- 21 มี.ค. 2567
เหตุผลที่ "เมฆ วินัย ไกรบุตร" รักษาโรคตุ่มน้ำพองไม่หาย จนสุดท้ายเสียชีวิตจากภาวะความดันตกและติดเชื้อในกระแสเลือด
จากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการบันเทิง เมื่อต้องสูญเสีย เมฆ วินัย ไกรบุตร ตำนานพระเอกร้อยล้านของเมืองไทย ที่เสียชีวิตด้วยวัย 54 ปี จากภาวะความดันตกและติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 นำมาซึ่งความเศร้าโศกต่อคนในวงการบันเทิงเป็นอย่างมาก
โดย เมฆ วินัย ต้องต่อสู้อาการป่วยด้วยโรคตุ่มน้ำพอง มากว่า 5 ปี ส่งผลให้ชีวิตเปลี่ยน แม้พยายามต่อสู้รักษา ทดลองรักษามาหลายขนาน ยาที่ใครลองแล้วหาย หรืออย่างน้อยเสมอตัว แต่ วินัย ไกรบุตร ลองแล้วอาการยิ่งแย่ ทำให้แฟนคลับสงสัยว่า ทำไมเมฆ วินัย รักษาโรคตุ่มน้ำพองไม่หายสักที
เกี่ยวกับเรื่องนี้ กรมการแพทย์ รายงานว่า เมฆ วินัย ไกรบุตร ป่วยเป็นโรคเพมฟิกอยด์ (Bullous pemphigoid) ซึ่งเป็นโรคตุ่มน้ำพองคล้ายกับ เพมฟิกัส โดยเกิดจากความผิดปกติในเรื่องการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ที่ทำลายโปรตีนที่ยึดผิวหนังชั้นกำพร้าและหนังแท้เอาไว้ จึงทำให้ผิวหนังแยกตัวออกจากกัน
เกิดเป็นตุ่มตามร่างกาย และกินบริเวณกว้าง ทางเอ๋ ภรรยาของ เมฆ วินัย ไกรบุตร ก็เคยบอกว่า ตุ่มน้ำพองที่เกิดขึ้นนั้น ต้องเอาเข็มจิ้มและดูดน้ำออกอยู่ตลอดเวลา น้ำที่แตกมีทั้งน้ำใส น้ำข้น และน้ำเหลือง
ในการรักษาโรค เพมฟิกอยด์ หรือ โรคตุ่มน้ำพอง นั้น จะเป็นการใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน ร่วมกับยากดภูมิต้านทาน ซึ่งคนที่เป็นโรคนี้มักจะเป็นๆ หายๆ และต่อให้หายแล้วก็กลับมาเป็นได้ใหม่ ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่องและพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ต้องกินยาต่อเนื่องเพื่อให้โรคสงบ
ข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคเพมฟิกอยด์
- ผู้ป่วยควรทำความสะอาดร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
- บริเวณที่เป็นแผลให้ใช้น้ำเกลือทำความสะอาด
- ใช้แปรงขนอ่อนทำความสะอาดลิ้นและฟัน
- ไม่แกะเกาผื่น เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- ผู้ป่วยที่มีแผลในปาก ควรงดอาหารรสจัด งดรับประทานอาหารแข็ง เช่น ถั่ว ของขบเคี้ยว เนื่องจากอาจกระตุ้นการหลุดลอกของเยื่อบุในช่องปาก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ไม่ควรใส่เสื้อผ้ารัดคับ เพื่อลดการถลอกที่ผิวหนัง
- หลีกเลี่ยงแสงแดด และความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ
อีกทั้งนี้ ผู้ป่วยต้องมารักษาต่อเนื่อง มาตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ กินยาต่อเนื่อง อย่าลดหรือเพิ่มยาเอง ดูแลแผลอย่างถูกวิธี จะช่วยให้โรคสงบได้เร็วขึ้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตได้เหมือนคนปกติ ไม่มีรอยโรคใหม่เกิดขึ้น
ในขณะที่ข้อมูลจาก โรงพยาบาลเพชรเวช และ โรงพยาบาลเปาโล กล่าวว่า โรคตุ่มน้ำพอง หรือ เพมฟิกอยด์ ไม่ใช่โรคที่รักษาได้หายในระยะสั้น ต้องมีการรักษาต่อเนื่องยาวนาน ผู้ป่วยมักจะมีตุ่มใสๆ ขึ้นตามร่างกาย และเมื่อแผลแตกจะกลายเป็นแผลถลอก ลักษณะแผลจะเป็นสะเก็ดและเจ็บมาก พบได้ในผู้ป่วยอายุ 50 - 60 ปี
ทั้งนี้บริเวณที่พบโรคตุ่มน้ำพองได้บ่อยคือ หน้าอก หน้าท้อง ศีรษะ หรือบริเวณที่มีการเสียดสี แต่อาจจะมีแผลบริเวณอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ช่องปาก เยื่อบุช่องคลอด ทางเดินหายใจ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในผู้ป่วยหลายคน โรคนี้จะรักษาหาย แต่ในเคสของเมฆ วินัย ที่เป็นโรคนี้แต่เข้าขั้นรุนแรง เมฆมีอาการปวด แสบ คัน บางครั้งถึงขั้นกลืนลำบาก เพราะแผลลามไปถึงคอและกล่องเสียง และหากแผลติดเชื้อจะเป็นหนองและมีกลิ่นเหม็น เมื่อแผลหายก็จะทิ้งรอยดำเอาไว้ ซึ่งในระดับที่รุนแรงนั้นผู้ป่วยจะติดเชื้อในกระแสเลือด มีไข้สูง ระบบต่างๆ ในร่างกายมีปัญหาและเสียชีวิตในที่สุด