- 08 ก.ย. 2567
"กามิน"ไลฟ์สดเปิดกล่องพัสดุจากไทย ให้ดูกันชัดๆ หลังลือเอาของมีค่ากลับไปเกาหลีด้วย ในกล่องจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
"กามิน" ไลฟ์สดล่าสุดเปิดกล่องพัสดุที่ส่งตามมาทีหลังจากไทย โชว์ของชัดๆ ว่าไม่ได้ขโมยอะไรมาจากบ้าน "แน็ก ชาลี" ตามข่าวลือ ซึ่งเจ้าตัวโชว์ให้เห็นว่ามีแต่ของแฟนคลับเท่านั้นที่ส่งกลับมาประเทศเกาหลี ไม่ได้เป็นทรัพย์สินมีค่าอย่างที่ลือกันก่อนหน้านี้
ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ออกมาไลฟ์ชี้แจงรอบแรกแล้ว ลั่นทิ้งท้ายแล้วความจริงชนะทุกอย่าง ต่อมา "กามิน" ได้โพสต์ข้อความใน Discord อีกว่า
"ฉันปฎิเสธไปหลายครั้งแล้วค่ะ ฉันไม่เคยลืมความรู้สึกขอบคุณต่อความรักที่ทุกคนมอบให้เลยค่ะ ฉันรู้สึกขอบคุณมากและฉันยังได้รู้ถึงความรัก เพราะความรักที่มอบให้ฉันมาเสมอค่ะ เพราะฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจแล้วค่ะ ที่จะปล่อยวางจากทุกอย่างของฉัน และมาที่ประเทศไทยคนเดียวค่ะ"
"ฉันได้ขายของเพื่อคนไทยทุกคน อยู่ที่แห่งนั้นเพื่อคนที่ฉันรัก โดยที่ไม่ไปที่ไหน และพยายามอยู่แต่ที่นั้นทุกวันค่ะ ฉันพยายามอย่างเต็มที่ ทั้งด้านความรักและการปรับตัว และเข้ากับที่นั้นด้วยตัวคนเดียว โดยที่ไม่มีทั้งเพื่อนและครอบครัวค่ะ"
"ฉันได้เผชิญเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วค่ะ ครั้งแรกฉันควรจะเป็นคนที่ต้องได้รับการปกป้อง ฉันได้รับความเจ็บปวดมากมาย แต่ก็ไม่ได้ออกมารับมือหรือตอบโต้ แต่กลับปลอบว่า ไม่มีปัญหาอะไรเพื่อ FC กับใครบางคนที่รู้สึกกังวลใจมากกว่าจะจิตใจตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บค่ะ"
"ถึงหัวใจของฉันจะมีแต่บาดแผลมากมาย แต่ก็แสดงออกมาผ่านการกระทำเพื่อพิสูจน์ให้เห็นค่ะ ตอนที่กลับมาอีกครั้ง ก็ยิ่งพยายามทำอย่างเต็มที่ให้มากยิ่งกว่าเดิม และเมื่อได้เผชิญกับบททดสอบนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวอีกแล้วค่ะ"
"ถึงจะมีงานเข้ามาส่วนตัวไม่ว่าจะทั้งที่เกาหลีหรือที่ไทย แต่ฉันก็ไม่ได้ทำค่ะ ฉันภักดีต่อที่แห่งเดียวและไม่ได้ทรยศค่ะ ตั้งแต่เดือนก.ค. ฉันเริ่มมีงานน้อยลงค่ะ และเดือน ส.ค. ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก แต่ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น ฉันมักจะพูดกับคนที่เป็นห่วงฉันที่อยู่ที่นั้นเสมอค่ะว่า "ฉันไม่ต้องทำงานก็ได้ ไม่ต้องหาเงินก็ได้ จะเป็นระยะเวลาหลายเดือนก็ได้ ฉันไม่เป็นไร เหตุผลที่ฉันอยู่ที่นี่ ตอนนี้ก็เพราะรักเท่านั้น เพราะคนๆ เดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น ฉันรอได้เสมอ"
