"ปู มัณฑนา" เปิดทรัพย์สินตระกูล "หิมะทองคำ" โต้ถังแตก มีเงินในบัญชี 14 บาท

"ปู มัณฑนา" โต้ไม่ได้ถังแตก มีเงินในบัญชี 14 บาท แจงมีทรัพย์สมบัติมีอะไรบ้าง ขอโทษตระกูล "หิมะทองคำ" ที่ทำให้เสื่อมเสีย

เรียกว่าเป็นมหากาพย์ทวงหนี้ เมื่อ ลูกหมี รัศมี และ ลิลลี่ เหงียน ที่เดินหน้าออกรายการทวงหนี้อดีตนางเอกดัง ปู มัณฑนา หิมะทองคำ แถมก่อนหน้านี้ ลิลลี่ ยืนยันว่าเห็นปูมีเงินในบัญชี 14 บาท 

 

ปู มัณฑนา เปิดทรัพย์สินตระกูลหิมะทองคำ โต้ถังแตก มีเงินในบัญชี 14 บาท

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2567  ปู มัณฑนา พร้อมด้วยสามี หาญส์ หิมะทองคำ และนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความ ได้ออกมาเปิดใจขอพูดความจริงเรื่องหนี้สินทั้งหมด พร้อมแจงเรื่องความเข้าใจผิดกับสามี ยืนยันว่าจ่ายหนี้แน่ ไม่ได้ถังแตก


เขาบอกว่าเราถังแตกมีเงิน 14 บาท?

ปู มัณฑนา : ไม่มีค่ะ คือวันนั้นน้องลิลลี่พา ก. มา น้องเขาบอกว่าเขาก็เหงาๆ ปูก็เครียดๆเรื่องที่ดิน แล้วก็มีคนชื่อ ก. มาก็อกหัก ก็มานัดเจอกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่น คือต่างคนต่างมากันวันนั้น คือต่างคนต่างมีปัญหา ก็ได้เล่าว่าพี่ปูมีปัญหาเรื่องที่ดิน น้อง ก. บอกรู้จักอัยการรู้จักศาล ซึ่งสามารถช่วยเหลือได้ แล้วเขาก็พยายามขอเงินพี่ปูในวันนั้น 5 แสน แต่คือพี่ปูเพิ่งรู้จักกัน ก็ไม่อยากให้ ก็เลยโชว์บอกว่า พี่ไม่มีเงิน คือไม่รู้จักกัน อยู่ๆจะมาเอาเงิน 5 แสน 


พี่ปูเลยบอกว่าเราไม่มีเงินจริงๆ แล้ววันนั้นลูกก็โทรมาบอกไม่มีเงินเติมค่าเน็ต เติมเน็ตให้หน่อย แล้วปูก็กำลังคุยกับคนนี้อยู่ คือ ก. น้องลิลลี่เลยบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวโอนให้หลาน แล้ววันรุ่งขึ้นพี่ปูก็โอนคืนเขาเลยนะ ทั้งค่าอาหาร ค่าเน็ตลูกพันกว่าบาท แต่ทำไมเขาไม่บอก 


คือ 2 ปี ไปทานอาหารด้วยกันบ่อยมาก พี่อายุโตสุด ก็เลี้ยงเขาทุกคน แต่ทีเขาเลี้ยงมื้อเดียว เขาเอาไปพูดเหมือนเป็นบุญคุณ วันรุ่งขึ้นพี่ก็เลี้ยงเขานะคะ ก็โอนเงินคืนเขา แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง มีคนติดต่อมาให้เขาไปกินข้าวกับผู้ใหญ่ เขาก็เล่าให้ฟัง บอกให้หนูไปนั่งทานข้าว หรือเขาจะให้หนูไปขายตัว พี่ปูก็ห้ามลิลลี่ ห้ามไปนะ ตอนนี้เราเล่นหนังเป็นนางเอกหลายเรื่อง ห้ามไป วันนั้นไปกินข้าวกัน 4 คน เพื่อนๆ ก็ช่วยกันห้าม ก็บอกว่าห้ามไป ก็รักน้องเอ็นดูน้อง น้องก็ทานข้าวด้วยกันบ่อยเที่ยวด้วยกันบ่อย 

 

ปู มัณฑนา เปิดทรัพย์สินตระกูลหิมะทองคำ โต้ถังแตก มีเงินในบัญชี 14 บาท

ปู มัณฑนา ยืนยันว่าไม่ได้ถังแตก?

