- 03 ธ.ค. 2567
"เอ พศิน" เคลียร์ชัดสถานะที่แท้จริง "เจนี่" เล่าเส้นทางความสนิท นางเอกไดเร็กต์มาหา ย้ำไม่ได้อกหัก เชื่อข่าวลือหลุดมากจากคนใกล้ตัว หวังผลอะไรบางอย่าง
จากกรณีที่ 3 นักแสดงดัง เอ พศิน , เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ และ อั้ม อธิชาติ ถูกโยงข่าวเม้าท์ เจ้าพ่อนาคาอกหัก จากนางเอกซุปตาร์สายมูที่เลิกสามี ซุ่มคบกันแต่ไปไม่รอด ฝ่ายชายตามง้อไม่เป็นผล เพราะนางเอกหันไปคบพระเอกกล้ามปูที่เริ่มเดินทางสายมูเช่นกัน ก่อนที่ทาง เอ พศิน จะออกมาร่ายยาวชี้แจงดราม่าตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2567 เอ พศิน ได้มาร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง "The Seed คู่หูก้องโลก" ซึ่งเจ้าตัวเป็นหนึ่งในนักแสดงนำ พร้อมเปิดใจถึงกระแสข่าวเม้าท์กล่าว โดยระบุว่า
เรื่องนี้มันโยงมาถึงเราโดยที่ไม่ใช่แบบตัวย่อแล้ว มันคือการไดเร็กต์ถึงเราเลย ผมขออนุญาตเล่าถึงว่าที่เพื่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้เป็นเพื่อนกันเลย คือ 2 ท่านนี้ (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ-อั้ม อธิชาติ) เขามีความศรัทธาในปู่พญานาคมานานแล้ว อย่างเจนี่ผมทราบจากลูกน้องเขาว่าไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่กินไข่ ไม่กินนม ทุกอย่างที่เขาทำเพื่อถวายปู่พญานาค เขาเคยรถคว่ำแล้วรอดเพราะนึกถึงปู่พญานาค
ทีนี้ถามว่าทำไมถึงรู้จักัน เพราะว่า 12 ปีก่อนเคยเล่นละครด้วยกันเขาศรัทธาพญานาคและผ่านชีวิตมาหนักพอสมควร สิ่งที่เขาแสดงออกในโซเชียล ดูเป็นคนเฟียส แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนอ่อนไหวมาก เขามีความศรัทธาหลวงปู่ศิลา ส่งจิตไปหาหลวงปู่ศิลาและได้พบกับหลวงปู่ศิลาเป็นการส่วนตัว หลวงปู่ศิลาท่านก็บอกว่าให้สร้างเหรียญ พญานาค 5 พระองค์ ซึ่งคนที่เขาเป็นแบรนด์แอมบาสเตอร์ เจนี่ไม่สามารถลงอะไรที่เกี่ยวข้องกับสายมูได้เลยเพราะมันขัดกับภาพลักษณ์ เจนี่ก็ไดเร็กต์มาหาผม ก็เลยโทรคุยกันแล้วเจนี่เห็นคลิปที่หลวงปู่ศิลาบอกว่าผมเป็นพญานาคขอม ซึ่งผมไม่รู้ว่าหลวงปู่ศิลาบอกอะไรกับเขา ทุกวันที่คุยกันก็จะเป็นในเรื่องของการสร้างเหรียญพญานาค 5 พระองค์ เจนี่กตัญญูมาก ผมทราบมาจากพนักงานของเขาว่าเขาต้องการเพียงแค่กอดจากแม่
คนมองว่าผมอกหัก ผมอกหักตลอดเลย แต่ไม่ได้อกหักจากเจนี่ เพราะผมไม่ได้คาดหวังในความสัมพันธ์ ผมคิดว่าผมเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป ผมว่าเรื่องความสัมพันธ์ที่มันหลุด หลุดจากคนใกล้ตัว เรื่องจะมีแค่เจนี่ เลขา และน้องๆในบริษัทรู้หมด แต่น้องๆในบริษัทของผมไม่รู้ เพราะผมสัญญาว่าจะไม่บอก แต่การที่เจนี่ไว้ใจใครมากๆเขาก็จะบอกเพื่อเป็นพยานว่าจะทำสิ่งนี้ แล้วพอมันหลุดไปก็เหมือนเพื่อนหวงเพื่อน ลูกน้องหวงเจ้านาย ซึ่งตรงนี้ผมเข้าใจ แต่ผมไม่รู้ว่าข่าวมันหลุดออกมาในลักษณะไหน
สรุปแล้วจีบกันไหม ผมยังไม่เคยพยายาม มันคือการทำงานมันจีบไม่ได้ เขาเพิ่งแถลงข่าวไป มันควรจะผ่านเวลาไปประมาณปีนึง ผมถึงจะเริ่ม ซึ่งพอถึงตรงนั้นผมอาจจะหมดพลังไปแล้วก็ได้ เพราะเราเห็นธรรมชาติของความเป็นผู้นำของเขา ซึ่งผมว่าผู้ชายที่จะอยู่ตรงนี้ได้ต้องมีความแกร่งมากๆและต้องรักมากๆ ไม่ได้คิดจะจีบ แต่การที่เราจะทำงานกับเขาเราต้องนับถือเขา ผมนับถือในความอดทนของเขา การแสดงออกซึ่งมันตรงข้ามกับ ตัวตนของเขามาตลอด