"ค่ะ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยอมรับว่ามีเรื่องเกิดขึ้น ทำให้ฉันได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ค่ะ เพราะว่าเราเลิกกันค่ะ ฉันคิดเอาไว้แล้วว่ามันมีความเสี่ยงอยู่ แต่ฉันกลับได้รับการวิพาษ์วิจารณ์เพราะเหตุผลอื่นแทนค่ะ ฉันไม่รู้หรอกว่า ต้นเหตุของการวิพากษ์วิจารณ์ฉันนั้นอยู่ที่ไหน แต่ฉันเป็นแรงงานต่างชาติที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ก็มายังประเทศไทยค่ะ ฉันคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้นั้นเป็นการกระทำที่ไม่ดีที่ทำเพื่อจะฆ่าคนๆ หนึ่งค่ะ หลายๆ เรื่องที่พูดเกี่ยวกับฉันนั้นไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องจริงเลยแม้แต่เรื่องเดียว ทุกๆ เรี่องได้รับการดัดแปลงขึ้นมา และเป็นเรื่องเท็จที่ฉันไม่เคยคิดจะทำเลยค่ะ ฉันได้กลายเป็นคนแบบนั้นไปแล้วค่ะ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวันเลยค่ะ"
"ฉันคิดว่าถ้าฉันเป็นคนที่จิตใจอ่อนไหว คงจะไม่สามารถทนต่อสิ่งที่ฉันกำลังเผชิญอยู่ได้แน่ค่ะ ฉันต้องอดทนไปถึงไหนเหรอคะ? ทำไมพวกเขาเหล่านั้นถึงพยายามต้อนฉันสู่ความตายงั้นเหรอคะ ? เพราะอย่างนั้นฉันจึงคิดว่า วันนี้ฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นค่ะ ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากแข็งแกร่งขึ้นเพื่อครอบครัวที่ร้องไห้แทนฉัน และได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ไปด้วยกันค่ะ ทำไมน่ะเหรอคะ ? เพราะฉันทำเต็มที่อย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้เสียใจในภายหลังแล้วค่ะ"
"ทั้งการกระทำและหัวใจ หลายๆ สิ่งที่ฉันต้องปรับตัวคนเดียว ใครเป็นคนพยายามโยนความผิดอันร้ายแรงนี้ให้ฉัน โดยการแพร่ข่าวที่ไม่เป็นความจริงต่อชาวต่างชาติที่มาประเทศไทย ซึ่งไม่ได้ทั้งภาษาและไม่มีคนรู้จักอยู่เลยสักคนเลยกันคะ ?"
"ฉันทำงานก็รับแค่เงินเดือนของงานที่ทำเท่านั้นค่ะ ฉันไม่เคยขอเงินจากใคร และไม่เคยขโมยของด้วยค่ะ พอไลฟ์ขายของเสร็จผู้จัดการของฉันก็มักจะให้ของสำหรับการทดลองใช้ เพื่อฉันอยู่เสมอ ฉันมักจะรับแต่ของที่มีคนให้และถ้ามีของที่ฉันอยากใช้ก็จะขออนุญาตก่อนเสมอค่ะ ฉันขอพิสูจน์ว่าฉันไม่ใช่คนที่กระทำแบบนั้นค่ะ"
"ค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดของฉันในประเทศไทย ก็คือ ค่าอาหารค่ะ ทุกเดือนบริษัทจะหัก 25% จากเงินเดือนของฉันไปเป็นค่าใช้จ่ายของกามินค่ะ (แต่งหน้า ล่าม อาหาร ค่าโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน และอื่นๆ ที่กามินใช้) 25% จะถูกหักออกเป็นค่าใช้จ่ายอัตโนมัติทุกเดือนค่ะ แม้ว่าฉันจะสามารถหักค่าใช้จ่ายในลักษณะนี้ได้ แต่ฉันก็ออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างเกี่ยวกับตัวฉันเอง จ่ายค่าอาหาร และค่าตั๋วเครื่องบินเองแยกต่างหากค่ะ ฉันไม่ได้ใช้เงินของคนอื่นค่ะ"
