เปิดใจ “ต้องเต” ผู้กำกับภาพยนตร์ สัปเหร่อ หลังกวาดรายได้ ทะลุ 300 ล้าน

เปิดใจ “ต้องเต” ว่าที่ผู้กำกับ 500 ล้าน หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องสัปเหร่อกวาดรายได้มหาศาล จนเรียกได้ว่า หยุดไม่อยู่แล้วในชั่วโมงนี้

  แรงต่อเนื่องจริง ๆ กับภาพยนตร์ สัปเหร่อ ที่ล่าสุดกว่ารายได้เข้าสู่ 300 ล้านเป็นที่เรียบร้อย โดยทาง "ไทยนิวส์ออนไลน์" ได้สัมภาษณ์ ผู้กำกับอย่าง “ต้องเต” ได้เจ้าตัวได้ระบุว่า ดีใจมาก ไม่คิดไม่ฝันมันเกินคาดไปไกลมาก ที่เลือกเขียนเอง กำกับเอง ควบคุมเรื่องด้วยตัวเองเพราะอยากผิดพลาดให้เต็มที่ อยากลองทำทุกอย่าง ไหน ๆ ทำแล้วอยากลงมือเอง ในส่วนของแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องสัปเหร่อ คือการเขียนบทใกล้ตัว ซึ่งเวลาเขียนบทแนะนำให้เขียนบทใกล้ตัวก่อนเราจะเขียนมันได้ดี ไม่ว่าจะความรัก ครอบครัวสุดท้ายมาเข้าใจว่าใกล้ตัวที่สุดน่าน่าจะเป็นชีวิต การสูญเสีย และความตาย

เปิดใจ “ต้องเต” ผู้กำกับภาพยนตร์ สัปเหร่อ หลังกวาดรายได้ ทะลุ 300 ล้าน

เปิดใจ “ต้องเต” ผู้กำกับภาพยนตร์ สัปเหร่อ หลังกวาดรายได้ ทะลุ 300 ล้าน

แต่มันยากมากที่จะเขียนเรื่องนี้เพราะไม่เคยตาย เราจะไม่รู้เลยว่ารู้สึกยังไง อายุเรายังน้อยอยู่เลยจะไปเข้าใจเรื่องแบบนั้นได้ยังไง จะปลงขนาดนั้นได้เหรอ ไม่ได้พยายามเล่าให้คนเข้าใจ แต่ให้คนเห็นแล้วไปวิเคราะห์เองมากกว่า ใช้ระยะเวลาการถ่ายทำทั้งหมด 3 เดือน

สัปเหร่อ ไม่มีภาคต่อ จะเป็นหนังในจักรวาลอีกเรื่องไปเลย ผลงานกำกับอยู่กับไทบ้านมีการแสดงด้วย เขียนบท กำกับร่วมบ้าง หลักๆจะเป็นกำกับ mv ของปาล์มมี่ เพลงขวัญเอยขวัญมา,โอม cocktail,ไททศมิตร ส่วนผลงานแสดงครั้งแรก คือ MV ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน ของก้อง ห้วยไร่

ชื่อต้องเต ชื่อเดิมที่พ่อแม่ตั้งให้ เนื่องจากความแม่เป็นครูภาษาไทย คำว่าต้องเตเป็นการละเล่นพื้นบ้าน ส่วนที่หลายคนพูดถึงกันเยอะลุคเก่าเราความจริงคือเป็นเดือนมหาวิทยาลัย ที่ได้เป็นเพราะที่ 1 ที่ 2 ลาออก ก็เลยได้เลื่อนขึ้นเป็นเดือนมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ต้องเตระบุว่าเรื่องทรงผมตอนนี้ถ้ามีงานแสดงก็จะตัด วางไว้คือเรื่องหน้าก็อยากตัดซึ่งแฟน ๆ มักจะแซวว่ายอดทะลุเป้าหมายแล้ว จะอาบน้ำถูสบู่ แต่ยังไม่ได้ทำให้เลย แต่ถ้ามีโอกาสจะทำให้ ถ้าถามถึงจะเดินสายมาขอบคุณแฟน ๆ ที่กทม. จะเป็นวันที่ 20 ต.ค ยังไม่ได้ระบุสถานที่ สุดท้ายอยากบอกว่ามันไม่ใช่หนังผีอย่าเชื่อที่เขารีวิว อย่าคาดหวังเกินไป ผมว่ามันดีได้กว่านี้ แต่อยากให้ ให้กำลังใจมากกว่าแค่อยากให้ดูว่าหนังอีสานมันไปถึงไหนแล้ว พัฒนาได้ถึงไหนแค่นั้นเอง