ตั้งแต่มีข่าวออกมาก็ยังไม่เคยคุยกับเขาครับ ถึงผมจะเป็นนักแสดงสมทบผมมองเขา รุ่นน้องเราไม่ได้มองว่าเขาป็นซุปเปอร์สตาร์ ไม่ได้มองเขาที่ความสำเร็จ เพราะฉะนั้น ความห่วงใยมันก็คือพี่ชาย ระยะเวลาที่รู้จักกันประมาณ 3 เดือนครับ เป็นช่วงโปรเจคของการทำเหรียญ แต่ถ้าเป็นสเต็ปของการที่จะก้าวไปทำรายการผมบอกไว้ตรงนี้เลยว่าคนที่ห่วงใยและทำให้เกิดข่าวนี้ขึ้นมา ผมก็จะขออนุญาตไม่ยุ่งด้วย อย่างวันนึงผมเจนี่ อั้ม มานั่งแถลงข่าวมันก็จะเป็นการการใช้สื่อ เพื่อทำเป็นไวรัลให้คนสนใจ ด้วยความที่ผมเป็นสื่อมวลชนเหมือนกันผมขอไม่ร่วมด้วยดีกว่า
เรื่องอั้มผมไม่รู้เหมือนกัน เขาก็อาจจะสนิทกัน มากจริงๆถึงขั้นข้ามเพศสภาพ บางทีอาจจะมองไปแล้วมันมีอะไรเกินเลยไปหรือเปล่าเพราะเราไม่ใช่เขา เราไปตัดสินไม่ได้ ถามว่ารู้สึกดีไหมผมรู้สึกดีกับเขาตั้งแต่เล่นละครด้วย 12 ปีก่อน และทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกดีและนับถือ มันเป็นความนับถือที่ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเก่งขนาดนี้ แต่ว่าโลกไม่รู้เลยว่ะ วันนี้ผมออกมาบอกว่าเขาเป็นคนมีคุณค่าและมีความกตัญญู เขาทำทุกอย่างที่ พ่อแม่ทำได้โดยที่ไม่ออกมาบอกใครตลอด 6 ปี
มีความรู้สึกเกินเลยไหมในฐานะผู้ชาย มันพร้อมจะเกินเลยถ้าเขา มีการตอบรับ แต่นี่มันไม่มี เขาเห็นเราเป็นพี่ชาย และเราก็ให้เกียรติกันคำว่าให้เกียรติกัน มันสำคัญมากในทุกความสัมพันธ์ เขาไม่ได้ปฏิเสธเรา แต่ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา อย่างที่บอกมันต้องใช้เวลาเพราะว่าเราทั้งสองคนก็มีลูก
ถามว่าตอนนี้สนิทกันไหม คือเราไม่เคยสนิทกันเลย เขาเป็นคนระวังตัวมากแม้แต่ไลน์ เขาก็ไม่ใช้รูปและมีการเปลี่ยนชื่อ คุยกันเป็นเพื่อนเพื่อทำงาน ผมยึดเขาเป็นต้นแบบในการประสบความสำเร็จ เค้าก็แนะนำให้ผมนั่งสมาธิ ผู้หญิงคนนี้ใจเพชร อย่างวันนี้ถ้าสื่ มาแตะต้องเรื่องราวนี้ ก็ถือว่าผมต้องออกมาจากวงจรชีวิตของเขาเพื่อ ความสงบอย่างน้อย เพื่อลูกกลับมาฟังสัมภาษณ์นี้แล้วจะได้ไม่งงและเข้าใจว่าแม่รักเขามากแค่ไหน
(ถอยออกมาแล้วไหม) ถอยออกมาแล้วครับตอนนี้ผมอยู่ที่ที่เดิม อนาคตถ้ามีโอกาสร่วมงานผมไม่ติดสามารถเจอกันได้ แต่ถ้าข่าวที่ มันออกมาเป็นแบบนี้เพื่อที่จะเป็นการโปรโมทอะไรบางอย่าง แล้วใช้ผมเป็นเครื่องมือผมขอเชิญไปโหนกระแส ผมไม่ยอมเหมือนกัน ผมคิดว่าการที่เอาชีวิตคนคนนึงมา โปรโมทอะไรบางอย่าง ที่คุณทำร่วมกันผมว่ามันไม่โอเค เพราะผมไม่รู้เบื้องหลังทุกอย่างมันมีเบื้องหลังหมด
ผมเชื่อว่าสื่อที่เอาลง เค้าคงรู้สึกอยากให้มันเคลียร์ แต่ผมว่าข่าวแบบนี้มันรุนแรงและไม่เป็นธรรมกับเขาเลย ซึ่งผมเห็นตัวตนของเขาทั้งสองคนผมมองว่ามันน่ารัก ผมก็เลยต้องออกมาพูด ไม่ได้จีบแต่ที่บอกว่าถอยคือลูกของเราทำกิจกรรมอะไรด้วยกันอาจจะไม่มีแล้ว เพราะมันทำให้คนเข้าใจผิด
จุดยืนของเราต่างกันผมอยู่กับความจริงอยู่กับความเปลี่ยนแปลง คนคนนึงที่เขามีความสุขอยู่กับความเพอร์เฟค ในเรื่องของวิถีชีวิตมาตลอดแล้ว ภาพที่ออกมามันต้องสมบูรณ์แบบเพื่อที่จะทำงานกับต่างประเทศได้ เขาไม่สามารถแสดงออกทางอารมณ์และความคิดได้อย่างเรา ซึ่งตรงนี้ถ้าเราเข้าไปแทรกแซง มันก็ไม่ใช่เขามีคุณค่าเพราะเขาเป็นเขา แต่ที่เรานับถือเขาเพราะเขามีความไม่สมบูรณ์แบบหลายหลายอย่าง ที่คล้ายเราเท่านั้นเอง