข่และดีครับผม เหมาะสมครับท่าน"
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณ ปี2564 วรพจน์ ยังได้โพสต์ตัดพ้อลงในเฟซบุ๊กในเชิงน้อยใจเเละขอความเห็นใจ ที่เจ้าตัวไร้การเหลียวเเลจากกองทัพบกต้นสังกัด ยศไม่ขยับไม่ได้รับการเลื่อนยศ ทั้งๆ ที่ตั้งใจรับใช้ชาติสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเเละกองทัพบก ส่วนนักกีฬาคนอื่นที่ไม่มีเหรียญกลับได้รับการเลื่อนยศแซงหน้าไปหมดแล้ว
ภาพจาก Worapoj Petchkoom