เบ่งจนโลกดับ "นักร้องดัง" เผยประสบการณ์ คลอดธรรมชาติ แบบไม่บล็อกหลัง

"แพทวงเคลียร์" บันทึกประสบการณ์คลอดธรรมชาติแบบไม่บล็อกหลัง ประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต ถึงขั้น หูตาดับ มืดสนิท

"แพทวงเคลียร์" ที่ล่าสุดนั้น ได้ออกมาโพสต์ข้อความ บันทึกประสบการณ์คลอดธรรมชาติแบบไม่บล็อกหลัง โดยระบุผ่านเฟซบุ๊ก Patklear ระบุว่า

บันทึกประสบการณ์คลอดธรรมชาติแบบไม่บล็อกหลัง

แพทอยากจะลงรายละเอียดไว้มากที่สุด กับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิตในครั้งนี้

ที่แพทแพลนคลอดธรรมชาติเพราะเชื่อในระบบการออกแบบของธรรมชาติ ว่าสร้างสิ่งใดมาแบบไหนมันคือดีที่สุดแล้วของสิ่งนั้น ร่างกายมนุษย์เรามหัศจรรย์ วิธีธรรมชาติไม่มีทางเป็นอันตรายทั้งระยะสั้นและระยะยาว ที่สำคัญคือฟื้นตัวเร็วที่สุดแน่นอน

ตัดสินใจจากทฤษฎี พอปฏิบัติจริงอิแม่เกือบตุย

"นักร้องดัง" เผยประสบการณ์ คลอดธรรมชาติ แบบไม่บล็อกหลัง เจ็บแค่ไหนมีคำตอบ

เช้ามืดวันปีใหม่ 1 ม.ค. 68 ที่ 39 วีค 6 วัน เวลา 4:18 ปวดบีบท้องและหน่วงลงช่วงล่าง เป็นลูปทุก 8-10 นาที ติดต่อกันไม่หยุด ชม.กว่า สะกิดชิฟว่าปวดละแต่เดี๋ยว monitor ต่ออีกชม.นึง นอนภาวนาลมหายใจ ride the waves ไปพร้อมๆกับมือพิมพ์จด tracking waves มาเรื่อยๆ จนชม.นิดๆ อยู่ๆรู้สึกข้างในตัวมีเสียงกรึก!!แล้วปวดเหมือนเมนมา เลยวิ่งเข้าห้องน้ำ ก็เห็นมีมูกเลือดเอาละ คราวนี้ของจริงแน่ หายใจลึกๆรวมสติแล้วเดินไปปลุกชิฟว่า “ปะ ไปรพ.กัน” โทรไปรพ.แจ้งอาการ เสียงปลายสายตอบมาว่า ”คุณแม่มารพ.ตรงฉุกเฉินเลยค่ะ“

โทรปลุกให้ตื่นทั้งบ้าน ทั้งแม่ ป้าอ้วน ให้อาบน้ำแต่งตัวแล้วตามไปรพ. ระหว่างนั่งรถ ก็ปวดถี่หนักเบาสลับไปเรื่อยๆ หายใจโยคะพิลาทิสตามที่ฝึกมา ช่วยได้บ้างให้ร่างกายไม่เกร็ง 6:40 ถึงรพ.เข้าจอดที่ ER เค้าจะให้นั่งรถเข็นทางนี้ยังคีพคูลบ้าพลังขอเดินเองค่ะ

ขึ้นไปรอที่ห้อง Labour/Delivery Room เพิ่งรู้ตอนจะคลอดจริงว่า นี่ไม่ใช่แค่ห้องพักรอ เราทำคลอดที่ห้องนี้เลย เปลี่ยนชุดขึ้นเตียง บรรยากาศห้องวิวแม่น้ำสวยงามทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้างในจังหวะวินาทีที่การปวดสลับมาผ่อนลง อยู่กับแม่และชิฟ คุณหมอเวรมาตรวจปากมดลูก (ซึ่งการตรวจเจ็บมาก ) บอกว่าปากมดลูกบางแล้วรออีกแป้ป ( ปากมดลูกจะค่อยๆเปิดไปพร้อมกับการปวดที่เพิ่มขึ้น จาก 1 ไป 2 3 4.. และควรจะเปิด 8-10 ซม จึงจะพร้อมคลอดซึ่งการปวดก็จะพีคตามเพื่อให้คุณแม่มีลมเบ่ง)

