รัสเซีย ส่งเครื่องบินรบ เข้าสกัด เครื่องบินลาดตระเวนสหรัฐฯ หลังโฉบใกล้ชายแดน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 โดยทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้ออกแถลงว่า รัสเซียได้ส่งเครื่องบินขับไล่ Su-30 ขึ้นสกัดเครื่องบินลาดตระเวน P-8A Poseidon ของสหรัฐฯลำหนึ่ง บินอยู่เหนือทะเลดำซึ่งเป็นพื้นที่น่านน้ำสากล

เครื่องบินขับไล่ Su-30 ของรัสเซีย บินเหนือเครื่องบินลำดังกล่าวและสามารถระบุตัวตนด้วยสายตาว่ามันเป็นเครื่องบินลาดตระเวน P-8A Poseidon ของสหรัฐฯ หลังจากถูกสกัดโดยกองทัพอากาศรัสเซีย เครื่องบินสอดแนมของอเมริกาได้เปลี่ยนเส้นทางและบินจากไป

 

เดือนตุลาคม พลอากาศเอกวิคตอร์ เซวอสต์ยานอฟ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศรัสเซียในมณฑลทหารภาคใต้ เผยสหรัฐฯได้ส่งโดรน โกลบอล ฮอว์ก ดำเนินภารกิจลาดตระเวนในเขตทะเลดำมากกว่า 100 เที่ยวในปีนี้ โดยเส้นทางหลักของเครื่องบินสอดแนมเหล่านั้นอยู่แถวแหลมไครเมียและบินห่างจากชายแดนของรัสเซียแค่ราว 10-15 กิโลเมตร

 

ในขณะที่เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้น ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัสเซียต้องส่งเครื่องบินรบเข้าสกัดเครื่องบินต่างชาติที่ตรวจพบใกล้ชายแดนของพวกเขา เพราะเดือนมิถุนายน Su-27ของรัสเซีย เข้าสกัดเครื่องบิน F-16 ของนาโต้ หลังมันบินเข้าใกล้เครื่องบินลำหนึ่งซึ่งมี เซอร์เก ซอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดคาลินินกราด ทางตะวันตกของรัสเซีย


นอกจากนั้นแล้ว ในเดือนมิถุนายน ยังเกิดเหตุการณ์หลายครั้ง เช่น กองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำยุโรปเผยแพร่ภาพชุดเหตุการณ์เผชิญหน้ากันบนท้องฟ้าเหนือทะเลบอลติก เป็นภาพเครื่องบินรบ Su-27ของรัสเซีย บินเข้ามาเฉียดปีกของเครื่องบินลาดตระเวน RC-135U ของสหรัฐฯ ในความห่างแค่ 5 ฟุต โดยระยะของมันใกล้ถึงขั้นในบางภาพสามารถเห็นนักบินของรัสเซีย ซึ่งทางด้าน ทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่าเครื่องบินของรัสเซียบินโฉบยั่วยุ อยู่ตลอดเวลา

นอกจากนั้นยังเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างเครื่องบินรบและเรือรบของรัสเซียและสหรัฐฯในแถบทะเลบอลติกแล้วกว่า 35 ครั้ง ทั้งนี้การบินสกัดกั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ

 

ขณะที่เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2560 ทางด้านสวีเดน เอง ก็ได้ เรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสวีเดน เข้าชี้แจง กรณีเครื่องบินขับรบ Su-27 บินเฉียดใกล้เครื่องบินลาดตระเวนกัลฟ์สตรีมของสวีเดนเหนือทะเลบอลติก เช่นเดียวกัน

รวมถึงกรณีเครื่องบินสอดแนม RC-135 ของกองทัพสหรัฐฯ เผชิญหน้ากับเครื่องบินขับไล่ SU-27 ของกองทัพรัสเซีย บริเวณเขตน่านฟ้าสากลของทะเลบอลติก โดยเครื่องบินลำดังกล่าวของรัสเซียซึ่งมีการติดขีปนาวุธ ได้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้าหาเครื่องบินของสหรัฐฯ และทิ้งระยะห่างไม่ถึง 5 เมตร ถือเป็นการแสดงออกของนักบินที่ขาดความเป็นมืออาชีพและเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายอย่างยิ่ง

 

 

ทางด้านแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า เครื่องบิน SU-27 ของรัสเซีย จำเป็นต้องเข้าสกัดเครื่องบิน RC-135 ของสหรัฐฯ หลังพบว่าเครื่องบินของอีกฝ่ายเคลื่อนที่ในทิศทางมุ่งสู่เขตน่านฟ้าของรัสเซีย แต่เครื่องบิน RC-135 กลับบินเข้ามาใกล้และหักเลี้ยวในระยะประชิดด้วย แต่ในที่สุดอากาศยานของสหรัฐฯ เป็นฝ่ายถอยห่างจากการเข้าสู่เขตน่านฟ้าของรัสเซียไป