- 19 ต.ค. 2566
เหยื่อของเหตุการณ์รัฐประหารรายแรก "พระปีย์" โอรสแสนรักของ "พระนารายณ์" สุดท้ายโดนจับไปสำเร็จโทษจบชีวิตอย่างน่าอนาถ
"พระปีย์" เหยื่อรัฐประหารรายแรก โดนจับไปสำเร็จโทษจบชีวิตอย่างน่าอนาถ : เข้มข้นตั้งแต่ตอนแรกแล้วสำหรับ ละคร พรหมลิขิต หรือ บุพเพสันนิวาส ภาค 2 ที่ได้เล่าเรื่องความรักของ 2 หนุ่มสาวที่เชื่อว่าเกิดมาเป็นคู่กันทุกภพ ทุกชาติ นำแสดงโดย โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ที่รับบทถึง 3 ตัวละครคือ พระยาวิสูตรสาคร (พ่อเดช) / หมื่นณรงค์ราชฤทธา (พ่อเรือง) / ขุนพิพัฒน์ราชสินธุ์ (พ่อริด) / ฑิฆัมพรราชาและ เบลล่า ราณี แคมเปน ที่รับบทเป็น คุณหญิงการะเกด (เกศสุรางค์) / พุดตาน / แม่การะเกด / จันทราวดี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : EP.แรก ทำลายทุกสถิติ เรื่องย่อละคร พรหมลิขิต เฉลยดราม่าใช้พระ - นางคุ้มเกิน
อีกหนึ่งตัวละครอิงประวัติศาสตร์ที่หลายคนสนใจไม่แพ้กันก็คือ พระปีย์ โอรสในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับ พระปีย์ เอาไว้ว่า "พระปีย์ จบชีวิตโดยถูกฆ่าอย่างน่าอนาถ วันนี้ละครออกอากาศตอนแรก เรื่อง #พรหมลิขิตep1 ต้นเรื่องได้กล่าวถึง พระปีย์ ถูกสำเร็จโทษ ซึ่งถือเป็นเหยื่อของเหตุการณ์รัฐประหาร
ในปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช "พระปีย์" ได้อยู่รับใช้สนองพระยุคลบาทพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระประชวรหนัก “พระปีย์” รู้ตัวว่ามีผู้ประสงค์ร้าย จึงอยู่แต่ในห้องบรรทมของพระเจ้าแผ่นดิน จะออกมาข้างนอกก็เฉพาะกิจที่เกี่ยวข้องกับพระอาการประชวรเท่านั้น แม้ “พระปีย์” จะมีไพร่พลของตนเองที่เมืองพิษณุโลก แต่ก็ไม่ทันท่วงต่อการปฏิวัติผลัดแผ่นดินได้ เพราะ “พระปีย์” เองเข้าไปพัวพันกับพระราโชบายของสมเด็จพระนารายณ์
วันหนึ่งขณะที่พระปีย์กำลังล้างหน้าริมหน้าต่างยามเช้า ก็ถูกขุนพิพิธรักษา สมุนของหลวงสรศักดิ์ผลักจนพลัดตกลงจากประตูกำแพงแก้ว พระปีย์จึงร้องเรียกสมเด็จพระนารายณ์ว่า "ทูลกระหม่อมแก้วช่วยด้วย" ก่อนถูกพระเพทราชาจับไปสำเร็จโทษเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2231 และทิ้งศพไว้ที่วัดซาก
ในวาระสุดท้ายที่พระนารายณ์ ทรงทราบจากแพทย์หลวงว่า "พระปีย์" ได้ถูกประหารชีวิตแล้ว และครั้งหนึ่งเมื่อทอดพระเนตรเห็นพระเพทราชาเข้าเฝ้า ก็ทรงพิโรธจัดจนเสด็จสู่วิสัญญีภาพโดยทันที ครั้นทรงฟื้นคืนพระองค์ได้ก็ตรัสบริภาษสาปแช่งพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์ด้วยประการต่างๆ นับแต่เวลานั้นสมเด็จพระนารายณ์ทรงเศร้าซึมและพระอาการพระโรคก็ทรุดเสื่อมลงจนถึงที่สุด เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2231
โดยในพระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพนระบุว่า เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ได้ยินเสียงพระปีย์ร้องเรียกดังนั้น ก็ทรงตกพระทัย อาลัยในพระปีย์ จึงมีพระดำรัสว่า “...ใครทำอะไรกับไอ้เตี้ยเล่า...” แล้วเสด็จสวรรคต ส่วนเอกสารของพันตรีโบชองระบุไว้ว่า "พระปีย์" ถูกสำเร็จโทษด้วยการผ่าร่างออกเป็นสามส่วน
ส่วนสาเหตุที่กำจัด "พระปีย์" ก็เพราะพระปีย์เป็นผู้หนึ่งที่มีสิทธิในการสืบราชบัลลังก์ มีขุนนางสองคนถูกบังคับให้สารภาพว่าเข้าฝ่าย "พระปีย์" กล่าวหาว่า เจ้าพระยาวิชเยนทร์ยักยอกทรัพย์และนำเงินในท้องพระคลังออกนอกพระราชอาณาจักร ส่งผลให้เจ้าพระยาวิชเยนทร์ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดเป็นท่อนๆ เช่นกัน
"พระปีย์" ชายหนุ่มสามัญชนคนหนึ่ง ซึ่งเคยถูกเชื่อว่าโชคดีมาตั้งแต่เกิดจนวัยหนุ่มโดยได้รับพระกรุณาชูชุบอุปถัมภ์ให้เป็นราชบุตรบุญธรรม มีราชสมบัติอยู่แค่เอื้อม แต่เป็นคนซื่อไม่รอบรู้เท่าทันกลเกมแห่งอำนาจ โชคชะตาจึงพลิกผันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ ต้องจบชีวิตโดยถูกฆ่าอย่างน่าอนาถ แม้จะอยู่ใกล้ๆ กับทูลกระหม่อมแก้วผู้ยิ่งใหญ่เป็นเจ้าชีวิตก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ เขาเป็นเหยื่อรัฐประหาร วันที่ 18 พฤษภาคม 2231 เป็นรายแรก
สำหรับ พระปีย์ เป็นบุตรของขุนไกรสิทธิศักดิ์ ชาวบ้านแก่ง ขุนนางชั้นผู้น้อยในเมืองพิษณุโลก ถวายตัวแด่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชตั้งแต่ยังเล็ก แต่ด้วยมีรูปพรรณต่ำเตี้ยพิการค่อมแคระ สมเด็จพระนารายณ์จึงทรงพระกรุณาเรียกว่า "อ้ายเตี้ย" และเป็นที่โปรดปรานอย่างมาก เนื่องจาก พระปีย์ พูดจาไพเราะอ่อนหวาน
อย่างไรก็ตามยังมีข้อมูลเปิดเผยอีกว่า ในปี 2557 ได้มีการขุดพบโครงกระดูกใกล้วัดสันเปาโล กระดูกหน้าแข้งหัก มีความสูงไม่เกิน 140 cm. สันนิษฐานว่าน่าจะเป็น พระปีย์ ที่ถูกผลัดจากที่สูง
ข้อมูลจาก ศิลปวัฒนธรรม