นอนปวดรอปากมดลูดเปิดไป ปวดถี่มากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับได้ยินเสียง monitor หัวใจลูกไปด้วย ซักแปปคุณหมอบุญชัยเข้ามา แซวว่า “ลูกเลือกวันฤกษ์ดีมาเลยนะ” คุณหมอตรวจปากมดลูกอีกรอบ เปิด 2 ซม. รอบปวดหนักขึ้นๆ ได้ยาลดปวดไปตอน 8:30 หมอบอกซักพักปวดมันจะทะลุยานะตอนนี้ถ้าง่วงๆให้งีบเอาแรงเลย ก็ได้หลับไปหนึ่งงีบจริงๆ

"นักร้องดัง" เผยประสบการณ์ คลอดธรรมชาติ แบบไม่บล็อกหลัง เจ็บแค่ไหนมีคำตอบ

ซักพัก 10 โมงกว่า มันปวดถี่ขึ้นทะลุยาจริงๆ ปวดจนตื่น พยาบาลตรวจอีกที เปิด 4 ซม ซักพักรู้สึกเหมือนมีฉี่ที่กลั้นไม่ได้ไหลออกมา จำได้เลยว่าอ่อนี่แหละถุงน้ำคร่ำแตกแน่นอน จำได้คุ้นๆว่าหมอให้ยาเร่งคลอดช่วงนี้ และหมอบอกว่ามันจะปวดทะลุยาลดปวดไปอีกระดับนะ เผื่ออยากเปลี่ยนใจบล้อคหลัง เราก็บอกว่าตอนนี้พอไหวค่ะ (ตอนนี้มาคิดทำไมฉันห้าวแบบนั้นนะ )

ผ่านไปเกือบเที่ยง เริ่มปวดมากทนไม่ไหวปวดหนักมากหายใจภาวนา ride the waves ยากขึ้นทุกลมหายใจ รู้สึกพร้อมยอมแพ้ give up การทนปวด ขอปรึกษาพยาบาลเรื่องบล้อคหลัง พยาบาลตรวจปากมดลูก น้องพยาบาลบอกว่า ”พี่แพทเปิด 7 ซมแล้วตอนนี้ พี่ลุยเลยค่ะหนูว่าพี่ไหว“ หันไปมองหน้ากับชิฟ บอกชิฟว่าไม่ไหวแน่เลย ชิฟพยักหน้าน้ำตาคลอๆบอกว่า “หมีเชื่อว่าจ้มไหว” เราก็ตัดสินใจเอาวะ บล้อคตอนนี้ยาก็อาจจะเดินไม่ทันอยู่ดี เพราะจาก 4 มา 6 มา 7 ค่อนข้างเร็ว ทุกคนว่าไหวเราก็คงไหว ทั้งๆที่ในใจไม่รู้เลยจริงๆว่าจะไหวยังไงมันปวดมากๆแล้ว แล้วตอน 8-9-10 มันจะไหวยังไง ขอยาลดปวดเพิ่มอีกโดส หมอบอกให้ได้แต่ต้องระวังยาไปกดการหายใจลูกด้วย แค่ไหนก็เอาค่ะหมอ

หมอล้วงตรวจเชคขนาดอุ้งเชิงกรานบอกว่าเฉียดฉิวกับขนาดหัวเด็ก “เดี๋ยวเราลองดูกันก่อนละกันนะ” ค่ะหมอ…

