- 18 ธ.ค. 2566
"รอมแพง" ผู้ประพันธ์โพสต์ถึง "ตอนจบพรหมลิขิต" อธิบายความหมายจริงๆ ของชื่อนิยายที่ยังไม่เคยมีใครรู้มาก่อน
"รอมแพง" โพสต์ถึง "ตอนจบพรหมลิขิต" ผิดคาดกันหมด ความหมายจริงๆ ของละคร : และแล้วก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายกันแล้วสำหรับละครที่ทำแฟนๆ ติดใจทั่วประเทศอย่าง "พรหมลิขิต" ซึ่งล่าสุด "รอมแพง" หรือ อุ้ย จันทร์ยวีร์ สมปรีดา นักประพันธ์ชาวไทยได้โพสต์เกี่ยวกับ "ตอนจบของพรหมลิขิต" ได้อย่างน่าใจหาย แต่ก่อนหน้านี้เธอก็แง้มๆ ว่าจะมีภาค 3 ต่อ
โดย "รอมแพง" ระบุว่า "ละครพรหมลิขิตเหลือเพียงอีกแค่ตอนเดียวก็จะอวสานในวันจันทร์ที่จะถึงนี้แล้วนะคะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนก็อยากให้ติดตามดูจนจบค่ะ ส่วนดิฉันนั้น คิดว่าทุกคนในทีมทำละครได้ทำหน้าที่ของตนได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ส่วนหน้าที่ของดิฉันคือเขียนนิยาย และได้ส่งต่อพร้อมทั้งบอกเล่าทุกอย่างในเชิงนิยายไปหมดแล้วเช่นกัน
จะมีก็แค่การบอกความหมายคำว่า พรหมลิขิต ในมุมมองของการตั้งชื่อนิยายที่ยังไม่ได้บอกหน้าเพจนี้ พรหมลิขิต ความหมายหนึ่งของชื่อนิยาย คือ พ่อแม่ เป็นดุจดั่งพรหมของลูก เหมือนที่ชีปะขาวท่านพยายามฝืนกฎธรรมชาติด้วยความรู้สึกผิด ช่วยดึงย้อนเวลา รวบรัดการชดใช้กรรม เพื่อให้ การะเกดหรืออทิตยา ได้มีความพัฒนาทางจิตวิญญาณไปควบคู่กับเจ้ากรรมนายเวรทุกคน (ซึ่งเรื่องการย้อนเวลาตรงนี้จะเป็นในแนวแฟนตาซีที่เรื่องจริงไม่มีวันเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้)
พรหมลิขิต ในอีกความหมายของชื่อนิยายเรื่องนี้ คือ ทุกสิ่งล้วนไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ แต่ถูกกำหนดให้มีหน้าที่ต้องกระทำและดำเนินไปในทิศทางที่ต้องเป็นไป ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องความรัก มนุษย์เลือกพรหมลิขิตของตัวเองได้ แต่ไม่ว่ามนุษย์จะเลือกเดินไปทางไหนจุดมุ่งหมายก็ยังคงเป็นเรื่องเดิมๆ คือการเรียนรู้เรื่อง การเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ดังนั้นก็สามารถจะเรียกได้ว่า นิยายทั้งบุพเพสันนิวาส และพรหมลิขิต ไม่ได้เป็นของดิฉันอย่างแท้จริง ดิฉันแค่ทำหน้าที่ที่ต้องทำในฐานะนักเขียนเพื่อสื่อออกมา ได้เป็นเจ้าของในระยะเวลาหนึ่งในชั่วชีวิตนี้ และสุดท้ายดิฉันก็ต้องจากไป สิ่งที่ดิฉันคาดหวังมีเพียงนิยายของดิฉันจะทำให้ทุกคนที่ได้อ่านมีความสุข
ขอบคุณมากนะคะ ที่คอยติดตามสนับสนุนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และหวังว่าจะสนับสนุนนิยายของดิฉันในเรื่องราวอื่นๆต่อไปนะคะ
รัก (อิโมจิรูปหัวใจ)
รอมแพง"