- 19 ธ.ค. 2567
อัยการ ฯ สั่งฟ้อง เชน ธนา คดีฉ้อโกง ด้านเจ้าตัว เผยยังมีโอกาสได้ชี้แจง ขณะที่ภรรยาส่งใบรับรองแพทย์ ไม่ได้เดินทางเข้ารับฟังคำสั่งอัยการวันนี้
วันที่ 19 ธันวาคม 2567 นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือ เชน ธนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด อดีตนักร้องชื่อดัง อายุ 37 ปี ผู้ต้องหา ความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงบริษัทไทยยินตัน ความเสียหายกว่า 79 ล้านบาท เดินทางมายัง สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 4 (พระนครใต้) เพื่อฟังคำสั่งฟ้องหลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นขอเลื่อนไป
โดย เชน ธนา เดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัว เพียงคนเดียว โดยภรรยา นางสาวกาลย์กัลยา ภูโชคอนันต์ ภรรยา ไม่ได้เดินทางมาด้วย เรื่องจากภรรยามีอาการป่วยกระทันหันจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
เชน ธนา บอกสั้นๆ ก่อนที่จะเข้าไปฟังคำสั่งอัยการว่า วันนี้ตนไม่ได้เครียดอะไร และภรรยาไม่ได้เดินทางมาเพราะป่วยเข้าโรงพยาบาล ซึ่งตนเองมาทำตามขั้นตอน และตนเองที่ผ่านมาตนพยายามร้องเรียนตลอดตั้งแต่ที่กองปราบปราม ว่าเรายังไม่ได้รับการสอบสวนเลย หรือชี้แจงข้อมูลทางฝั่งของตนเองเลย มีการไปร้แงทางฝั่งอัยการด้วย ซึ่งยืนยันว่าตนเองทำหน้าที่ตามสิทธิ์ของประชาชนคนหนึ่งอย่างเต็มที่จนนาทีสุดท้าย และเชื่อในความยุติธรรมของศาล
โดยคดีดังกล่าวที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ยื่นคำร้องพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องในคดีที่มีการกล่าวหาบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด โดย นายธนาตรัยฉัตร ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ / นายธนาตรัยฉัตร และ นางสาวกาลย์กัลยา ภูโชคอนันต์ ผู้ต้องหาที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงบริษัทไทยยินตัน ความเสียหายกว่า 79 ล้านบาท
จากนั้นอัยการได้สั่งฟ้อง เชน ธนา ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงบริษัทไทยยินตัน ความเสียหายกว่า 79 ล้านบาท
ต่อมา หลังจากที่ เชน ธนา ได้ไปฟังคำสั่งของอัยการ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็ได้มาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่อ
เชน ธนา บอกว่า วันนี้ตัวเองก็ใช้สิทธิ์ของประชาชนคนไทยมาตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา และพยายามตั้งคำถามว่า ข้อหาฉ้อโกง ตัวเองและบริษัท ฉ้อโกงในรายละเอียดเรื่องอะไร จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ทราบในรายละเอียด ที่ผ่านมาตนได้พยายามขอความเป็นธรรม มาที่ สำนักอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีศาลแขวง 4 ต่อ อัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ขอให้มีการสอบสวนตนเพิ่มเติม เพราะตนมีความมั่นใจว่า ไม่ได้มีเจตนาจะฉ้อโกง สินค้าก็ไม่ได้ขาย แม้จะยอมขายขาดทุน ตัวเองก็ไม่เคยทำ ซึ่งมันเป็นเพียงการบริหารตามขั้นตอนของบริษัทเมื่อสินค้าหมดอายุ ก็จะตีราคาตามอายุต่ำกว่ากึ่งหนึ่ง แต่ทั้งหมด ก็เป็นเพียงการคาดเดา เพราะยังไม่ได้รับการติดต่อเพื่อให้ไปชี้แจงหรือสอบถามเพิ่มเติมเลย
วันนี้ยินดีที่จะเดินทางมาตามขั้นตอน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้เดินทางไปร้องต่ออัยการสูงสุด ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับกลับมา แม้แต่การให้สืบสวนเพิ่มเติม แต่ความเข้าใจของตน ไม่ว่าจะมีอัยการสูงสุด กองอัยการหรืออัยการฝ่าย หรืออัยการเจ้าของคดี ก็น่าจะมีการเรียกสอบตนเพิ่มบ้าง จนกระทั่งวันนี้ที่ได้รับการสั่งฟ้อง ตนเองก็เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของศาล
ส่วนก่อนหน้านี้ ได้มีการพูดคุยกับทางฝั่งคู่กรณีบ้างหรือไม่นั้น ตนยังไม่ได้พูดคุยเลย เนื่องจาก วันนี้เรามาในฐานะบริษัท จึงมองว่าเป็นเรื่องของสินค้าไม่ตรงกับสัญญา ตามที่ก่อนหน้านี้ ตอนปี พ.ศ.2564 ที่ มีปัญหาเรื่องต้นทุนการซื้อคืน ก็ได้ชำระหนี้ไปส่วนใหญ่แล้ว ดังนั้น วันนี้ ทางคู่กรณีจะมีเพียงผู้ค้าปกติ ไม่มีผู้เสียหาย
ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันส่งผลกระทบต่อบริษัทและการขายสินค้า ซึ่งไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้ แต่ก็เข้าใจทุกอย่าง ซึ่งให้มันเป็นไปตามขั้นตอน ตนเองก็แสดงความบริสุทธิ์ใจ ด้วยการลดการออกหน้าจอทีวี แต่ในโซเชี่ยล ตนก็ไปฝึกไลฟ์ เพราะว่า ตนเองมีพนักงานที่ร่วมรับผิดชอบกว่า 100 ชีวิต ซึ่งก็เข้าใจทางฝั่งของคู่กรณี ที่ได้รับความเสียหาย ตนก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน ในฐานะเจ้าของบริษัทก็ต้องประคองธุรกิจให้อยู่รอด
ทั้งนี้ ส่วนอาการของภรรยา โดยปกติแล้ว ทางครอบครัว ก็มีภาวะวิตกตั้งแต่เกิดเรื่อง ซึ่งก็ได้รับบทเรียนในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของการบริหาร ตนก็ต้องประคองร่างกายมาโดยตลอด จะเห็นได้จากเสียงที่ยังไม่ปกติ ขณะที่ภรรยามีความเครียดมาก ประกอบกับภูมิของร่างกายตก เมื่อเช้าอาเจียนไป คล้ายกับอาหารเป็นพิษ จึงจำเป็นต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล เบื้องต้น ตามใบรับรองแพทย์ เป็นระยะเวลา 3 คืน แต่ตัวเอง ก็มีความตั้งใจที่จะเดินทางมาในวันนี้ ยืนยันไม่มีเจตนาหลบหนี ต้องการจะมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ วันนี้ตนก็นำใบรับรองแพทย์ของภรรยามายื่นต่ออัยการด้วย แต่ยังไม่ทราบในรายละเอียดว่าจะพิจารณาอย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
อย่างไรก็ตาม เรื่องของหลักทรัพย์ในการประกันตัว ได้มีการเตรียมมาบ้าง แต่ไม่ขอระบุ ว่าเป็นโฉนดที่ดินทรัพย์สิน หรือ เงินสด