"นักร้องดัง" เผยประสบการณ์ คลอดธรรมชาติ แบบไม่บล็อกหลัง เจ็บแค่ไหนมีคำตอบ

ซักเกือบบ่ายโมง พอปากมดลูดเปิดได้ที่ ปวดจนตามึนตาลายหมอเริ่มให้พี่ๆน้องๆพยาบาลมาซ้อมเบ่ง แม่กับชิฟไปหลบอยู่ในมุมม่านที่โซฟา ใช้พยาบาล 4 คนมารุมๆช่วยเรา เริ่มด้วยสอนการหายใจและการเบ่ง

1. หายใจเข้าลึก

2. กลั้น

3. เบ่งให้ได้ 10 วินาทีในการกลั้น

แต่ละรอบการเบ่งจะทำ “เข้ากลั้นเบ่ง” นี้ประมาณ 3-4 รอบตามที่แม่ไหว

”เข้า กลั้น เบ่ง อื้ออออออ….“ (อื้อออ นี่คือเสียงพยาบาลสาว 4 คนที่รวมพลังประสานเสียงช่วยแบบเพื่อนหญิงพลังหญิงสุดๆ)

อย่าส่งเสียงกรี้ด เพราะจะเสียพลังงานในการแหกปากและเปลืองแรงเบ่ง ของแพทคือพยายามกลั้นเสียงไว้แล้วเบ่ง นับ 1-10 ค่อยปล่อยกรี้ดเบาๆตอนลมพ่นออก

ส่วนท่าเบ่งนั้น ขอไม่บันทึกไว้ละเอียดแล้วกัน เล่าสั้นๆว่าเหมือนเป็นการนอนดึงโหนขาตัวเองเบ่งอึ๊ก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิต (อึ๊ขนาด 8 ซม) อึ๊ที่ปวดเบ่งแล้วไม่ออกในทีเดียว อึ๊คาก้น เบ่งและปวดต่อเนื่องไปยาวนานจนกว่าจะพรวด

“การซ้อมเบ่ง” นอกจากเป็นการสอนวิธีเบ่งแล้ว มันคือการค่อยๆขยับลูกจากปากมดลูกให้หัวเค้าเคลื่อนกระดึ๊บๆลงมาในอุ้งเชิงกรานทีละนิดๆจนมาถึงปากช่องคลอด ซึ่งการซ้อมเบ่งแต่ละครั้งก็ปวดไม่น้อยกว่าคลอดจริงเลย กว่าจะลงมาได้ทีละ มิลสองมิล แต่ละเบ่งเกือบขาดใจ เพิ่งเกทว่า ”ลมเบ่ง“ ที่เค้าบอกกันมันคือยังไง มันเป็นลมที่ดันจากข้างในพร้อมการบีบออโต้เหมือนตอนเราปวดเบ่งอึ แล้วมาเป็นระลอกๆ เราก็เบ่งตามรอบลมเบ่งที่มา

พยาบาล 1 ประจำที่หว่างขาคอยเคลียร์ทางออก พยาบาล 2-3 ช่วยดันขาแม่ส่งแรงเบ่ง พยาบาล 4 มากดท้องด้านบนเหมือนช่วยดันขาดันก้นเด็กลงไป ผ่านไปซักแป้ปกับการซ้อมเบ่ง พยาบาลบอกว่า “หัวน้องลงไม่ได้น่าจะติด bladder full หัวใจน้องเต้นช้าลงแล้วค่ะ คุณแม่ต้องฉี่เดี๋ยวนี้ค่ะ!” เอากระโถนมาให้นอนฉี่ แต่มันปวดคลอดมากฉี่ไม่ออก วินาทีนั้นใจจะขาดเพราะเราก็ได้ยินเสียงหัวใจลูกช้าลงๆๆๆ พยาบาลไม่รอช้าจับสวนปัสสาวะทันที “คุณแม่แสบหน่อยนะคะ”

ซ้อมเบ่งไปทั้งหมดน่าจะประมาณ 8-9 รอบมั้ง รวมพักครึ่ง 1 รอบ สติก็ไม่ค่อยมีแล้วตอนนั้น รอบสุดท้ายได้ยินพยาบาลพูด “หัวน้องลงแล้วตามคุณหมอเลย“ ตามด้วยบอกเรา “เห็นผมน้องแล้วค่ะคุณแม่”