"ฉันย้ายออกจากโรงแรมมาตั้งแต่เดือน มิถุนายน แล้วอยู่ที่คู้บอนอย่างเดียว และประหยัดออมเงินไปมากค่ะ เพียงแต่ฉันไม่ประหยัดในเรื่องอาหารการกินค่ะ ฉันมักจะสั่งอาหารเพื่อทีมอยู่บ่อยครั้งโดยใช้เงินที่ฉันหามาค่ะ ฉันใช้เงินของฉันในการทำทุกอย่างค่ะ ฉันอยากจะพูดสำหรับคนที่เข้าใจผิดกันอยู่ค่ะ ว่าฉันมาเพราะเงิน และที่แห่งนั้นล้มละลายเพราะฉัน"
"ฉันได้ทำงานร่วมกันและได้รับค่าตอบแทนจากการตั้งใจทำงานค่ะ ฉันพยายามเพื่อจะปฏิบัติและรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายต่อคนที่อยากทำงาน มีคนบอกว่าฉันได้รับเงิน 30 ล้านบาท แต่เรื่องนี้ฉันสามารถพิสูจน์ได้เพราะมีประวัติการโอนเงินเข้าออกอยู่ค่ะ ข่าวลือทุกอย่างเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดค่ะ"
"มีเรื่องให้ต้องแถลงไขเยอะเลยค่ะ คนไทยทุกคนเชื่อข่าวลือพวกนี้และฉันก็ได้รับข้อความว่าร้ายฉันทุกวัน หาว่าฉันเป็นนักต้มตุ๋น ขอพูดอีกครั้งนะคะ ว่าถ้าข่าวลือเป็นเรื่องจริงขอเดินเข้าคุกด้วยเท้าของฉันเองเลยค่ะ เพราะถ้าฟังจากแค่ข่าวลือ ทุกการกระทำของฉันเป็นอาชญากรรมทั้งหมดค่ะ"
"กลับกันในเดือนก.ค. ฉันได้รับโบนัส ค่าคอมมิชชั่นที่ได้รับจากการทำงาน (5 แสนบาท) มาเป็นเงินสด แต่ฉันก็เป็นคนที่เลือกไม่รับและทิ้งไว้ที่นั้นค่ะ ฉันทำถึงขนาดนั้นเพราะหวังว่าที่นั้นจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีก ฉันบอกกับทุกคนเลยว่าฉันไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่อยากให้ที่นั้นเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปเป็นอันดับแรกเสมอ"
"ฉันไม่เคยห้ามเรื่องไปประเทศจีนด้วยค่ะ ฉันไม่ได้ทำงานที่ติดต่อเข้ามาเป็นการส่วนตัวเลยค่ะ ฉันทำแต่งานที่ทำร่วมกันอย่างเดียว การทำงานในที่แห่งนั้นถือเป็นอันดับแรกสำหรับฉัน ฉันไม่เคยทรยศต่อที่นั้นเพื่อพยายามทำงานอย่างอื่นในประเทศไทยเลยค่ะ และไม่เคยเซ็นสัญญาอื่นด้วยค่ะ กลับกันฉันไม่เซ็นสัญญากับเอเยนต์ที่เกาหลีเพื่อจะอยู่ที่คู้บอนด้วยค่ะ"
"แล้วก็มีคนบอกว่าฉันใช้คน 7 คน และล่าม 2 คน ใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองด้วยค่ะ นี่เป็นเรื่องที่ออกมาจากที่ไหนเหรอคะ ? ทางบริษัทได้จ้างล่ามมาก่อนแล้ว ฉันไม่ได้เป็นคนจ้างค่ะ ฉันไม่เคยจ้างใครทำงานเลยค่ะ ตอนแรกที่มาที่คู้บอนฉันตกใจมาก เพราะมีพนักงานอยู่เยอะ"
"นั้นคือทั้งหมดสำหรับวันนี้และหากมีอะไรจะแถลงไขเพิ่มเติมอีกก็จะออกมาโพสต์ในทันทีค่ะ ปกติแล้วฉันเป็นคนที่จะไม่ออกมาตอบโต้เพราะเรื่องเท็จนั้นมันไม่เป็นความจริง และไม่เคยเกิดขึ้น แต่ถ้าไม่ออกมาพูดทุกคนก็จะเชื่อ ก็เลยออกมาเขียนโพสต์ไว้ค่ะ ถ้ามีใครบางคนพยายามทำลายฉันอีก ก็หวังว่าจะรับฟังสิ่งที่ฉันจะเล่าด้วยค่ะ ฉันจะออกมาตอบแต่ความจริงต่อสาธารณชนทุกคนทุกครั้งที่เกิดเรื่องขึ้นค่ะ ขอบคุณ"