- 03 ก.พ. 2560
เว็บไซด์ Global Research ได้ให้ข้อมูลว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในการประชุมครั้งล่าสุดของเขากับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน)
เว็บไซด์ Global Research ได้ให้ข้อมูลว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในการประชุมครั้งล่าสุดของเขากับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) โดยมีคำสั่งให้กองทัพเตรียมความพร้อมสำหรับการทำสงครามโลก
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินทางเยือนเพนตากอน ในวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา และได้ออกคำสั่งให้กองทัพให้มีการบูรณะและการขยายตัวของกองกำลังอย่างกว้างขวางรวมทั้งคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์เพื่อรับมือการโจมตีจากรัสเซียและจีน
นอกจากนั้นแล้ว นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ ลงนามในเอกสาร คำสั่งในฐานะผู้บริหารซึ่งบนพื้นฐานดังกล่าวนี้กองกำลังทหารสหรัฐอเมริกาต้องมีการบูรณะและปรับโฉมหน้าใหม่ในวงกว้าง
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้กล่าวถึงคำสั่งให้ผู้อพยพชาวมุสลิมเข้าประเทศว่า เราจำต้องปกป้องประเทศสหรัฐอเมริกาต่อการโจมตีของผู้ก่อการร้ายต่างประเทศ
เขาได้มีคำสั่งให้ พล.อ.เจมส์ แมตทิต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและการป้องกันอเมริกาสำหรับการกำจัดกลุ่มไอเอส ว่าควรดำเนินการอย่างเร่งด่วนและทำการตรวจสอบเขตพื้นที่สีแดงภายใน 30 วัน
นอกจากนั้นยังได้มีการเพิ่มงบประมาณทางทหารของอเมริกาเพิ่มขึ้นในปี 2018 เพื่อเสริมสร้างการรักษาความปลอดภัยของอมริกาให้มีความเข้มแข็ง
ซึ่งทางเว็บไซต์ เว็บไซด์ Global Research ได้วิเคราะห์ คำสั่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเพียงสามหน้าซึ่งสามารถเห็นได้ว่าอยู่ในรูปแบบของการวางแผนสำหรับการสร้างสงครามขนาดใหญ่ นั่นก็หมายถึงสงครามโลก ครั้งใหม่นั่นเอง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ทำการลงนามใช้อำนาจพิเศษสูงสุดของฝ่ายบริหารในการ ปฏิรูปกองทัพสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ ด้วยการพิจารณาจัดซื้อยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินรบ เรือตรวจการณ์และเรือดำน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง จะต้องคำนึงถึงแต่ราคาที่จะต้องเหมาะสม
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ นั้นต้องการสันติภาพ แต่การสร้างความแข็งแกร่งของกองทัพเป็นประเด็นที่ไม่สามารถละเลยได้เช่นกัน และแสดงความเชื่อมั่นว่าสภาคองเกรสจะต้องพึงพอใจกับร่างแผนงบประมาณทางทหารฉบับใหม่ ที่ทางเขานั้นจะเสนอไปให้พิจารณา โดยผู้นำสหรัฐฯ ส่งสัญญาณการเพิ่มความสำคัญในนโยบายด้านกลาโหมนับตั้งแต่เข้าทำงานเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา จากการที่กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานแห่งเดียว ที่ได้รับการยกเว้นจากคำสั่งระงับการจ้างงานใหม่ของหน่วยงานในสังกัดรัฐบาลกลางทุกแห่ง
การใช้อำนาจพิเศษของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องดังกล่าวยังไม่มีแนวทางเฉพาะเจาะจงมากนัก โดยระบุให้ พล.อ.เจมส์ แมตทิส รมว.กระทรวงกลาโหม เสนอรายงานผลการทบทวนศักยภาพและประสิทธิภาพของกองทัพสหรัฐฯ ภายใน 30 วัน
ทางด้าน พล.อ.เจมส์ แมตทิส ได้สั่งการในทันทีให้มีการตรวจสอบโครงการเครื่องบินขับไล่ เอฟ-35 มูลค่า 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และโครงการพัฒนาเครื่องบินโดยสาร แอร์ ฟอร์ซ วัน ที่เป็นอากาศยานประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ครั้งหนึ่งนั้น ทางด้าน นายโดนัลด์ ทรัมป์ เคยวิจารณ์ว่า แพงเกินไป ทั้งสองโครงการ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ให้ฝ่ายทหาร ซึ่งประกอบไปด้วย กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน), คณะเสนาธิการทหารร่วม, และหน่วยงานอื่น ๆ นั้นทำการแผนมานำเสนอ โดยที่จะทำให้กลุ่มไอเอส นั้นหมดไปได้อย่างไร โดยให้ส่งมา พิจารณาภายในเวลา 30 วัน ทั้งนี้นับเป็นการที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทำตามคำมั่นสัญญาอีกประการหนึ่งซึ่งเขาให้ไว้ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
คำสั่งฉบับนี้ระบุให้ระดมผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ มาทำงานร่วมกัน เพื่อเสนอแนะว่าจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในกฎว่าด้วยการปะทะสู้รบของสหรัฐฯ หรือข้อจำกัดทางนโยบายอย่างอื่นๆ รวมทั้งให้ระบุพวกที่ควรเป็นหุ้นส่วนหน้าใหม่ๆ ในกลุ่มพันธมิตร ตลอดจนเสนอกลไกต่างๆ เพื่อการตัดแหล่งหาเงินทุนของไอเอส นอกจากนั้นคำสั่งนี้ยังเรียกร้องให้คิดยุทธศาสตร์อย่างมีรายละเอียดในเรื่องการหาเงินงบประมาณมาสนับสนุนแผนการนี้ด้วย
หากฝ่ายทหารสหรัฐฯมีการปรับเปลี่ยนใดๆ ขึ้นมาแล้ว ก็น่าที่จะก่อให้เกิดผลกระทบกระเทือนอย่างกว้างขวางต่อความสัมพันธ์ที่สหรัฐฯมีอยู่กับฝ่ายต่างๆ ทั่วทั้งตะวันออกกลาง โดยที่สายสัมพันธ์ดังกล่าวนี้อยู่ในสภาพตึงเครียด จากการที่ในตลอดระยะเวลาแห่งการปกครองประเทศของเขา อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาพยายามจำกัดขอบเขตที่สหรัฐฯจะเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันทางด้านการทหารในอิรักและซีเรีย
พล.อ.เจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหม ของสหรัฐฯ เป็นผู้ที่เสนอแนะเรียกร้องให้ใช้วิธีการอันมีพลังเข้มแข็งมากขึ้นในการต่อสู้ปราบปรามไอเอส ทว่าเขาจะทำอย่างไรบ้างในรายละเอียดนั้นยังคงไม่เป็นที่ชัดเจน โดยที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่
ทางทหารของสหรัฐฯ กล่าวยืนยันว่า สหรัฐฯสามารถที่จะเอาชนะกลุ่มไอเอส ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการใช้กองกำลังอาวุธของตนเข้าปฏิบัติการในสมรภูมิ แทนที่จะพึ่งพาอาศัยพวกนักรบท้องถิ่น แบบปัจจุบันนี้
เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์ |