ปู มัณฑนา : ไม่ได้ถังแตกค่ะ มีที่ลานจอดรถโรงพยาบาลเทพธารินทร์ มูลค่า 180 ล้าน โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ก็เป็นโรงพยาบาลน้องชายของพ่อพี่หาญส์ เป็นที่ที่พ่อพี่หาญส์ยกให้น้องชาย เป็นเจ้าของโรงพยาบาล แล้วหลังโรงพยาบาลก็มีที่ดินอีก 8 ไร่ อันนี้ก็ทำธุรกิจให้เช่า แล้วก็มีคนเช่าเต็มหมดเลย แล้วก็มีที่ 4 ไร่ ที่ศรีนครินทร์ ฟู้ดแลนด์ศรีนครินทร์เช่าอยู่ แล้วก็มีสวนที่คลอง 13 อันนี้เกือบ 100 ไร่ แล้วก็มีที่ดินที่เชียงใหม่สันกำแพง ที่ดินเยอะมาก ที่บ้านทำอสังหาด้วย ไม่ได้ถังแตกค่ะ และพี่ชายทั้ง 4 คน มีหน้ามีตาในสังคม พี่สะใภ้ก็เป็น CEO หลายบริษัท และพี่ปูก็เป็นสะใภ้ตระกูลหิมะทองคำ ก็ต้องขอโทษ ตระกูลหิมะทองคำ ที่เป็นสะใภ้ทำให้ทุกคนเสื่อมเสียชื่อเสียง (ยกมือไหว้ ร้องไห้) 


ตอนนี้ก็เพิ่งออกจากโรงพยาบาลแล้วก็มาที่นี่ เข้าโรงพยาบาล 5 วัน ตั้งแต่เกิดเรื่องเข้าโรงพยาบาล 6 ครั้ง น้ำหนักลดลง 7 กิโล ก็เครียด กระแสโซเชียลด่าเยอะมาก แล้วทนายเดชาก็ไลฟ์สดด่าทุกวัน ทนายกุ้งก็ด่าทุกวัน (ร้องไห้) ทุกวันนี้ต้องทานยาเป็น 10 เม็ด กว่าจะนอนได้ ต้องมีหมอจิตแพทย์ ตั้งแต่เข้าวงการมา 20 กว่าปี ไม่เคยมีข่าวเสียหาย แล้วมันเป็นเรื่องราวระหว่างเพื่อน ที่มีมิตรภาพดีๆ กลับไปดูรูปเก่า เราไปกินเที่ยว ไปทำบุญด้วยกัน เราหาเงินให้เขา 4 เดือน 6 แสน แล้วเราก็เลี้ยงเขาตลอด บอกว่าเราใช้เงินคืนนึง 3-5 หมื่น เป็นเรื่องจริง เพราะว่าพี่หาญส์ซับพรอต ให้เครดิตการ์ดเราจะรูดจะทำอะไรก็ได้ พี่เขาก็ไม่เคยว่า เราถือว่าเป็นพี่โตสุดก็เลยเลี้ยงเขา แต่ในสิ่งที่น้องทำกับพี่ มันมากเกินไป

 

ปู มัณฑนา เปิดทรัพย์สินตระกูลหิมะทองคำ โต้ถังแตก มีเงินในบัญชี 14 บาท


หาญส์ก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เหมือนกัน เคืองภรรยาไหม?


หาญส์ : พอเกิดเรื่องก็คุยตลอด ถ้าเราจะทะเลาะกัน ก็ไม่เห็นทางอุโมงค์ เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว ก็มานั่งคุยกันดีๆ แล้วเราก็มีครอบครัว มีลูก 3 คน จะมานั่งทะเลาะต่อหน้าลูก หรือถ้าทะเลาะแล้วเรื่องมันหาย ก็อาจจะคิดอีกแง่หนึ่ง แต่ทะเลาะยังไงเรื่องก็ยังไม่หาย แล้วมันก็กระทบกับลูก ผมก็รู้สึกเสียใจ ทำไมต้องเอาลูกของผมเข้ามาตรงนี้ด้วย

ซึ่งคนในครอบครัวเข้าใจ ผมมีพี่ชาย 3 คน หลานก็เข้าใจ บางทีมันเกิดเรื่องได้ ไม่มีชีวิตคนไหนที่ราบรื่น มันต้องมีอุปสรรค พอมีอุปสรรคก็ต้องแก้ไข ไม่ได้ปล่อยเลยเถิดให้เป็นเรื่องใหญ่โต

 

ลูกๆได้รับผลกระทบด้วย?

หาญส์ : ใช่ มีตะโกนออกมาว่า แม่ใช้หนี้หรือยัง ถามว่าจิตใจลูกๆจะคิดยังไง ทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเด็กเลย ก็ยังเรียนอยู่ทั้ง 3 คน


ปู มัณฑนา : อาจารย์ประจำชั้นก็โทรมาค่ะ ว่าลูกไม่ได้เข้าโรงเรียนเลย ไปโรงเรียนแต่ไม่เข้าชั้นเรียน อาจจะไปแอบอยู่ตรงไหน แล้วเขาก็หมดสิทธิ์เรียน รด. ด้วย เพราะไม่กล้าไปรายงานตัว จริงๆปีนี้ต้องขึ้นปี 2 แล้ว ไม่มีสิทธิ์สอบในบางรายวิชาด้วย เพราะเขาไม่เข้าชั้นเรียน