"นักร้องดัง" เผยประสบการณ์ คลอดธรรมชาติ แบบไม่บล็อกหลัง เจ็บแค่ไหนมีคำตอบ

คุณหมอบุญชัยที่แสตนบายอยู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว หมอหันไปบอกชิฟว่า “คุณพ่อใส่ชุดเลยครับ” ชิฟมาอยู่ข้างๆหัวแพท หมอเดินเข้าประจำที่ หมอดูนิ่งสงบมาก จังหวะนั้นรู้สึกเลยว่าฝากชีวิตเราและลูกไว้ที่หมอได้ อะไรจะเกิดหมอจะพาเรารอดแน่นอน ฟังหมอทำตามหมอพูดอย่างเดียว ความปวดขึ้นขีดสุดทะลุสุดไปเรื่อยๆจนสติเลือนรางแล้วจุดนั้น ได้แต่หลับตาเอาโฟกัสเข้ากลางแล้วทำตามเสียงที่ได้ยิน เข้ากลั้น เบ่ง! น่าจะประมาณรอบที่ 4 ที่เบ่งจนเหมือนโลกดับไปเลย มืดสนิทเหมือนตาย หูดับตาดับไปหมด จังหวะนั้นคิดเลยว่าหมดแล้วไม่ไหวสุดใจที่ลมนี้ ไม่ออกก็คงตายไปเลย

ทันใดนั้นหมอก็ announce ว่า “คลอด!”

ลืมตามาเห็นสิ่งมีชีวิตน้อยๆตัวเทาๆเปื้อนเลือดๆในมือหมอ ไอแค่กออกมาหนึ่งที แล้วหมอก็วางกึ่งโยนลงบนผ้าพลาสติกที่กางหว่างขา moment นั้นบอกตามตรงว่าแพทมองแล้วงง นี่ตัวอะไร จังหวะนั้น surreal มากเหมือนเอเลี่ยนแลนดิ้ง ด้วยความมึนจากการคลอด นี่ลูกเราหรอ? นี่คือเจ้าตัวที่ดิ้นอยู่ในท้องเรามา 9 เดือนหรอ? นี่ฉันเป็นแม่คนแล้วจริงๆหรอ? หลายล้านความรู้สึกปะปน ความปวดหายไป พยาบาลเอาลูกไปเช็ดตัว (แพทขอ skin to skin ไปแต่ลูก oxygen ต่ำนิดหน่อยเค้าเลยไม่ได้ให้ทำ + ขอไม่อาบน้ำลูก 24 hr เพื่อเก็บ vernix ไว้ก่อน)

หลังคลอด ก็จะมีการคลอดรกและเย็บทำแผลต่อ เย็บจากที่หมอกรีดเปิดช่วยให้หัวลูกออกได้ ซึ่งเย็บสดและฉีดยาชาเอา เพราะไม่ได้บล้อคหลังอิฉันก็รู้สึกจี้ดๆๆจึกๆๆไปตลอดการถ่ายภาพแรกกับลูก ใช่ค่ะ ภาพที่ลงข่าวนั้น ภายในหน้ายิ้มของฉันคุณหมอกำลังเย็บอยู่และฉันก็เจ็บจึ้กๆตลอด

จบบันทึกโดยละเอียด แพทขอยืนยันว่าคลอดธรรมชาติฟื้นตัวเร็วจริง หลังคลอดเสร็จ 2-3 ชม. แพทลุกเดินได้กินอะไรต่างๆได้ปกติเลย มีตึงแผลกับริซซี่อักเสบ และปวดเนื้อตัวจากตอนเบ่งคลอด ซึ่งก็เป็นอาการปกติของร่างกายที่ต้อง recover ไป และตอนนี้วันที่ได้นั่งเขียนบันทึก ผ่านมา 7 วันครบวีคพอดี ร่างกายดีเกือบเป็นปกติเลยเดินขึ้นบันไดทำนั่นนี่ทั้งวัน (เว้นการเพลียจากการให้นม ปั้มนม และนอนไม่ค่อยพอ )

