- 03 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
องค์การสหประชาชาติออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัสเซีย ต้องทำตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ออกมาก่อนหน้า ประกาศให้ทั่วประเทศซีเรียเป็นเขตหยุดยิง 30 วัน ซึ่งทางด้านทูตพิเศษประจำสหประชาชาติ กล่าวถึงปัญหานี้ โดยชี้ว่า การกระทำของรัสเซียทำให้เป็นการยากที่จะส่งความช่วยเหลือเข้าไปในพื้นที่ได้
การสู้รบในประเทศซีเรีย เขตกูตาตะวันออก ซึ่งเป็นเขตยึดครองแห่งสุดท้ายของฝ่ายกบฏที่อยู่ชานกรุงดามัสกัส ทางรัฐบาลของประธานาธิบดีบาซาร์ อัล อัสซาด มีความพยายามอย่างหนักในการที่จะยึดพื้นที่คืนและได้เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มกบฏมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดปรากฏว่า ฝูงบินรบยังดาหน้าถล่มดินแดนสุดท้ายของฝ่ายกบฏใกล้เมืองหลวงของซีเรียอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำลังพิจารณาข้อเรียกร้องหยุดยิง 30 วันทั่วประเทศ เปิดทางสำหรับมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินและอพยพด้านการแพทย์
ทางด้านสตาฟฟาน เดอ มิสตูรา ทูตสหประชาชาติประจำซีเรีย เรียกร้องขอให้มีการหยุดยิงสำหรับระงับการจู่โจมทางอากาศครั้งดุเดือดที่สุดหนหนึ่งในสงครามกลางเมือง 7 ปี เพื่อป้องกันการฆ่าหมู่ในเมืองกูตาตะวันออก ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏ ซึ่งตั้งอยู่แถบชานกรุงดามัสกัส
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี ออกเสียงเป็นเอกฉันท์วันเสาร์ ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อการหยุดยิงเป็นเวลา 30 วันทั่วซีเรีย เปิดโอกาสให้การบรรเทาทุกข์และการอพยพเร่งด่วนทางแพทย์สามารถกระทำได้ หลังพื้นที่กูตาตะวันออกโดนโจมตีทางอากาศต่อเนื่อง ทั้งเมืองมีแต่ควันไฟ เศษอิฐ มีเครื่องบินรบและโดรนวิ่งตลอดทั้งคืน
มีรายงานว่าพบเครื่องบินรบที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียเข้าโจมตีชิฟูนิเยห์ อยู่ในส่วนตะวันออกของกูตา เกิดขึ้นไม่กี่นาทีหลังมีมติองค์การสหประชาชาติออกมา ขณะที่ทางด้านตัวแทนประธานาธิบดีบาซาร์ อัล อัสซาดประจำองค์การสหประชาชาติ บาชาร์ จาฟารี ยังยืนยันเสียงแข็งว่า รัฐบาลซีเรียที่ชอบธรรมของเขามีสิทธิ์ปกป้องดินแดนของตัวเอง และจะยังคงต่อสู้กับการก่อการร้าย ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด
ขณะที่ทางด้านพันธมิตรของซีเรียอย่างรัสเซีย ก็ได้สั่งให้กองทัพนั้นหยุดปฏิบัติการในพื้นที่กูตาตะวันออกวันละ 5 ชั่วโมง เพื่อตอบรับมติของสหประชาชาติ โดยกำหนดช่วงเวลาคือ เวลา 09.00 – 14.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของทุกวัน โดยเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา แต่ทว่า ก็ถูกวิจารณ์จากทางด้าน พล.อ.โจเซฟ โวเทล ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการกลาง ( เซนต์คอม ) ของสหรัฐฯ ว่าการกระทำของรัสเซียนั้น เป็นการตีสองหน้าไม่ว่าเรื่องการทูต หรือเรื่องทหาร โดยเขาบอกว่าการสู้รบแทบจะไม่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัสเซียกำหนดการหยุดยิง แต่ทว่าหลังจากสิ้นเวลากลับเป็นว่า สถานการณ์ การสู้รบกลับรุนแรงขึ้นเป็นทวีคูณ ส่งผลให้หน่วยงานบรรเทาทุกข์ไม่สามารถอพยพประชาชนและส่งมอบความช่วยเหลือเข้าสู่พื้นที่ประสบภัยได้ โดยจำนวนผู้เสียชีวิตเฉพาะในสมรภูมิกูตาตะวันออกซึ่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกองทัพซีเรียตั้งแต่ปี 2556 อยู่ที่อย่างน้อย 582 คน นับตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา
จนกระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2561 ทางด้านองค์การสหประชาชาติออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัสเซีย ต้องทำตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ออกมาก่อนหน้า ประกาศให้ทั่วประเทศซีเรียเป็นเขตหยุดยิง 30 วัน ซึ่งทางด้านทูตพิเศษประจำสหประชาชาติ กล่าวถึงปัญหานี้ โดยชี้ว่า การกระทำของรัสเซียทำให้เป็นการยากที่จะส่งความช่วยเหลือเข้าไปในพื้นที่ได้ ซึ่งทางองค์การสหประชาชาติต้องการส่งอาหาร ยารักษาโรค และการอพยพผู้ป่วยออกมาจากพื้นที่ความขัดแย้งอย่างเร่งด่วน ซึ่งในเวลานี้มีประชาชนซีเรียที่ติดอยู่ในกูตาตะวันออกราว 400,000 คน และต้องมีการอพยพผู้ป่วยเร่งด่วน 1,000 คนออกนอกพื้นที่
ซึ่งในเวลานี้ทางด้านคาวานการช่วยเหลือจากทางด้านสหประชาชาตินั้นยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ เนื่องจากการสู้รบนั้นยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เสี่ยงเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ ที่จะเข้าให้การช่วยเหลือในพื้นที่ดังกล่าว
ในขณะที่ทางด้านรัฐบาลอิหร่านซึ่งให้ความสนับสนุนรัฐบาลซีเรียยืนยันการปฏิบัติตามมติของสหประชาชาติ อย่างไรก็ตาม การที่คำสั่งไม่ครอบคลุมกลุ่มก่อการร้ายที่รวมถึงกลุ่มอัลกออิดะห์ และกลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล ชาม หรืออดีตกลุ่มอัลนุสรา หมายความว่าปฏิบัติการทางทหารในส่วนนี้จะยังคงดำเนินต่อไป จึงทำให้พื้นที่ดังกล่าวนั้นยังคงเต็มไปด้วยควันปืนและกลิ่นคาวเลือดอย่างต่อเนื่อง