"นักร้องดัง" เผยประสบการณ์ คลอดธรรมชาติ แบบไม่บล็อกหลัง เจ็บแค่ไหนมีคำตอบ

สุดท้ายแล้ว ใครเลือกจะคลอดธรรมชาติ ใช้ยาลดปวด ไม่ใช้ยาลดปวด หรือบล้อคหลัง หรือ ใครจะผ่าคลอด มันก็เป็นสิทธิการเลือกส่วนตัวของคุณแม่(และคุณพ่อ)ทุกคน แบบไหนเหมาะกับเรา เหมาะกับร่างกายเรา เหมาะกับเป้าหมายเรา อยากหายเร็วฟื้นตัวเร็ว หรืออยากไม่เจ็บตอนคลอด ก็เลือกเอาตามสะดวกเรา หาข้อมูลให้ครบถามความเห็นความรู้จากคนที่เราเชื่อในความคิดและ lifestyle เค้า แล้วเราคือคนตัดสินใจค่ะ เรารู้ดีที่สุดว่าเราต้องการอะไร สิ่งไหนคือดีที่สุดสำหรับเรา

ที่สำคัญคือ จับมือกับคนข้างๆให้มั่น ไม่ว่าข้างๆจะคือสามี หรือ ครอบครัว หรือ เพื่อนสนิท จับมือกันไว้แน่นๆตลอดเส้นทาง นับตั้งแต่วันที่ท้อง จนวันคลอด และจับมือกันให้มั่นเพื่อเริ่มเดินทางต่อในบทต่อไปกับชีวิตใหม่ energy ใหม่ในบ้าน ไม่ว่าเส้นทางจากนี้จะเป็นยังไง มันรู้สึกได้ว่า การผจญภัยของชีวิตจริงๆได้เริ่มต้นแล้ว Life surely starts at 40.

ขอบคุณเป็นพิเศษกับความรักความเข้าใจใส่ใจอ่อนโยนเข้มแข็งเป็นที่มั่นเป็นบ้านของหัวใจในทุกวันทุกนาที จ้มผ่านมันไม่ได้แน่นอนถ้าไม่มีหมี Shif Samascha ขอบคุณแม่ที่ตามอยู่ดูแลทั้งทางหัวใจและทางกายภาพความเป็นอยู่มาอยู่ที่บ้านดูแลยาวๆช่วงวีคท้ายๆ หนูกำลังจะได้เข้าใจความยิ่งใหญ่ไร้เงื่อนไขของความรักจากแม่เหมือนที่แม่ให้หนูมาตลอดชีวิต Jinny Poonchai และขอบคุณหมอต้น ที่ทำให้เส้นทางนี้ของพี่ไม่เคยเคว้งคว้าง สับสน ข้อมูลแน่น บอกไว้เป็นขั้นตอน ลดความกลัวของพี่ไปได้มาก และกล้าลุยเพราะหมอต้นบอกไว้ก่อนแล้วเสมอ Prach Boonmee

สุดท้าย แม่ขอบคุณเรอานะลูก ที่หนูอดทนมาด้วยกันกับแม่และพ่อตลอดเส้นทาง หนูแข็งแรงมาตั้งแต่ในท้อง จนวันคลอดหนูก็เข้มแข็ง สู้ด้วยกันกับแม่สุดใจ ยาลดปวดที่แม่ใช้แม้ไปกดการหายใจหนูก็อดทนให้แม่ได้เบาลงบ้าง ขอบคุณหนูนะลูก หนูมาสอนพ่อกับแม่ให้เป็นพ่อแม่คน แล้วพ่อแม่จะสอนหนูในการเป็นลูกและการเติบโตใช้ชีวิตบนโลกที่แสนวุ่นวายท้าทายแต่แม่เชื่อว่าไม่เกินความสามารถหนูแน่นอน จับมือกันไปเราสามคนเนอะ ขอบคุณที่เกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่นะคะ

"นักร้องดัง" เผยประสบการณ์ คลอดธรรมชาติ แบบไม่บล็อกหลัง เจ็บแค่ไหนมีคำตอบ